พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๓ ภิกขุนีวิภังค์ หน้า 176-180


                                                            หน้าที่ ๑๗๖

          ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๖
          จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๑
          เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์
     [๒๙๕] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันอารามของอนาถ-
บิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ในพระราชอุทยานของพระเจ้าปเสนทิโกศลมีลาย
ภาพสวยงามซึ่งจิตกรเขียนไว้ในห้องภาพ คนเป็นอันมากพากันไปดูห้องภาพ แม้ภิกษุณีเหล่า
ฉัพพัคคีย์ก็ได้ไปดูห้องภาพ ชาวบ้าน พากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพวกภิกษุณีจึง
ได้ไปดูห้องภาพ เหมือนสตรีชาวบ้านผู้บริโภคกามเล่า.
     ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินชาวบ้านพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้
มักน้อย ...  ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีเหล่าฉัพพัคคีย์จึงได้ไปดูห้องภาพเล่า ...
          ทรงสอบถาม
     พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุณีเหล่า
ฉัพพัคคีย์ไปดูห้องภาพ จริงหรือ?.
     ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
          ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
     พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีเหล่าฉัพพัคคีย์จึงได้
ไปดูห้องภาพเล่า การกระทำของพวกนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส.
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:
          พระบัญญัติ
     ๙๖. ๑. อนึ่ง ภิกษุณีใด ไปดูโรงละครหลวงก็ดี อาคารประกวดภาพก็ดี สถาน
ที่หย่อนใจก็ดี อุทยานก็ดี สระโบกขรณีก็ดี เป็นปาจิตตีย์.
          เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์ จบ.
          สิกขาบทวิภังค์
     [๒๙๖] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด ...


                                                            หน้าที่ ๑๗๗

     บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่
ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
     ที่ชื่อว่า โรงละครหลวง ได้แก่ สถานที่เขาสร้างขึ้นไว้ถวายพระราชาเพื่อให้ทรงเพลิดเพลิน
เพื่อทรงพระสำราญ.
     ที่ชื่อว่า อาคารประกวดภาพ ได้แก่ สถานที่เขาสร้างขึ้นไว้ เพื่อให้คนทั้งหลายชมเล่น
เพื่อความรื่นเริง.
     ที่ชื่อว่า สถานที่หย่อนใจ ได้แก่ สถานที่เขาสร้างขึ้นไว้เพื่อให้คนทั้งหลายเล่น เพื่อ
หย่อนอารมณ์.
     ที่ชื่อว่า อุทยาน ได้แก่ อุทยานที่เขาจัดไว้เพื่อให้คนทั้งหลายเล่นกีฬา เพื่อพักผ่อน.
     ที่ชื่อว่า สระโบกขรณี ได้แก่ ชลาสัยที่เขาขุดไว้เพื่อให้คนทั้งหลายเล่นกีฬา เพื่อรื่นเริง.
     ไปดู ต้องอาบัติทุกกฏ ยืนอยู่สถานที่ใดมองเห็น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ พ้นสายตาไปแล้ว
กลับมามองดูอีก ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ไปดูอย่างหนึ่งๆ ต้องอาบัติทุกกฏ ยืนดูอยู่ในสถานที่ใด
มองเห็น พ้นสายตาไปแล้วกลับมามองดูอีก ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
          อนาปัตติวาร
     [๒๙๗] ยืนอยู่ในอารามมองเห็น ๑ เดินไปหรือเดินมาแลเห็น ๑ มีกิจธุระเดินไปพบเข้า ๑
มีอันตราย ๑ วิกลจริต อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
          จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๑ จบ.
          ___________________________


                                                            หน้าที่ ๑๗๘

          จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๒
          เรื่องภิกษุณีหลายรูป
     [๒๙๘] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันอารามของอนาถ-
บิณฑิกคหบดี. เขตนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุณีทั้งหลายนั่งนอนบนตั่งบ้าง บนแคร่บ้าง คนทั้งหลาย
เที่ยวชมวิหารพบเห็นแล้ว พากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพวกภิกษุณีจึงได้ใช้ตั่งบ้าง
แคร่บ้าง เหมือนสตรีคฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเล่า.
     ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ...
ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพวกภิกษุณีจึงได้ใช้ตั่งบ้าง แคร่บ้าง เล่า ...
          ทรงสอบถาม
     พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าพวกภิกษุณีใช้ตั่งบ้าง
แคร่บ้าง จริงหรือ?.
     ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
          ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
     พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวกภิกษุณีจึงได้ใช้ตั่งบ้าง
แคร่บ้างเล่า การกระทำของพวกนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ...
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:
          พระบัญญัติ
     ๙๗. ๒. อนึ่ง ภิกษุณีใด ใช้ตั่งก็ดี แคร่ก็ดี เป็นปาจิตตีย์.
          เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ.
          สิกขาบทวิภังค์
     [๒๙๙] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด ...
     บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่
ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
     ที่ชื่อว่า ตั่ง ได้แก่ ตั่งชนิดที่เรียกกันว่าเกินประมาณ.


                                                            หน้าที่ ๑๗๙

     ที่ชื่อว่า แคร่ ได้แก่ แคร่ที่เขาถักด้วยเครือเถาหญ้านางที่ตนหามาเอง.
     บทว่า ใช้ คือ นั่งก็ดี นอนก็ดี บนตั่งหรือแคร่นั้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
          อนาปัตติวาร
     [๓๐๐] ใช้ตั่งที่ตัดเท้าแล้ว ๑ ใช้แคร่ที่ทำลายเครือเถาหญ้านางแล้ว ๑ วิกลจริต ๑ อาทิ
กัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
          จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๒ จบ.
          ___________________________


                                                            หน้าที่ ๑๘๐

          จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๓
          เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์
     [๓๐๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันอารามของอนาถ-
บิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุณีฉัพพัคคีย์พากันกรอด้าย. คนทั้งหลายเที่ยวชม
วิหารพบเห็นแล้ว พากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้กรอด้วยกัน
เหมือนสตรีชาวบ้านผู้บริโภคกามเล่า.
     ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่. บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ...
ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีฉัพพัคคีย์จึงได้กรอด้ายกันเล่า ...
          ทรงสอบถาม
     พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุณีฉัพพัคคีย์
พากันกรอด้วย จริงหรือ?.
     ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
          ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
     พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีฉัพพัคคีย์จึงได้กรอด้าย
กัน การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ...
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:
          พระบัญญัติ
     ๙๘. ๓. อนึ่ง ภิกษุณีใด กรอด้าย เป็นปาจิตตีย์.
          เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์ จบ.
          สิกขาบทวิภังค์
     [๓๐๒] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด ...
     บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ...  นี้ชื่อว่า ภิกษุณี
ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘