พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ หน้า 206-210

                                                            หน้าที่ ๒๐๖

                ภิกษุรูปนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า มิใช่ผมแต่ผู้เดียวที่ต้องอาบัตินี้ ขอรับ สงฆ์หมู่นี้ล้วนต้อง
อาบัตินี้ทั้งนั้น.
                พระพหูสูตกล่าวอย่างนี้ว่า ภิกษุรูปอื่นที่ต้องอาบัติแล้วหรือมิได้ต้อง จักช่วยอะไรท่านได้
ขอรับ นิมนต์ท่านออกจากอาบัติของตนเสียเถิด ขอรับ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุนั้นทำคืนอาบัตินั้น ตามคำของพระพหูสูต แล้วเข้าไปหา
ภิกษุเหล่านั้น ครั้นแล้วบอกภิกษุเหล่านั้นอย่างนี้ว่า อาวุโสทั้งหลาย ได้ทราบมาว่า ภิกษุรูปใด
ทำอย่างนี้ด้วย อย่างนี้ด้วย ภิกษุรูปนั้นต้องอาบัติชื่อนี้ พวกท่านต้องอาบัติชื่อนี้แล้ว ขอรับ
จงทำคืนอาบัตินั้นเสีย.  ถ้าภิกษุเหล่านั้น  จะพึงทำคืนอาบัตินั้น ตามคำของภิกษุผู้บอก
ทำได้อย่างนี้ นั่นเป็นการดี  ถ้าจะไม่พึงทำคืน ภิกษุนั้นไม่ปรารถนา ก็ไม่พึงว่ากล่าวภิกษุ
เหล่านั้น.
                                                                โจทนาวัตถุภาณวาร จบ.
                                                                _____________
                                                                ทำอุโบสถไม่ต้องอาบัติ ๑๕ ข้อ
                [๑๙๑] ก็โดยสมัยนั้นแล ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นมากรูป
ด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง.  พวกเธอไม่รู้ว่ายังมีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นที่ยังไม่มา.
พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม  มีความสำคัญว่าเป็นวินัย  เป็นหมู่ มีความสำคัญว่าพร้อมกัน
ได้ทำอุโบสถ สวดปาติโมกข์.  เมื่อพวกเธอกำลังสวดปาติโมกข์. ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่น
มาถึงมีจำนวนมากกว่า.  ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.  พระผู้มีพระภาค
รับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้:-
                ๑. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้
มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอไม่รู้ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่น
ที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่ มีความสำคัญ


                                                            หน้าที่ ๒๐๗

ว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์.  เมื่อพวกเธอกำลังสวดปาติโมกข์. ขณะนั้น
มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า. ภิกษุเหล่านั้นต้องสวดปาติโมกข์ใหม่. พวกภิกษุ
ผู้สวด ไม่ต้องอาบัติ.
                ๒. ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นใน
ศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอไม่รู้ว่า ยังมีภิกษุ
เจ้าถิ่นพวกอื่นที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่
มีความสำคัญว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถสวดปาติโมกข์.  เมื่อพวกเธอกำลังสวดปาติโมกข์
ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน. ปาติโมกข์ที่สวดแล้วก็เป็นอันสวดดีแล้ว.
พวกภิกษุผู้มาทีหลัง พึงฟังส่วนที่ยังเหลือต่อไป. พวกภิกษุผู้สวด ไม่ต้องอาบัติ.
                ๓. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้
มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอไม่รู้ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่น
ที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่ มีความสำคัญ
ว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์.  เมื่อพวกเธอกำลังสวดปาติโมกข์ ขณะนั้นมีภิกษุ
เจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนน้อยกว่า. ปาติโมกข์ที่สวดแล้วก็เป็นอันสวดดีแล้ว. พวกภิกษุ
ผู้มาทีหลัง พึงฟังสวดที่ยังเหลือต่อไป.  พวกภิกษุผู้สวดไม่ต้องอาบัติ.
                ๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง  ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นใน
ศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอไม่รู้ว่า ยังมีภิกษุ
เจ้าถิ่นพวกอื่นที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่
มีความสำคัญว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์.  พอพวกเธอสวดปาติโมกข์จบ ขณะนั้น
มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมา ถึงมีจำนวนมากกว่า.  ภิกษุเหล่านั้นต้องสวดปาติโมกข์ใหม่. พวกภิกษุ
ผู้สวด ไม่ต้องอาบัติ.
                ๕. ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นใน
ศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอไม่รู้ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่น
พวกอื่นที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่ มีความ
สำคัญว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ สวดปาติโมกข์. พอพวกเธอสวดปาติโมกข์จบ ขณะนั้น


                                                            หน้าที่ ๒๐๘

มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน. ปาติโมกข์ที่สวดแล้วก็เป็นอันสวดดีแล้ว. พวกภิกษุ-
ผู้มาทีหลัง พึงบอกปาริสุทธิในสำนักพวกเธอ. พวกภิกษุผู้สวด ไม่ต้องอาบัติ.
                ๖. ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นใน
ศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอไม่รู้ว่า ยังมีพวกภิกษุ
เจ้าถิ่นพวกอื่นที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่
มีความสำคัญว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ สวดปาติโมกข์. พวกเธอสวดปาติโมกข์จบ ขณะนั้น
มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนน้อยกว่า. ปาติโมกข์ที่สวดแล้วก็เป็นอันสวดดีแล้ว. พวก
ภิกษุผู้มาทีหลัง พึงบอกปาริสุทธิในสำนักพวกเธอ. พวกภิกษุผู้สวดไม่ต้องอาบัติ.
                ๗. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง  ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นใน
ศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอไม่รู้ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่น
พวกอื่นที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่ มีความ
สำคัญว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์. พอพวกเธอสวดปาติโมกข์จบ บริษัทยังไม่ทัน
ลุกไป ขณะนั้น  มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า. ภิกษุเหล่านั้นต้องสวดปาติโมกข์
ใหม่. พวกภิกษุผู้สวดไม่ต้องอาบัติ.
                ๘. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง  ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นใน
ศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอไม่รู้ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่น
พวกอื่นที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่ มีความ
สำคัญว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์.  พอพวกเธอสวดปาติโมกข์จบ บริษัทยังไม่ทัน
ลุกไป ขณะนั้น  มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึงมีจำนวนเท่ากัน ....
                ๙. ดูกรภิกษุทั้งหลาย .... มีจำนวนน้อยกว่า ปาติโมกข์ที่สวดแล้วก็เป็นอันสวดดีแล้ว.
พวกภิกษุผู้มาทีหลัง พึงบอกปาริสุทธิในสำนักพวกเธอ. พวกภิกษุผู้สวด ไม่ต้องอาบัติ.
                ๑๐. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง  ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่น
ในศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอไม่รู้ว่า ยังมีภิกษุ
เจ้าถิ่นพวกอื่นที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่
มีความสำคัญว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์. พอพวกเธอสวดปาติโมกข์จบ บริษัท
บางพวกลุกไปแล้ว ขณะนั้นมีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า. ภิกษุเหล่านั้นต้อง
สวดปาติโมกข์ใหม่ พวกภิกษุผู้สวด ไม่ต้องอาบัติ.


                                                            หน้าที่ ๒๐๙

                ๑๑. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง  ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นใน
ศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอไม่รู้ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่น
พวกอื่นที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่ มีความ
สำคัญว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์. พอภิกษุเหล่านั้นสวดปาติโมกข์จบ บริษัท
บางพวกลุกไปแล้ว  ขณะนั้นมีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๑๒. ดูกรภิกษุทั้งหลาย .... มีจำนวนน้อยกว่า ปาติโมกข์ที่สวดแล้วก็เป็นอันสวดดีแล้ว.
พวกภิกษุผู้มาทีหลัง พึงบอกปาริสุทธิในสำนักพวกเธอ. พวกภิกษุผู้สวด ไม่ต้องอาบัติ.
                ๑๓. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง  ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นใน
ศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอไม่รู้ว่า ยังมีภิกษุ
เจ้าถิ่นพวกอื่นที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่
มีความสำคัญว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์.  พอพวกเธอสวดปาติโมกข์จบ บริษัท
ลุกไปหมดแล้ว ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า.  ภิกษุเหล่านั้นต้องสวด
ปาติโมกข์ใหม่. พวกภิกษุผู้สวด ไม่ต้องอาบัติ.
                ๑๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง  ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นใน
ศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอไม่รู้ว่า ยังมีภิกษุ
เจ้าถิ่นพวกอื่นที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่
มีความสำคัญว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์.  พอพวกเธอสวดปาติโมกข์จบ บริษัท
ลุกไปหมดแล้ว  ขณะนั้น  มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๑๕. ดูกรภิกษุทั้งหลาย .... มีจำนวนน้อยกว่า ปาติโมกข์ที่สวดแล้วก็เป็นอันสวดดีแล้ว.
พวกภิกษุผู้มาทีหลัง พึงบอกปาริสุทธิในสำนักพวกเธอ. พวกภิกษุผู้สวด ไม่ต้องอาบัติ.
                                                ทำอุโบสถไม่ต้องอาบัติ ๑๕ ข้อ จบ.
                                                ทำอุโบสถเป็นหมู่สำคัญว่าพร้อมกัน ๑๕ ข้อ
                [๑๙๒] ๑. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นใน
ศาสนานี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอรู้อยู่ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่น


                                                            หน้าที่ ๒๑๐

พวกอื่นที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่ มีความ
สำคัญว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์.  เมื่อพวกเธอกำลังสวดปาติโมกข์ ขณะนั้น
มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า.  ภิกษุเหล่านั้นต้องสวดปาติโมกข์ใหม่. พวกภิกษุ
ผู้สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ๒. .... ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึงมีจำนวนเท่ากัน ....
                ๓. .... มีจำนวนน้อยกว่า ปาติโมกข์ที่สวดแล้วก็เป็นอันสวดดีแล้ว. พวกภิกษุผู้มาทีหลัง
พึงฟังส่วนที่เหลือต่อไป.  พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนา
นี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอรู้อยู่ว่า ยังมีภิกษุเจ้าถิ่นพวก
อื่นที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่ มีความ
สำคัญว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์.  พอพวกเธอสวดปาติโมกข์จบ  ขณะนั้น มี
ภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า.  ภิกษุเหล่านั้นต้องสวดปาติโมกข์ใหม่. พวกภิกษุ
ผู้สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ๕. .... ขณะนั้น มีภิกษุเจ้าถิ่นพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๖. .... มีจำนวนน้อยกว่า ปาติโมกข์ที่สวดแล้วก็เป็นอันสวดดีแล้ว พวกภิกษุผู้มาทีหลัง
พึงบอกปาริสุทธิในสำนักพวกเธอ.  พวกภิกษุผู้สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ๗. ดูกรภิกษุทั้งหลาย  อนึ่ง  ในอาวาสแห่งหนึ่ง ถึงวันอุโบสถ มีภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนา
นี้มากรูปด้วยกัน แต่ประชุมกัน ๔ รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง. พวกเธอรู้อยู่ว่า ยังมีพวกภิกษุเจ้าถิ่น
อื่นที่ยังไม่มา. พวกเธอมีความสำคัญว่าเป็นธรรม มีความสำคัญว่าเป็นวินัย เป็นหมู่ มีความ
สำคัญว่าพร้อมกัน จึงทำอุโบสถ  สวดปาติโมกข์. พอพวกเธอสวดปาติโมกข์จบ บริษัทยังไม่
ทันลุกไป .... มีจำนวนมากกว่า ....
                ๘. .... มีจำนวนเท่ากัน ....
                ๙. .... มีจำนวนน้อยกว่า ....
                ๑๐. .... บริษัทบางพวกลุกไปแล้ว .... มีจำนวนมากกว่า ....
                ๑๑. .... มีจำนวนเท่ากัน ....

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘