พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ หน้า 251-255

                                                            หน้าที่ ๒๕๑

                                                                จำพรรษาในอาวาส ๒ แห่ง
                [๒๒๑] ก็โดยสมัยนั้นแล ท่านพระอุปนนทศากยบุตร ถวายปฏิญาณแก่พระเจ้าปเสนทิ-
โกศลว่า จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษาต้น. ท่านไปสู่อาวาสนั้น ในระหว่างทาง ได้พบอาวาส ๒ แห่ง
มีจีวรมาก จึงคิดว่า ไฉนหนอ เราจะพึงจำพรรษาในอาวาส ๒ แห่งนี้   เมื่อเป็นเช่นนี้ จีวร
เป็นอันมากก็จักบังเกิดแก่เรา ดังนี้ เราจึงจำพรรษาในอาวาส ๒ แห่งนั้น.  พระเจ้าปเสนทิโกศล
ทรงเพ่งโทษ ติเตียน  โพนทะนาว่า พระคุณเจ้าอุปนนทศากยบุตร ให้ปฏิญาณแก่เราว่าจะจำพรรษา
ไฉนจึงได้ทำให้คลาดเสียเล่า พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนการพูดเท็จ ทรงสรรเสริญกิริยาที่เว้น
จากการพูดเท็จ  โดยอเนกปริยายมิใช่หรือ?  ภิกษุทั้งหลายได้ยินท้าวเธอทรงเพ่งโทษ  ติเตียน
โพนทะนาอยู่. บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ท่านพระอุปนนท-
ศากยบุตรถวายปฏิญาณแก่พระเจ้าปเสนทิโกศลว่า จะจำพรรษา ไฉนจึงได้ทำให้คลาดเสียเล่า
พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนการพูดเท็จ ทรงสรรเสริญกิริยาที่เว้นจากการพูดเท็จ  โดยอเนกปริยาย
มิใช่หรือ? ดังนี้  จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
                ลำดับนั้น   พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์.  ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น
แล้วทรงสอบถามท่านพระอุปนนทศากยบุตรว่า ดูกรอุปนนท์ ข่าวว่าเธอถวายปฏิญาณแก่พระเจ้า
ปเสนทิโกศลว่า จะอยู่จำพรรษา แล้วทำให้คลาดจริงหรือ?
                ท่านอุปนนทศากยบุตรทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
                พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษ  เธอถวายปฏิญาณแก่พระเจ้า
ปเสนทิโกศลว่าจะจำพรรษา ไฉนจึงได้ทำให้คลาดเสียเล่า? เราติเตียนการพูดเท็จ  สรรเสริญกิริยา
ที่เว้นจากการพูดเท็จ โดยอเนกปริยายแล้วมิใช่หรือ?  การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความ
เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส .... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา รับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้:-
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า  จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษาต้น.
เธอไปสู่อาวาสนั้น  พบอาวาส ๒ แห่งมีจีวรมาก  ในระหว่างทางจึงคิดอย่างนี้ว่า  ไฉนหนอ
เราจะพึงจำพรรษาในอาวาส ๒ แห่งนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ จีวรเป็นอันมากก็จักบังเกิดแก่เรา ดังนี้.
เธอจึงจำพรรษาในอาวาส ๒ แห่งนั้น.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย วันจำพรรษาต้นของภิกษุนั้นไม่ปรากฏ
และเธอต้องอาบัติทุกกฏ. เพราะรับคำ


                                                            หน้าที่ ๒๕๒

                                                                ปฏิญาณจำพรรษาต้น
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษา
ต้น. เธอไปสู่อาวาสนั้น ทำอุโบสถภายนอกวิหาร ถึงวันแรม ๑ ค่ำ จึงเข้าวิหาร จัดเสนาสนะ
ตั้งน้ำฉัน  น้ำใช้ กวาดบริเวณ.  เธอไม่มีกิจจำเป็นหลีกไปเสียในวันนั้นทีเดียว.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย
วันจำพรรษาต้นของภิกษุนั้นไม่ปรากฏ และเธอต้องอาบัติทุกกฏ เพราะรับคำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า  จะจำพรรษาในวันเข้า
พรรษาต้น.  เธอไปสู่อาวาสนั้น ทำอุโบสถภายนอกวิหาร ถึงวันแรม ๑ ค่ำ จึงเข้าวิหาร จัดหา
เสนาสนะ ตั้งน้ำฉัน น้ำใช้ กวาดบริเวณ. เธอมีกิจจำเป็น  หลีกไปเสียในวันนั้นทีเดียว.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย วันจำพรรษาต้นของภิกษุนั้นไม่ปรากฏ และเธอต้องอาบัติทุกกฏ เพราะรับคำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า  จะจำพรรษาในวันเข้า
พรรษาต้น.  เธอไปสู่อาวาสนั้น ทำอุโบสถภายนอกวิหาร ถึงวันแรม ๑ ค่ำ  จึงเข้าวิหาร
จัดหาเสนาสนะ ตั้งน้ำฉัน น้ำใช้ กวาดบริเวณ.  เธอพักอยู่ ๒-๓ วัน  ไม่มีกิจจำเป็น หลีก
ไปเสีย.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  วันจำพรรษาต้นของภิกษุนั้นไม่ปรากฏ และเธอต้องอาบัติทุกกฏ
เพราะรับคำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษา
ต้น.  เธอไปสู่อาวาสนั้น ทำอุโบสถภายนอกวิหาร ถึงวันแรม ๑ ค่ำ จึงเข้าวิหาร จัดเสนาสนะ
ตั้งน้ำฉัน น้ำใช้ กวาดบริเวณ.  เธอพักอยู่ ๒-๓ วัน มีกิจจำเป็น หลีกไปเสีย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
วันจำพรรษาต้นของภิกษุนั้นไม่ปรากฏ และเธอต้องอาบัติทุกกฏ เพราะรับคำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษา
ต้น.  เธอไปสู่อาวาสนั้น ทำอุโบสถภายนอกวิหาร ถึงวันแรม ๑ ค่ำ จึงเข้าวิหาร จัดเสนาสนะ
ตั้งน้ำฉัน น้ำใช้ กวาดบริเวณ.  เธอพักอยู่ ๒-๓ วัน แล้วหลีกไปด้วยสัตตาหกรณียะ.
เธออยู่ภายนอกพ้น ๗ วัน.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย วันจำพรรษาต้นของภิกษุนั้นไม่ปรากฏ  และเธอ
ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะรับคำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า  จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษา
ต้น.  เธอพักอยู่ ๒-๓ วัน  แล้วหลีกไปด้วยสัตตาหกรณียะ.  เธอกลับมาภายใน ๗ วัน.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย วันจำพรรษาต้น ของภิกษุนั้นปรากฏ และเธอไม่ต้องอาบัติ เพราะรับคำ.


                                                            หน้าที่ ๒๕๓

                ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า  จะจำพรรษาในวันเข้า
พรรษาต้น. เธอไปสู่อาวาสนั้น ทำอุโบสถภายนอกวิหาร ถึงวันแรม ๑ ค่ำ จึงเข้าวิหารจัดเสนาสนะ
ตั้งน้ำฉัน  น้ำใช้ กวาดบริเวณ.  ยังอีก ๗ วัน  จะถึงวันปวารณา เธอมีกิจจำเป็น หลีกไปเสีย.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุนั้นจะมาสู่อาวาสนั้นก็ตาม ไม่มาก็ตาม. วันจำพรรษาต้นของภิกษุนั้นปรากฏ
และเธอไม่ต้องอาบัติ เพราะรับคำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า   จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษาต้น.
เธอไปสู่อาวาสนั้น ทำอุโบสถ ถึงวันแรม ๑ ค่ำ  จึงเข้าวิหาร จัดเสนาสนะ  ตั้งน้ำฉัน  น้ำใช้
กวาดบริเวณ.  เธอไม่มีกิจจำเป็น หลีกไปเสียในวันนั้นทีเดียว.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย วันจำพรรษา
ต้นของภิกษุนั้นไม่ปรากฏ และเธอต้องอาบัติทุกกฏ เพราะรับคำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง  ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า  จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษา
ต้น  เธอไปสู่อาวาสนั้น  ทำอุโบสถถึงวันแรม ๑ ค่ำ  จึงเข้าวิหารจัดหาเสนาสนะ  ตั้งน้ำฉัน
น้ำใช้ กวาดบริเวณ.  เธอมีกิจจำเป็น หลีกไปเสียในวันนั้นทีเดียว ....
                .... เธอพักอยู่ ๒-๓ วัน  ไม่มีกิจจำเป็นหลีกไปเสีย ....
                .... เธอพักอยู่ ๒-๓ วัน  มีกิจจำเป็นหลีกไปเสีย ....
                .... เธอพักอยู่ ๒-๓ วัน  แล้วหลีกไปด้วยสัตตาหกรณียะ. เธออยู่ภายนอกพ้น ๗ วัน.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  วันจำพรรษาต้นของภิกษุนั้นไม่ปรากฏ   และเธอต้องอาบัติทุกกฏ เพราะรับคำ.
                เธอพักอยู่ ๒-๓ วัน  แล้วหลีกไปด้วยสัตตาหกรณียะ.  เธอกลับมาภายใน ๗ วัน.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  วันจำพรรษาต้นของภิกษุนั้นปรากฏ และเธอไม่ต้องอาบัติ เพราะรับคำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า  จะจำพรรษาในวันเข้า
พรรษาต้น.  เธอไปสู่อาวาสนั้น ทำอุโบสถถึงวันแรม ๑ ค่ำ  จึงเข้าสู่วิหารจัดเสนาสนะ ตั้งน้ำฉัน
น้ำใช้ กวาดบริเวณ. ยังอีก ๗ วัน จะถึงวันปวารณา เธอมีกิจจำเป็นหลีกไป.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุนั้นจะมาสู่อาวาสนั้นก็ตาม ไม่มาก็ตาม.  วันจำพรรษาต้นของภิกษุนั้นปรากฏ  และเธอไม่
ต้องอาบัติ เพราะรับคำ.


                                                            หน้าที่ ๒๕๔

                                                                ปฏิญาณจำพรรษาหลัง
                [๒๒๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ก็ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า  จะจำพรรษาในวันเข้า
พรรษาหลัง.  เธอไปสู่อาวาสนั้น ทำอุโบสถภายนอกวิหาร  ถึงวันแรม ๑ ค่ำ จึงเข้าวิหาร จัด
เสนาสนะ ตั้งน้ำฉัน น้ำใช้ กวาดบริเวณ.   เธอไม่มีกิจจำเป็น หลีกไปเสียในวันนั้นทีเดียว.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  วันจำพรรษาหลังของภิกษุนั้นไม่ปรากฏ และเธอต้องอาบัติทุกกฏ เพราะรับคำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ได้ปฏิญาณไว้ว่า  จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษา
หลัง.  เธอไปสู่อาวาสนั้น ทำอุโบสถภายนอกวิหาร ถึงวันแรม ๑ ค่ำ จึงเข้าวิหาร จัดเสนาสนะ
ตั้งน้ำฉัน  น้ำใช้  กวาดบริเวณ.  เธอมีกิจจำเป็น หลีกไปเสียในวันนั้นทีเดียว ....
                .... เธอพักอยู่ ๒-๓ วัน ไม่มีกิจจำเป็นหลีกไปเสีย ....
                .... เธอพักอยู่ ๒-๓ วัน มีกิจจำเป็นหลีกไปเสีย ....
                .... เธอพักอยู่ ๒-๓ วัน แล้วหลีกไปด้วยสัตตาหกรณียะ.  เธออยู่ภายนอกพ้น ๗ วัน.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย วันจำพรรษาหลังของภิกษุนั้นไม่ปรากฏ และเธอต้องอาบัติทุกกฏ เพราะรับคำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง  ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า  จะจำพรรษาในวันเข้า
พรรษาหลัง. เธอไปสู่อาวาสนั้น ทำอุโบสถภายนอกวิหาร ถึงวันแรม ๑ ค่ำ จึงเข้าวิหาร จัด
เสนาสนะ ตั้งน้ำฉัน  น้ำใช้  กวาดบริเวณ.  เธอพักอยู่ ๒-๓ วัน แล้วหลีกไปด้วยสัตตาหะ-
กรณียะ.  เธอกลับมาภายใน ๗ วัน.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  วันจำพรรษาหลังของภิกษุนั้นปรากฏ
และเธอไม่ต้องอาบัติ เพราะรับคำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า  จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษา
หลัง ....
                .... ยังอีก ๗ วัน จะครบ ๔ เดือน  อันเป็นที่บานแห่งดอกโกมุท  เธอมีกิจจำเป็นหลีก
ไปเสีย.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุนั้นจะมาสู่อาวาสนั้นก็ตาม ไม่มาก็ตาม.  วันจำพรรษาหลังของ
ภิกษุนั้นปรากฏ และเธอไม่ต้องอาบัติ เพราะรับคำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษา
หลัง.  เธอเข้าไปสู่อาวาสนั้น  ทำอุโบสถ ถึงวันแรม ๑ ค่ำ จึงเข้าวิหาร จัดเสนาสนะ ตั้งน้ำฉัน
น้ำใช้ กวาดบริเวณ. เธอไม่มีกิจจำเป็น หลีกไปเสียในวันนั้นทีเดียว ....


                                                            หน้าที่ ๒๕๕

                .... เธอมีกิจจำเป็น  หลีกไปเสียในวันนั้นทีเดียว ....
                .... เธอพักอยู่  ๒-๓ วัน  ไม่มีกิจจำเป็นหลีกไปเสีย ....
                .... เธอพักอยู่  ๒-๓ วัน  มีกิจจำเป็นหลีกไปเสีย ....
                .... เธอพักอยู่  ๒-๓ วัน  แล้วหลีกไปด้วยสัตตาหกรณียะ.   เธออยู่ภายนอกพ้น ๗ วัน.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  วันจำพรรษาหลังของเธอไม่ปรากฏ และเธอต้องอาบัติทุกกฏ เพราะรับคำ.
                .... เธอพักอยู่  ๒-๓ วัน  แล้วหลีกไปด้วยสัตตาหกรณียะ.  เธอกลับมาภายใน ๗ วัน.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  วันจำพรรษาหลังของภิกษุนั้นปรากฏ  และเธอไม่ต้องอาบัติ เพราะรับคำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า  จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษา
หลัง ....
                .... ยังอีก ๗ วันจะครบ ๔ เดือน  อันเป็นที่บานแห่งดอกโกมุท  เธอมีกิจจำเป็นหลีก
ไปเสีย.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุนั้นจักมาสู่อาวาสนั้นก็ตาม ไม่มาก็ตาม.   วันจำพรรษาหลังของ
ภิกษุนั้นปรากฏ และเธอไม่ต้องอาบัติ  เพราะรับคำ.
                                                                วัสสูปนายิกขันธกะ  ที่ ๓ จบ.
                                                                __________________

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘