พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒ หน้า 201-205

                                                            หน้าที่ ๒๐๑

                ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุทำกรรมด้วยญัตติสองครั้ง และไม่สวดกรรมวาจา ชื่อว่า
กรรมไม่เป็นธรรม
                ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุทำกรรมด้วยสวดกรรมวาจาอย่างเดียว และไม่ตั้งญัตติ ชื่อว่า
กรรมไม่เป็นธรรม
                ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุทำกรรมด้วยสวดกรรมวาจาสองครั้ง และไม่ตั้งญัตติ ชื่อว่า
กรรมไม่เป็นธรรม
                ในญัตติจตุตถกรรม ถ้าภิกษุทำกรรมด้วยตั้งญัตติอย่างเดียว และไม่สวดกรรมวาจา
ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม
                ในญัตติจตุตถกรรม ถ้าภิกษุทำกรรมด้วยตั้งญัตติสองครั้ง ด้วยตั้งญัตติ ๓ ครั้ง ด้วย
ตั้งญัตติ ๔ ครั้ง และไม่สวดกรรมวาจา ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม
                ในญัตติจตุตถกรรม ถ้าภิกษุทำกรรมด้วยสวดกรรมวาจาอย่างเดียว และไม่ตั้งญัตติ
ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม
                ในญัตติจตุตถกรรม ถ้าภิกษุทำกรรมด้วยสวดกรรมวาจาสองครั้ง ด้วยสวดกรรมวาจา
๓ ครั้ง ด้วยสวดกรรมวาจา ๔ ครั้ง และไม่ตั้งญัตติ ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่ากรรมไม่เป็นธรรม.
                                                                อธิบายกรรมเป็นวรรค
                [๑๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง กรรมเป็นวรรค เป็นไฉน?
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวนเท่าใด ภิกษุเหล่านั้น
ไม่มาประชุม ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน ชื่อว่ากรรมเป็นวรรค
                ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวนเท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม แต่ไม่นำ
ฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน ชื่อว่ากรรมเป็นวรรค
                ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวนเท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม นำฉันทะ
ของภิกษุผู้ควรฉันทะมา แต่อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน ชื่อว่ากรรมเป็นวรรค


                                                            หน้าที่ ๒๐๒

                ในญัตติจตุตถกรรม ภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวนเท่าใด ภิกษุเหล่านั้นไม่มาประชุม ไม่นำ
ฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน ชื่อว่ากรรมเป็นวรรค
                ในญัตติจตุตถกรรม ถ้าภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวนเท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม แต่ไม่
นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน ชื่อว่ากรรมเป็นวรรค
                ในญัตติจตุตถกรรม ถ้าภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวนเท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม นำ
ฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา แต่อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน ชื่อว่ากรรมเป็นวรรค
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่ากรรมเป็นวรรค.
                                                                อธิบายกรรมพร้อมเพรียง
                [๑๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง กรรมพร้อมเพรียง เป็นไฉน?
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวนเท่าใด ภิกษุเหล่านั้น
มาประชุม นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันไม่คัดค้าน ชื่อว่ากรรมพร้อมเพรียง
                ในญัตติจตุตถกรรม ภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวนเท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม นำฉันทะ
ของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันไม่คัดค้าน ชื่อว่ากรรมพร้อมเพรียง.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่ากรรมพร้อมเพรียง.
                                                อธิบายกรรมเป็นวรรคโดยเทียมธรรม
                [๑๘๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง กรรมเป็นวรรคโดยเทียมธรรม เป็นไฉน?
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุสวดกรรมวาจาก่อน ตั้งญัตติภายหลัง
ภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวนเท่าใด ภิกษุเหล่านั้นไม่มาประชุม ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา
อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน ชื่อว่ากรรมเป็นวรรคโดยเทียมธรรม
                ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุสวดกรรมวาจาก่อน ตั้งญัตติทีหลัง ภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวน
เท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม แต่ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
ชื่อว่ากรรมเป็นวรรคโดยเทียมธรรม
                ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุสวดกรรมวาจาก่อน ตั้งญัตติทีหลัง ภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวน
เท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา แต่อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
ชื่อว่ากรรมเป็นวรรคโดยเทียมธรรม


                                                            หน้าที่ ๒๐๓

                ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุสวดกรรมวาจาก่อน ตั้งญัตติทีหลัง ภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวน
เท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา แต่อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
ชื่อว่ากรรมเป็นวรรคโดยเทียมธรรม
                ในญัตติจตุตถกรรม ถ้าภิกษุสวดกรรมวาจาก่อน ตั้งญัตติทีหลัง ภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวน
เท่าใด ภิกษุเหล่านั้นไม่มาประชุม ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
ชื่อว่ากรรมเป็นวรรคโดยเทียมธรรม
                ในญัตติจตุตถกรรม ถ้าภิกษุสวดกรรมวาจาก่อน ตั้งญัตติทีหลัง ภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวน
เท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา แต่อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
ชื่อว่ากรรมเป็นวรรคโดยเทียมธรรม
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่ากรรมเป็นวรรคโดยเทียมธรรม.
                                                อธิบายกรรมพร้อมเพรียงโดยเทียมธรรม
                [๑๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง กรรมพร้อมเพรียงโดยเทียมธรรม เป็นไฉน?
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุสวดกรรมวาจาก่อน ตั้งญัตติทีหลัง ภิกษุ
ผู้เข้ากรรมมีจำนวนเท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อม
หน้ากันไม่คัดค้าน ชื่อว่ากรรมพร้อมเพรียงโดยเทียมธรรม
                ในญัตติจตุตถกรรม ถ้าภิกษุสวดกรรมวาจาก่อน ตั้งญัตติทีหลัง ภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวน
เท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันไม่คัดค้าน
ชื่อว่ากรรมพร้อมเพรียงโดยเทียมธรรม
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่ากรรมพร้อมเพรียงโดยเทียมธรรม.
                                                อธิบายกรรมพร้อมเพรียงโดยธรรม
                [๑๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง กรรมพร้อมเพรียงโดยธรรม เป็นไฉน?
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในญัตติทุติยกรรม ถ้าภิกษุตั้งญัตติก่อน ทำกรรมด้วยสวดกรรมวาจา
หนเดียวทีหลัง ภิกษุผู้เข้ากรรมมีจำนวนเท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม นำฉันทะของภิกษุผู้ควร
ฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันไม่คัดค้าน ชื่อว่ากรรมพร้อมเพรียงโดยธรรม


                                                            หน้าที่ ๒๐๔

                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในญัตติจตุตถกรรม ถ้าภิกษุตั้งญัตติก่อน ทำกรรมด้วยสวดกรรมวาจา
สามครั้งทีหลัง ภิกษุเข้ากรรมมีจำนวนเท่าใด ภิกษุเหล่านั้นมาประชุม นำฉันทะของภิกษุผู้ควร
ฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันไม่คัดค้าน ชื่อว่ากรรมพร้อมเพรียงโดยธรรม
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่ากรรมพร้อมเพรียงโดยธรรม.
                                                                สงฆ์ ๕ ประเภท
                [๑๘๗] สงฆ์มี ๕ คือ ภิกษุสงฆ์จตุรวรรค ๑. ภิกษุสงฆ์ปัญจวรรค ๑. ภิกษุสงฆ์
ทสวรรค ๑. ภิกษุสงฆ์วีสติวรรค ๑. และภิกษุสงฆ์อดิเรกวีสติวรรค ๑.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในภิกษุสงฆ์เหล่านั้น ภิกษุสงฆ์จตุรวรรคพร้อมเพรียงกันโดยธรรม
เข้ากรรมได้ในกรรมทุกอย่าง เว้นกรรม ๓ อย่าง คือ อุปสมบท ปวารณา อัพภาน
                ภิกษุสงฆ์ปัญจวรรค พร้อมเพรียงกันโดยธรรม เข้ากรรมได้ในกรรมทุกอย่าง เว้นกรรม
๒ อย่าง คือ อุปสมบทในมัชฌิมชนบท และอัพภาน
                ภิกษุสงฆ์ทสวรรค พร้อมเพรียงกันโดยธรรม เข้ากรรมได้ในกรรมทุกอย่าง เว้น
อัพภานกรรมอย่างเดียว
                ภิกษุสงฆ์วีสติวรรค พร้อมเพรียงกันโดยธรรม เข้ากรรมได้ในกรรมทุกอย่าง
                ภิกษุสงฆ์อดิเรกวีสติวรรค พร้อมเพรียงกันโดยธรรม เข้ากรรมได้ในกรรมทุกอย่าง.
                                                                กรรมที่สงฆ์จตุรวรรคทำ
                [๑๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ากรรมที่สงฆ์จตุรวรรคจะทำ สงฆ์มีภิกษุณีเป็นที่ ๔ ทำกรรม
กรรมนั้นใช้ไม่ได้ และไม่ควรทำ.
                ถ้ากรรมที่สงฆ์จตุรวรรคจะทำ สงฆ์สิกขมานาเป็นที่ ๔ ....  มีสามเณรเป็นที่ ๔ ....  มี
สามเณรีเป็นที่ ๔ ....  มีภิกษุผู้บอกลาสิกขาเป็นที่ ๔ ....  มีภิกษุผู้ต้องอันติมวัตถุเป็นที่ ๔ ....
มีภิกษุถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่เห็นอาบัติเป็นที่ ๔ ....  มีภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่สละทิฏฐิบาป
เป็นที่ ๔ ....  มีบัณเฑาะก์เป็นที่ ๔ ....  มีภิกษุลักเพศเป็นที่ ๔ ....  มีภิกษุผู้เข้ารีดเดียรถีย์
เป็นที่ ๔ ....  มีสัตว์ดิรัจฉานเป็นที่ ๔ ....  มีภิกษุผู้ทำมาตุฆาตเป็นที่ ๔ ....  มีภิกษุผู้ทำปิตฆาต
เป็นที่ ๔ ....  มีภิกษุผู้ทำอรหันตฆาตเป็นที่ ๔ ....  มีภิกษุผู้ประทุษร้ายภิกษุณีเป็นที่ ๔ ....  มีภิกษุ


                                                            หน้าที่ ๒๐๕

ผู้ทำสังฆเภทเป็นที่ ๔ ....  มีภิกษุผู้ทำโลหิตุปบาทเป็นที่ ๔ ....  มีอุภโตพยัญชนกเป็นที่ ๔ ....
มีภิกษุนานาสังวาสเป็นที่ ๔ ....  มีภิกษุผู้อยู่ในสีมาต่างกันเป็นที่ ๔ ....  มีภิกษุอยู่ในเวหาสด้วย
ฤทธิ์เป็นที่ ๔ ....  สงฆ์ทำกรรมแก่ผู้ใด มีผู้นั้นเป็นที่ ๔ ทำกรรม กรรมนั้นใช้ไม่ได้ และไม่
ควรทำ.
                                                กรรมที่สงฆ์จตุรวรรคทำ จบ.
                                                                _________________
                                                                กรรมที่สงฆ์ปัญจวรรคทำ
                [๑๘๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ากรรมที่สงฆ์ปัญจวรรคทำ สงฆ์มีภิกษุณีเป็นที่ ๕ ทำกรรม
กรรมนั้นใช้ไม่ได้ และไม่ควรทำ
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ากรรมที่สงฆ์ปัญจวรรคทำ สงฆ์มีสิกขมานาเป็นที่ ๕ ....  มี
สามเณรเป็นที่ ๕ ....  มีสามเณรีเป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุบอกลาสิกขาเป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุผู้ต้อง
อันติมวัตถุเป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่เห็นอาบัติเป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุผู้ถูกสงฆ์
ยกเสียฐานไม่ทำคืนอาบัติเป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่สละทิฏฐิบาปเป็นที่ ๕ ....
มีบัณเฑาะก์เป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุลักเพศเป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุเข้ารีดเดียรถีย์เป็นที่ ๕ ....  มีสัตว์
ดิรัจฉานเป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุผู้ทำมาตุฆาตเป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุผู้ทำปิตุฆาตเป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุ
ผู้ทำอรหันตฆาตเป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุผู้ประทุษร้ายภิกษุณีเป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุผู้ทำสังฆเภทเป็น
ที่ ๕ ....  มีภิกษุผู้ทำโลหิตตุปบาทเป็นที่ ๕ ....  มีอุภโตพยัญชนกเป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุนานาสังวาส
เป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุอยู่ในสีมาต่างกันเป็นที่ ๕ ....  มีภิกษุผู้อยู่ในเวหาสด้วยฤทธิ์เป็นที่ ๕ ....
สงฆ์ทำกรรมแก่ผู้ใดมีผู้นั้นเป็นที่ ๕ ทำกรรม กรรมนั้นใช้ไม่ได้ และไม่ควรทำ.
                                                กรรมที่สงฆ์ปัญจวรรคทำ จบ.
                                                                _________________

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘