พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒ หน้า 211-215
หน้าที่ ๒๑๑
พูดยกยอกระทบโคตร
[๒๐๘] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีโคตรอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบโคตรอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบัน
โคตมโคตร ... โมคคัลลานโคตร ... กัจจายนโคตร ... วาเสฏฐโคตร ว่าท่านโคตมโคตร ว่าท่าน
โมคคัลลานโคตร ว่าท่านกัจจายนโคตร ว่าท่านวาเสฏฐโคตร ดังนี้ เป็นต้น ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดกระทบการงาน
[๒๐๙] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีการงานทรามด้วยกล่าวกระทบการงานทราม คือ พูดกะอุปสัมบันเป็น
ช่างไม้ ... เป็นคนเทดอกไม้ ว่าท่านทำงานช่างไม้ ว่าท่านทำงานเทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบการงาน
[๒๑๐] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีการงานอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบการงานทราม คือพูดกะอุปสัมบัน
เป็นชาวนา ... เป็นพ่อค้า ... เป็นคนเลี้ยงโค ว่าท่านทำงานช่างไม้ ว่าท่านทำงานเทดอกไม้
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบการงาน
[๒๑๑] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีการงานทราม ด้วยกล่าวกระทบการงานอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบัน
เป็นช่างไม้ ... เป็นคนเทดอกไม้ ว่าท่านทำงานไถนา ว่าท่านทำงานค้าขาย ว่าท่านทำงาน
เลี้ยงโค ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบการงาน
[๒๑๒] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีการงานอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบการงานอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบัน
เป็นชาวนา ... เป็นพ่อค้า ... เป็นคนเลี้ยงโค ว่าท่านทำงานไถนา ว่าท่านทำงานค้าขาย
ว่าท่านทำงานเลี้ยงโค ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
หน้าที่ ๒๑๒
พูดกดกระทบศิลปะ
[๒๑๓] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีวิชาการช่างทราม ด้วยกล่าวกระทบวิชาการช่างทราม คือ พูดกะ
อุปสัมบันมีวิชาการช่างจักสาน, ... มีวิชาการช่างหม้อ, ... มีวิชาการช่างหูก, ... มีวิชาการช่างหนัง,
... มีวิชาการช่างกัลบก, ว่าท่านมีวิชาการช่างจักสาน, ว่าท่านมีวิชาการช่างหม้อ, ว่าท่านมีวิชา
การช่างหูก, ว่าท่านมีวิชาการช่างหนัง, ว่ามีวิชาการช่างกัลบก, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบศิลปะ
[๒๑๔] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีวิชาการช่างอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบวิชาการช่างทราม คือ พูดกะ
อุปสัมบันวิชาการช่างนับ, มีวิชาการช่างคำนวณ, มีวิชาการช่างเขียน, ว่าท่านมีวิชาการช่างจักสาน,
ว่าท่านมีวิชาการช่างหม้อ, ว่าท่านมีวิชาการช่างหูก, ว่าท่านมีวิชาการช่างหนัง, ว่าท่านมีวิชาการช่าง
กัลบก, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบศิลปะ
[๒๑๕] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีวิชาการช่างทราม ด้วยกล่าวกระทบวิชาการช่างอุกฤษฏ์ คือ พูดกะ
อุปสัมบันมีวิชาการช่างจักสาน, มีวิชาการช่างหม้อ, มีวิชาการช่างหูก, มีวิชาการช่างหนัง,
มีวิชาการช่างกัลบก, ว่าท่านมีวิชาการช่างนับ ว่าท่านมีวิชาการช่างคำนวณ, ว่าท่านมีวิชาการ
ช่างเขียน, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบศิลปะ
[๒๑๖] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะประสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีวิชาการช่างอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบวิชาการช่างอุกฤษฏ์ คือ
พูดกะอุปสัมบันมีวิชาการช่างคำนวณ, มีวิชาการช่างเขียน, ว่าท่านมีวิชาการช่างนับ, ว่าท่านมี
วิชาการช่างคำนวณ, ว่าท่านมีวิชาการช่างเขียน, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด
พูดกดกระทบโรค
[๒๑๗] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะทำ
ให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีโรคทราม ด้วยกล่าวกระทบโรคทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้
หน้าที่ ๒๑๓
เป็นโรคเรื้อน, โรคฝี, ... โรคกลาก, ... โรคมองคร่อ, ... โรคลมบ้าหมู, ว่าท่านเป็นโรคเรื้อน, ว่าท่าน
เป็นโรคฝี, ว่าท่านเป็นโรคกลาก, ว่าท่านเป็นโรคมองคร่อ, ว่าท่านเป็นโรคลมบ้าหมู, ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบโรค
[๒๑๘] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะทำ
ให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีโรคอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบโรคทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้เป็น-
โรคเบาหวาน, ว่าท่านเป็นโรคเรื้อน, ว่าท่านเป็นโรคฝี, ว่าท่านเป็นโรคกลาก, ว่าท่านเป็นโรค
มองคร่อ, ว่าท่านเป็นโรคลมบ้าหมู, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบโรค
[๒๑๙] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะทำ
ให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีโรคทราม ด้วยกล่าวกระทบโรคอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบันผู้
เป็นโรคเรื้อน, ... โรคฝี, โรคกลาก, ... โรคมองคร่อ, ... โรคลมบ้าหมู ... ว่าท่านเป็นโรคเบาหวาน, ... ดังนี้
เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด
พูดยกยอกระทบโรค
[๒๒๐] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีโรคอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบโรคอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบัน
ผู้เป็นโรคเบาหวาน ว่าท่านเป็นโรคเบาหวาน, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด
พูดกดกระทบรูปพรรณ
[๒๒๑] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีรูปพรรณทราม ด้วยกล่าวกระทบรูปพรรณทราม คือ พูดกะอุปสัมบัน
ผู้สูงเกินไป, ... ต่ำเกินไป, ... ดำเกินไป, ... ขาวเกินไป, ว่าท่านเป็นคนสูงนัก, ว่าท่านเป็นคนต่ำนัก
ว่าท่านเป็นคนดำนัก, ว่าท่านเป็นคนขาวนัก, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบรูปพรรณ
[๒๒๒] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีรูปพรรณอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบรูปพรรณทราม คือ พูดกะ
อุปสัมบันผู้ไม่สูงนัก, ... ไม่ต่ำนัก, ... ไม่ดำนัก, ... ไม่ขาวนัก, ว่าท่านเป็นคนสูงนัก, ว่าท่านเป็นคน
หน้าที่ ๒๑๔
ต่ำนัก, ว่าท่านเป็นคนดำนัก, ว่าท่านเป็นคนขาวนัก, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบรูปพรรณ
[๒๒๓] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีรูปพรรณทราม ด้วยกล่าวกระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์ คือ พูดกะ
อุปสัมบันผู้สูงเกินไป, ... ต่ำเกินไป, ... ดำเกินไป, ... ขาวเกินไป, ว่าท่านเป็นคนไม่สูงนัก, ว่าท่าน
เป็นคนไม่ต่ำนัก, ว่าท่านเป็นคนไม่ดำนัก, ว่าท่านเป็นคนไม่ขาวนัก ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบรูปพรรณ
[๒๒๔] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีรูปพรรณอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์ คือ
พูดกะอุปสัมบันผู้ไม่สูงเกินไป, ... ไม่ต่ำเกินไป, ... ไม่ดำเกินไป, ... ไม่ขาวเกินไป, ว่าท่านเป็น
คนไม่สูงนัก, ว่าท่านเป็นคนไม่ต่ำนัก, ว่าท่านเป็นคนไม่ดำนัก, ว่าท่านเป็นคนไม่ขาวนัก,
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดกระทบกิเลส
[๒๒๕] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีกิเลสทราม ด้วยกล่าวกระทบกิเลสทราม คือ พูดกะอุปสัมบันผู้-
ถูกราคะกลุ้มรุม, ... ผู้ถูกโทสะย่ำยี, ... ผู้ถูกโมหะครอบงำ, ว่าท่านถูกราคะกลุ้มรุม, ว่าท่านถูกโท-
สะย่ำยี, ว่าท่านถูกโมหะครอบงำ, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบกิเลส
[๒๒๖] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีกิเลสอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบกิเลสทราม คือ พูดกะอุปสัมบัน
ผู้ปราศจากราคะ, ... ปราศจากโทสะ, ... ปราศจากโมหะ, ว่าท่านถูกราคะกลุ้มรุม, ว่าท่านถูกโทสะ
ย่ำยี, ว่าท่านถูกโมหะครอบงำ, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบกิเลส
[๒๒๗] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีกิเลสทราม ด้วยกล่าวกระทบกิเลสอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบัน
หน้าที่ ๒๑๕
ผู้ถูกราคะกลุ้มรุม ... ถูกโทสะย่ำยี ... ถูกโมหะครอบงำ ... ว่าท่านปราศจากราคะ, ว่าท่านปราศจาก
โทสะ, ว่าท่านปราศจากโมหะ, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดยกยอกระทบกิเลส
[๒๒๘] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันมีกิเลสอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบกิเลสอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุปสัมบัน
ผู้ปราศจากราคะ, ... ปราศจากโทสะ, ... ปราศจากโมหะ, ว่าท่านปราศจากราคะ, ว่าท่านปราศจาก
โทสะ, ว่าท่านปราศจากโมหะ, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดกดกระทบอาบัติ
[๒๒๙] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันผู้ต้องอาบัติทราม ด้วยกล่าวกระทบอาบัติทราม คือ พูดกะอุปสัมบัน
ผู้ต้องอาบัติปาราชิก, ... ผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส, ... ผู้ต้องอาบัติถุลลัจจัย, ... ผู้ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ผู้ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ, ... ผู้ต้องอาบัติทุกกฏ, ... ผู้ต้องอาบัติทุพภาสิต, ว่าท่านต้องอาบัติปาราชิก,
ว่าท่านต้องอาบัติสังฆาทิเสส, ว่าท่านต้องอาบัติถุลลัจจัย, ว่าท่านต้องอาบัติปาจิตตีย์, ว่าท่านต้อง
อาบัติปาฏิเทสนียะ, ว่าท่านต้องอาบัติทุกกฏ, ว่าท่านต้องอาบัติทุพภาสิต, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ-
ปาจิตตีย์ทุกๆ คำพูด.
พูดกดให้เลวกระทบอาบัติ
[๒๓๐] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันผู้ต้องอาบัติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบอาบัติทราม คือ พูดกะ
อุปสัมบันผู้เป็นโสดาบัน ว่าท่านต้องอาบัติปาราชิก, ว่าท่านต้องอาบัติสังฆาทิเสส, ว่าท่านต้อง
อาบัติถุลลัจจัย, ว่าท่านต้องอาบัติปาจิตตีย์, ว่าท่านต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ, ว่าท่านต้องอาบัติทุกกฏ,
ว่าท่านต้องอาบัติทุพภาสิต, ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
พูดประชดกระทบอาบัติ
[๒๓๑] อุปสัมบันปรารถนาจะด่า ปรารถนาจะสบประมาทอุปสัมบัน ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ พูดกะอุปสัมบันผู้ต้องอาบัติทราม ด้วยกล่าวกระทบอาบัติอุกฤษฏ์ คือ พูดกะอุป-
สัมบันผู้ต้องอาบัติปาราชิก, ... ผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส, ... ผู้ต้องอาบัติถุลลัจจัย, ... ผู้ต้องอาบัติปาจิตตีย์