พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒ หน้า 246-250

                                                            หน้าที่ ๒๔๖

                                                พูดล้อประชดกระทบโรค
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันมีโรคทราม ด้วยกล่าวกระทบโรคอุกฤษฏ์
คือพูดกะอุปสัมบันผู้เป็นโรคเรื้อน ... โรคฝี ... โรคกลาก ... โรคมองคร่อ ... โรคลมบ้าหมู
ว่าท่านเป็นโรคเบาหวาน ดังนี้ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อยกยอกระทบโรค
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันมีโรคอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบโรค
อุกฤษฏ์ คือพูดกะอุปสัมบันผู้เป็นโรคเบาหวาน ว่าท่านเป็นโรคเบาหวาน ดังนี้ ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อกดกระทบรูปพรรณ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันมีรูปพรรณทราม ด้วยกล่าวกระทบ
รูปพรรณทราม คือพูดกะอุปสัมบันผู้สูงเกินไป ... ต่ำเกินไป ... ดำเกินไป ขาวเกินไป
ว่าท่านเป็นคนสูงนัก ว่าท่านเป็นคนต่ำนัก ว่าท่านเป็นคนดำนัก ว่าท่านเป็นคนขาวนัก
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อกดให้เลวกระทบรูปพรรณ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันมีรูปพรรณอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
รูปพรรณทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ไม่สูงนัก ... ไม่ต่ำนัก ... ไม่ดำนัก ... ไม่ขาวนัก ว่าท่าน
เป็นคนสูงนัก ว่าท่านเป็นคนต่ำนัก ว่าท่านเป็นคนดำนัก ว่าท่านเป็นคนขาวนัก ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อประชดกระทบรูปพรรณ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันมีรูปพรรณทราม ด้วยกล่าวกระทบ


                                                            หน้าที่ ๒๔๗

รูปพรรณอุกฤษฏ์ คือพูดกะอุปสัมบันผู้สูงเกินไป ... ต่ำเกินไป ... ดำเกินไป ... ขาวเกินไป
ว่าท่านเป็นคนไม่สูงนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ต่ำนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ดำนัก ว่าท่านเป็นคน
ไม่ขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อยกยอกระทบรูปพรรณ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันมีรูปพรรณอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
รูปพรรณอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ไม่สูงเกินไป ... ไม่ต่ำเกินไป ... ไม่ดำเกินไป ... ไม่ขาว
เกินไป ว่าท่านเป็นคนไม่สูงนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ต่ำนัก ว่าท่านเป็นคนไม่ดำนัก ว่าท่านเป็นคน
ไม่ขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อกดกระทบกิเลส
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันมีกิเลสทราม ด้วยกล่าวกระทบ
กิเลสทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ถูกราคะกลุ้มรุม ... ถูกโทสะย่ำยี ... ถูกโมหะครอบงำ
ว่าท่านถูกราคะกลุ้มรุม ว่าท่านถูกโทสะย่ำยี ว่าท่านถูกโมหะครอบงำ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อกดให้เลวกระทบกิเลส
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันมีความประพฤติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าว
กระทบกิเลสทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ปราศจากราคะ ... ปราศจากโทสะ ... ปราศจากโมหะ
ว่าท่านถูกราคะกลุ้มรุม ว่าท่านถูกโทสะย่ำยี ว่าท่านถูกโมหะครอบงำ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อประชดกระทบกิเลส
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันมีกิเลสทราม ด้วยกล่าวกระทบกิเลส


                                                            หน้าที่ ๒๔๘

อุกฤษฏ์ คือพูดกะอุปสัมบันผู้ถูกราคะกลุ้มรุม ... ถูกโทสะย่ำยี ... ถูกโมหะครอบงำ ว่าท่าน
ปราศจากราคะ ว่าท่านปราศจากโทสะ ว่าท่านปราศจากโมหะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อยกยอกระทบกิเลส
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันมีความประพฤติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
กิเลสอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ปราศจากราคะ ... ปราศจากโทสะ ... ปราศจากโมหะ ว่าท่าน
ปราศจากราคะ ว่าท่านปราศจากโทสะ ว่าท่านปราศจากโมหะ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อกดกระทบอาบัติ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันผู้ต้องอาบัติทราม ด้วยกล่าวกระทบ
อาบัติทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้ต้องอาบัติปาราชิก ... ผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ผู้ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย ... ผู้ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ... ผู้ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ... ผู้ต้องอาบัติทุกกฏ ... ผู้ต้อง
อาบัติทุพภาสิต ว่าท่านต้องอาบัติปาราชิก ว่าท่านต้องอาบัติสังฆาทิเสส ว่าท่านต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย ว่าท่านต้องอาบัติปาจิตตีย์ ว่าท่านต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ว่าท่านต้องอาบัติทุกกฏ
ว่าท่านต้องอาบัติทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อกดให้เลวกระทบอาบัติ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันผู้อุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
อาบัติทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้เป็นโสดาบัน ว่าท่านต้องอาบัติปาราชิก ว่าท่านต้องอาบัติ
สังฆาทิเสส ว่าท่านต้องอาบัติถุลลัจจัย ว่าท่านต้องอาบัติปาจิตตีย์ ว่าท่านต้องอาบัติ
ปาฏิเทสนียะ ว่าท่านต้องอาบัติทุกกฏ ว่าท่านต้องอาบัติทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อประชดกระทบอาบัติ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันผู้ต้องอาบัติทราม ด้วยกล่าวกระทบ


                                                            หน้าที่ ๒๔๙

อาบัติอุกฤษฏ์ คือพูดกะอุปสัมบันผู้ต้องอาบัติปาราชิก ... ผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ผู้ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย ... ผู้ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ... ผู้ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ... ผู้ต้องอาบัติทุกกฏ ... ผู้ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ว่าท่านเป็นโสดาบัน ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อยกยอกระทบความประพฤติ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันผู้อุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
ความประพฤติอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้เป็นโสดาบัน ว่าท่านเป็นโสดาบัน ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อกดกระทบคำสบประมาท
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันผู้มีความประพฤติทราม ด้วยกล่าว
กระทบคำด่าทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้มีความประพฤติดังอูฐ ... มีความประพฤติดังแพะ ... มี
ความประพฤติดังโค ... มีความประพฤติดังลา ... มีความประพฤติดังสัตว์ดิรัจฉาน ... มีความ
ประพฤติดังสัตว์นรก ว่าท่านเป็นอูฐ ว่าท่านเป็นแพะ ว่าท่านเป็นโค ว่าท่านเป็นลา
ว่าท่านเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ว่าท่านเป็นสัตว์นรก สุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่ทุคติ
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                พูดล้อกดให้เลวกระทบคำสบประมาท
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันผู้มีความประพฤติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าว
กระทบคำด่าทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้เป็นบัณฑิต ... ผู้ฉลาด ... ผู้มีปัญญา ... ผู้พหูสูต
... ผู้ธรรมกถึก ว่าท่านเป็นอูฐ ว่าท่านเป็นแพะ ว่าท่านเป็นโค ว่าท่านเป็นลา ว่าท่านเป็น
สัตว์ดิรัจฉาน ว่าท่านเป็นสัตว์นรก สุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่ทุคติ ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.


                                                            หน้าที่ ๒๕๐

                                                พูดล้อประชดกระทบคำสบประมาท
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันผู้มีความประพฤติทราม ด้วยกล่าว
กระทบคำด่าอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้มีความประพฤติดังอูฐ ... มีความประพฤติดังแพะ
... มีความประพฤติดังโค ... มีความประพฤติดังลา ... มีความประพฤติดังสัตว์ดิรัจฉาน ... มีความ
ประพฤติดังสัตว์นรก ว่าท่านเป็นบัณฑิต ว่าท่านเป็นคนฉลาด ว่าท่านเป็นคนมีปัญญา
ว่าท่านเป็นพหูสูต ว่าท่านเป็นธรรมกถึก ทุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่สุคติ ดังนี้
เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อยกยอกระทบคำสบประมาท
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอุปสัมบันผู้มีความประพฤติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าว
กระทบคำด่าอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้เป็นบัณฑิต ... ผู้ฉลาด ... ผู้มีปัญญา ... ผู้พหูสูต
... ผู้ธรรมกถึก ว่าท่านเป็นบัณฑิต ว่าท่านเป็นคนฉลาด ว่าท่านเป็นคนมีปัญญา ว่าท่านเป็น
พหูสูต ว่าท่านเป็นธรรมกถึก ทุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่สุคติ ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบชาติทราม
                [๒๔๗] อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนา
จะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดเปรยอย่างนี้ คือกล่าวว่า มีภิกษุในพระธรรม-
วินัยนี้ บางพวกเป็นชาติคนจัณฑาล บางพวกเป็นชาติคนจักสาน บางพวกเป็นชาติพราน
บางพวกเป็นชาติคนช่างหนัง บางพวกเป็นชาติคนเทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบชาติอุกฤษฏ์
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดเปรยอย่างนี้ คือกล่าวว่า มีภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
บางพวกเป็นชาติกษัตริย์ บางพวกเป็นชาติพราหมณ์ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุกๆ คำพูด.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘