พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๓ ภิกขุนีวิภังค์ หน้า 186-190


                                                            หน้าที่ ๑๘๖

          จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๖
          เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา
     [๓๑๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันอารามของ
อนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุณีถุลลนันทาให้ของเคี้ยวของบริโภค
แก่พวกครูฟ้อนรำบ้าง แก่พวกฟ้อนรำบ้าง แก่พวกโดดไม้สูงบ้าง แก่พวกจำอวดบ้าง แก่พวก
เล่นกลองบ้าง ด้วยมือของตน พร้อมกับสั่งว่า ท่านทั้งหลายจงกล่าวสรรเสริญข้าพเจ้าในที่ชุมชน
พวกครูฟ้อนรำก็ดี พวกฟ้อนรำก็ดี พวกโดดไม้สูงก็ดี พวกจำอวดก็ดี พวกเล่นกลองก็ดี ต่างก็
กล่าวสรรเสริญภิกษุณีถุลลนันทาในที่ชุมชนว่า แม่เจ้าถุลลนันทาเป็นพหูสูต เป็นคนช่างพูด เป็น
ผู้องอาจ สามารถเจรจาถ้อยคำมีหลักฐาน ท่านทั้งหลายจงถวายแก่แม่เจ้า จงทำแก่แม่เจ้า ดังนี้.
     บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทา
จึงได้ให้ของเคี้ยวของบริโภคแก่ชาวบ้านด้วยมือของตนเล่า ...
          ทรงสอบถาม
     พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุณีถุลลนันทา
ให้ของเคี้ยวของบริโภคแก่ชาวบ้านด้วยมือของตนเอง จริงหรือ?.
     ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
          ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
     พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีถุลลนันทา จึงได้ให้
ของเคี้ยวของบริโภคแก่ชาวบ้านด้วยมือของตนเองเล่า การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความ
เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ...
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:
          พระบัญญัติ
     ๑๐๑. ๖. อนึ่ง ภิกษุณีใด ให้ของเคี้ยวหรือของบริโภคแก่ชาวบ้านก็ดี แก่ปริพาชกก็ดี
แก่ปริพาชิกาก็ดี ด้วยมือของตนเอง เป็นปาจิตตีย์.
          เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา จบ.
          สิกขาบทวิภังค์
     [๓๑๒] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด ...


                                                            หน้าที่ ๑๘๗

     บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่
ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
     ที่ชื่อว่า ชาวบ้าน ได้แก่ บุคคลผู้ครองเรือนผู้ใดผู้หนึ่ง.
     ที่ชื่อว่า ปริพาชก ได้แก่ บุรุษผู้ใดผู้หนึ่ง ผู้บวชเป็นปริพาชก เว้นภิกษุ และสามเณร.
     ที่ชื่อว่า ปริพาชิกา ได้แก่ สตรีผู้ใดผู้หนึ่ง ผู้บวชเป็นปริพาชิกา เว้นภิกษุณี สิกขมานา
และสามเณรี.
     ที่ชื่อว่า ของเคี้ยว ได้แก่ ของเคี้ยว เว้นโภชนะ ๕ น้ำและไม้ชำระฟัน นอกนั้นชื่อว่า
ของเคี้ยว.
     ที่ชื่อว่า ของบริโภค ได้แก่ โภชนะ ๕ คือข้าวสุก ขนมสด ขนมแห้ง ปลา เนื้อ.
     บทว่า ให้ คือ ให้ด้วยกายก็ดี ด้วยของเนื่องด้วยกายก็ดี ด้วยโยนให้ก็ดี ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ ให้น้ำ ไม้ชำระฟัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
          อนาปัตติวาร
     [๓๑๓] ใช้ผู้อื่นให้ ๑ มิได้ให้ ๑ วางให้ ๑ ให้ของลูบไล้ภายนอก ๑ วิกลจริต ๑ อาทิ
กัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
          จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๖ จบ.
          ___________________________


                                                            หน้าที่ ๑๘๘

          จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๗
          เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา
     [๓๑๔] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันอารามของอนาถ-
บิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุณีถุลลนันทาใช้ผ้าอาศัยคนเดียว ไม่ยอมสละ.
ภิกษุณีเหล่าอื่นที่มีประจำเดือนย่อมไม่ได้ใช้. บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทาจึงได้ใช้ผ้าอาศัยไม่ยอมสละเล่า ...
          ทรงสอบถาม
     พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุณีถุลลนันทา
ใช้ผ้าอาศัยไม่ยอมสละ จริงหรือ?.
     ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
          ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
     พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีถุลลนันทาจึงได้ใช้
ผ้าอาศัยไม่ยอมสละเล่า การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่
เลื่อมใส ...
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:
          พระบัญญัติ
     ๑๐๒. ๗. อนึ่ง ภิกษุณีใด ใช้ผ้าอาศัยไม่ละ เป็นปาจิตตีย์.
          เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา จบ.
          สิกขาบทวิภังค์
     [๓๑๕] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด ...
     บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่
ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
     ที่ชื่อว่า ผ้าอาศัย ได้แก่ ผ้าที่เขาถวายไว้สำหรับให้ภิกษุณีผู้มีประจำเดือนใช้.
     บทว่า ใช้ ... ไม่ละ คือใช้ ๒-๓ ราตรี ซักในวันที่ ๔ แล้วยังใช้อีกไม่ยอมให้ภิกษุณี
สิกขมานา หรือสามเณรี ใช้บ้าง ต้องอาบัติปาจิตตีย์.


                                                            หน้าที่ ๑๘๙

          บทภาชนีย์
          ติกะปาจิตตีย์
     [๓๑๖] ยังไม่ละ ภิกษุณีสำคัญว่ายังไม่ละ ใช้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
     ยังไม่ละ ภิกษุณีมีความสงสัย ใช้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
     ยังไม่ละ ภิกษุณีสำคัญว่าละแล้ว ใช้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
          ทุกะทุกกฏ
     ละแล้ว ภิกษุณีสำคัญว่ายังไม่ละ ต้องอาบัติทุกกฏ.
     ละแล้ว ภิกษุณีมีความสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.
     ละแล้ว ภิกษุณีสำคัญว่าละแล้ว ไม่ต้องอาบัติ.
          อนาปัตติวาร
     [๓๑๗] ละแล้วจึงใช้ ๑ ใช้คราวต่อไป ๑ ภิกษุณีพวกอื่นผู้มีประจำเดือนไม่มี ๑ ถูกแย่ง
ชิงผ้าไป ๑ ผ้าหาย ๑ มีเหตุฉุกเฉิน ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
          จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๗ จบ.
          ___________________________


                                                            หน้าที่ ๑๙๐

          จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๘
          เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา
     [๓๑๘] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ-
บิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุณีถุลลนันทาไม่มอบหมายห้องที่อยู่หลีกไปสู่จาริก.
ต่อมาห้องที่อยู่ของนางถูกไฟไหม้. ภิกษุณีทั้งหลายจึงพากันกล่าวอย่างนี้ว่า แม่เจ้าทั้งหลาย พวกเรา
จงช่วยกันขนสิ่งของออก.
     ภิกษุณีบางพวกกล่าวอย่างนี้ว่า พวกดิฉันไม่ขน เจ้าข้า เพราะของสิ่งใดสิ่งหนึ่งหายไป
แม่เจ้าจักทวงเอากะพวกเราจนครบ.
     เมื่อภิกษุณีถุลลนันทากลับมายังห้องที่อยู่นั้นแล้ว ถามภิกษุณีทั้งหลายว่า แม่เจ้าทั้งหลายได้
ช่วยขนสิ่งของออกบ้างหรือเปล่า?
     ภิกษุณีทั้งหลายตอบว่า พวกดิฉันไม่ได้ขนออกเลย เจ้าข้า.
     ภิกษุณีถุลลนันทาจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลาย เมื่อห้องที่อยู่
ถูกอัคคีภัย จึงได้ไม่ช่วยกันขนสิ่งของออกเล่า.
     บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทา
จึงไม่มอบหมายห้องที่อยู่ หลีกไปสู่จาริกเล่า.
          ทรงสอบถาม
     พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุณีถุลลนันทา
ไม่มอบหมายห้องที่อยู่หลีกไปสู่จาริก จริงหรือ?
     ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
          ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
     พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีถุลลนันทาจึงได้ไม่
มอบหมายห้องที่อยู่หลีกไปสู่จาริกเล่า การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชน
ที่ยังไม่เลื่อมใส ...
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘