พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒ หน้า 206-210

                                                            หน้าที่ ๒๐๖

                                                                กรรมที่สงฆ์ทสวรรคทำ
                [๑๙๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ากรรมที่สงฆ์ทสวรรคทำ สงฆ์มีภิกษุณีเป็นที่ ๑๐ ทำกรรม
กรรมนั้นใช้ไม่ได้ และไม่ควรทำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ากรรมที่สงฆ์ทสวรรคทำ สงฆ์มีสิกขมานาเป็นที่ ๑๐ ....  มีสามเณร
เป็นที่ ๑๐ มีสามเณรีเป็นที่ ๑๐ ....  มีภิกษุผู้บอกลาสิกขาเป็นที่ ๑๐ ....  มีภิกษุผู้ต้องอันติมวัตถุ
เป็นที่ ๑๐ ....  มีภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่เห็นอาบัติเป็นที่ ๑๐ ....  มีภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐาน
ไม่ทำคืนอาบัติเป็นที่ ๑๐ ....  มีภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่สละทิฏฐิบาปเป็นที่ ๑๐ .... มีบัณเฑาะก์
เป็นที่ ๑๐ ....  มีภิกษุลักเพศเป็นที่ ๑๐ มีภิกษุผู้เข้ารีดเดียรถีย์เป็นที่ ๑๐ มีสัตว์ดิรัจฉานเป็น
ที่ ๑๐ ....  มีภิกษุผู้ทำมาตุฆาตเป็นที่ ๑๐ ....  มีภิกษุผู้ทำปิตุฆาตเป็นที่ ๑๐ มีภิกษุผู้ทำอรหันตฆาต
เป็นที่ ๑๐ ....  มีภิกษุผู้ประทุษร้ายภิกษุณีเป็นที่ ๑๐ ....  มีภิกษุผู้ทำสังฆเภทเป็นที่ ๑๐ ....  มีภิกษุ
ผู้ทำโลหิตุปบาทเป็นที่ ๑๐ ....  มีอุภโตพยัญชนกเป็นที่ ๑๐ ....  มีภิกษุนานาสังวาสเป็นที่ ๑๐ ....
มีภิกษุอยู่ในสีมาต่างกันเป็นที่ ๑๐ ....  มีภิกษุผู้อยู่ในเวหาสด้วยฤทธิ์เป็นที่ ๑๐ ....  สงฆ์ทำกรรม
แก่ผู้ใด มีผู้นั้นเป็นที่ ๑๐ ทำกรรม กรรมนั้นใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ.
                                                กรรมที่สงฆ์ทสวรรคทำ จบ.
                                                                _________________
                                                                กรรมที่สงฆ์วีสติวรรคทำ
                [๑๙๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ากรรมที่สงฆ์วีสติวรรคทำ สงฆ์มีภิกษุณีเป็นที่ ๒๐ ทำกรรม
กรรมนั้นใช้ไม่ได้ และไม่ควรทำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ากรรมที่สงฆ์วีสติวรรคทำ สงฆ์มีสิกขมานาเป็นที่ ๒๐ ....  มีสามเณร
เป็นที่ ๒๐ ....  มีสามเณรีเป็นที่ ๒๐ ....  มีภิกษุผู้บอกลาสิกขาเป็นที่ ๒๐ ....  มีภิกษุผู้ต้อง
อันติมวัตถุเป็นที่ ๒๐ ....  มีภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่เห็นอาบัติเป็นที่ ๒๐ ....  มีภิกษุผู้ถูก


                                                            หน้าที่ ๒๐๗

สงฆ์ยกเสียฐานไม่ทำคืนอาบัติเป็นที่ ๒๐ ....  มีภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่สละทิฏฐิบาปเป็นที่
๒๐ ....  มีภิกษุลักเพศเป็นที่ ๒๐ ....  มีภิกษุผู้เข้ารีดเดียรถีย์เป็นที่ ๒๐ ....  มีสัตว์ดิรัจฉาน
เป็นที่ ๒๐ ....  มีภิกษุผู้ทำมาตุฆาตเป็นที่ ๒๐ ....  มีภิกษุผู้ทำปิตุฆาตเป็นที่ ๒๐ ....  มีภิกษุผู้
ทำอรหันตฆาตเป็นที่ ๒๐ ....  มีภิกษุผู้ประทุษร้ายภิกษุณีเป็นที่ ๒๐ ....  มีภิกษุผู้ทำสังฆเภทเป็น
ที่ ๒๐ ....  มีภิกษุผู้ทำโลหิตุปบาทเป็นที่ ๒๐ ....  มีอุภโตพยัญชนกเป็นที่ ๒๐ ....  มีภิกษุ
นานาสังวาสเป็นที่ ๒๐ ....  มีภิกษุอยู่ในสีมาต่างกันเป็นที่ ๒๐ ....  สงฆ์ทำกรรมแก่ผู้ใด มีผู้
นั้นเป็นที่ ๒๐ ทำกรรม กรรมนั้นใช้ไม่ได้ และไม่ควรทำ.
                                                กรรมที่สงฆ์วีสติวรรคทำ จบ.
                                                                ______________
                                                กรรมที่สงฆ์จตุวรรคเป็นต้นทำ
                [๑๙๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสงฆ์มีภิกษุผู้อยู่ปริวาสเป็นที่ ๔ พึงให้ปริวาส พึงชัก
เข้าหาอาบัติเดิม พึงให้มานัต มีภิกษุผู้อยู่ปริวาสนั้นเป็นที่ ๒๐ พึงอัพภาน กรรมนั้นใช้ไม่ได้
และไม่ควรทำ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสงฆ์มีภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิมเป็นที่ ๔ พึงให้ปริวาส พึงชัก
เข้าหาอาบัติเดิม พึงให้มานัต มีภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิมนั้นเป็นที่ ๒๐ พึงอัพภาน กรรมนั้น
  ใช้ไม่ได้ และไม่ควรทำ
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสงฆ์มีภิกษุผู้ควรมานัตเป็นที่ ๔ พึงให้ปริวาส พึงชักเข้าหา
อาบัติเดิม พึงให้มานัต มีภิกษุผู้ควรมานัตนั้นเป็นที่ ๒๐ พึงอัพภาน กรรมนั้นใช้ไม่ได้ และไม่
ควรทำ
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสงฆ์มีภิกษุผู้ประพฤติมานัตเป็นที่ ๔ พึงให้ปริวาส พึงชักเข้าหา
อาบัติเดิม พึงให้มานัต มีภิกษุผู้ประพฤติมานัตนั้นเป็นที่ ๒๐ พึงอัพภาน กรรมนั้นใช้ไม่ได้
และไม่ควรทำ


                                                            หน้าที่ ๒๐๘

                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสงฆ์มีภิกษุผู้ควรอัพภานเป็นที่ ๔ พึงให้ปริวาส พึงชักเข้าหา
อาบัติเดิม พึงให้มานัต มีภิกษุผู้ควรอัพภานนั้นเป็นที่ ๒๐ พึงอัพภาน กรรมนั้นใช้ไม่ได้ และ
ไม่ควรทำ.
                                                                ปฏิโกสนา ๒ อย่าง
                [๑๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนคัดค้านในท่ามกลางสงฆ์ขึ้น บางคนคัดค้าน
ไม่ขึ้น
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ใครเล่าคัดค้านในท่ามกลางสงฆ์ไม่ขึ้น
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณี คัดค้านในท่ามกลางสงฆ์ไม่ขึ้น
                สิกขมานา ....
                สามเณร ....
                สามเณรี ....
                ภิกษุผู้บอกลาสิกขา ....
                ภิกษุผู้ต้องอันติมวัตถุ ....
                ภิกษุวิกลจริต ....
                ภิกษุมีจิตฟุ้งซ่าน ....
                ภิกษุผู้กระสับกระส่ายเพราะเวทนา ....
                ภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่เห็นอาบัติ ....
                ภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่ทำคืนอาบัติ ....
                ภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่สละทิฏฐิบาป ....
                บัณเฑาะก์ ....
                ภิกษุลักเพศ ....
                ภิกษุเข้ารีดเดียรถีย์ ....
                สัตว์ดิรัจฉาน ....
                ภิกษุผู้ฆ่ามารดา ....
                ภิกษุผู้ฆ่าบิดา ....
                ภิกษุผู้ฆ่าพระอรหันต์ ....


                                                            หน้าที่ ๒๐๙

                ภิกษุผู้ประทุษร้ายภิกษุณี ....
                ภิกษุผู้ทำสังฆเภท ....
                ภิกษุผู้ทำโลหิตุปบาท ....
                อุภโตพยัญชนก ....
                ภิกษุนานาสังวาส ....
                ภิกษุผู้อยู่ในสีมาต่างกัน ....
                ภิกษุผู้อยู่ในเวหาสด้วยฤทธิ์ ....
                สงฆ์ทำกรรมแก่ผู้ใด ผู้นั้นคัดค้านในท่ามกลางสงฆ์ไม่ขึ้น
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเหล่านี้แล คัดค้านในท่ามกลางสงฆ์ไม่ขึ้น
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ใครเล่าคัดค้านในท่ามกลางสงฆ์ขึ้น
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุปกตัตตะมีสังวาสเสมอกัน อยู่ในสีมาเดียวกัน
                โดยที่สุดแม้ภิกษุผู้นั่งอยู่บนอาสนะติดกันบอกให้รู้ คัดค้านในท่ามกลางสงฆ์ขึ้น.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้แล คัดค้านในท่ามกลางสงฆ์ขึ้น.
                                                                นิสสรณา ๒ อย่าง
                [๑๙๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย นิสสารณาการขับออกนี้มี ๒ อย่าง คือมีบุคคลที่ยังไม่ถึงการ
ขับออก ถ้าสงฆ์ขับเธอออก บางคนเป็นอันสงฆ์ขับออกดีแล้ว บางคนเป็นอันสงฆ์ขับออกไม่ดี
                ๑. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลชนิดไรที่ยังไม่ถึงการขับออก ถ้าสงฆ์ขับเธอออก เป็น
อันขับออกไม่ดี
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีอาบัติ ถ้าสงฆ์ขับเธอออก
เป็นอันขับออกไม่ดี
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้ เรากล่าวว่ายังไม่ถึงการขับออก ถ้าสงฆ์ขับเธอออกเป็นอัน
ขับออกไม่ดี
                ๒. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลชนิดไรที่ยังไม่ถึงการขับออก ถ้าสงฆ์ขับเธอออก เป็น
อันขับออกดีแล้ว


                                                            หน้าที่ ๒๑๐

                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพาล ไม่ฉลาด มีอาบัติมาก มีมารยาท
ไม่สมควร อยู่คลุกคลีกับพวกคฤหัสถ์ ด้วยการคลุกคลีอันไม่สมควร ถ้าสงฆ์ขับเธอออก
เป็นอันขับออกดีแล้ว
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้ เรากล่าวว่ายังไม่ถึงการขับออก ถ้าสงฆ์ขับเธอออก เป็น
อันขับออกดีแล้ว.
                                                                โอสารณา ๒ อย่าง
                [๑๙๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย โอสารณาการรับเข้าหมู่นี้มี ๒ อย่าง คือมีบุคคลที่ยังไม่ถึง
การรับเข้าหมู่ ถ้าสงฆ์รับเธอเข้าหมู่ บางคนเป็นอันรับเข้าดี บางคนเป็นอันรับเข้าไม่ดี
                ๑. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลชนิดไรที่ยังไม่ถึงการรับเข้าหมู่ ถ้าสงฆ์รับเธอเข้าหมู่
เป็นอันรับเข้าไม่ดี
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัณเฑาะก์ยังไม่ถึงการรับเข้าหมู่ ถ้าสงฆ์รับเธอเข้าหมู่ เป็นอันรับเข้า
ไม่ดี
                คนลักเพศ ....
                คนเข้ารีดเดียรถีย์ ....
                สัตว์ดิรัจฉาน ....
                คนผู้ฆ่ามารดา ....
                คนผู้ฆ่าบิดา ....
                คนผู้ฆ่าพระอรหันต์ ....
                คนผู้ประทุษร้ายภิกษุณี ....
                คนผู้ทำสังฆเภท ....
                คนผู้ทำโลหิตตุปบาท ....
                อุภโตพยัญชนก ยังไม่ถึงการรับเข้าหมู่ ถ้าสงฆ์รับเธอเข้าหมู่ เป็นอันรับเข้าไม่ดี
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เรากล่าวว่ายังไม่ถึงการรับเข้าหมู่ ถ้าสงฆ์รับเธอเข้าหมู่ เป็น
อันรับเข้าไม่ได้

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘