พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ หน้า 106-110

                                                            หน้าที่ ๑๐๖

                                                องค์ ๖ แห่งภิกษุผู้ให้อุปสมบท ๑๖ หมวด
                                                                กัณหปักษ์ ๑
                [๙๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย
ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ
                                ๑. ไม่ประกอบด้วยกองศีล อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๒. ไม่ประกอบด้วยกองสมาธิ อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๓. ไม่ประกอบด้วยกองปัญญา อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๔. ไม่ประกอบด้วยกองวิมุติ อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๕. ไม่ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ อันเป็นของพระอเสขะ และ
                                ๖. มีพรรษาหย่อน ๑๐
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย
ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก.
                                                                ศุกลปักษ์ ๑
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้
สามเณรอุปัฏฐาก คือ
                                ๑. ประกอบด้วยกองศีล อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๒. ประกอบด้วยกองสมาธิ อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๓. ประกอบด้วยกองปัญญา อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๔. ประกอบด้วยกองวิมุติ อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๕. ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ อันเป็นของพระอเสขะ และ
                                ๖. มีพรรษาได้ ๑๐ หรือมีพรรษาเกิน ๑๐
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ นี้แล พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย
พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก.


                                                            หน้าที่ ๑๐๗

                                                                กัณหปักษ์ ๒
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ แม้อื่นอีก ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้
นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ
                                ๑. ตนเองไม่ประกอบด้วยกองศีล อันเป็นของพระอเสขะ และไม่ชักชวนผู้อื่น
ในกองศีล อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๒. ตนเองไม่ประกอบด้วยกองสมาธิ อันเป็นของพระอเสขะ และไม่ชักชวนผู้อื่น
ในกองสมาธิ อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๓. ตนเองไม่ประกอบด้วยกองปัญญา อันเป็นของพระอเสขะ และไม่ชักชวนผู้อื่น
ในกองปัญญา อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๔. ตนเองไม่ประกอบด้วยกองวิมุติ อันเป็นของพระอเสขะ และไม่ชักชวนผู้อื่น
ในกองวิมุติ อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๕. ตนเองไม่ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ อันเป็นของพระอเสขะ และไม่
ชักชวนผู้อื่นในกองวิมุตติญาณทัสสนะ อันเป็นของพระอเสขะ และ
                                ๖. มีพรรษาหย่อน ๑๐
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย
ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก.
                                                                ศุกลปักษ์ ๒
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้
สามเณรอุปัฏฐาก คือ
                                ๑. ตนเองประกอบด้วยกองศีล อันเป็นของพระอเสขะ และชักชวนผู้อื่นในกองศีล
อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๒. ตนเองประกอบด้วยกองสมาธิ อันเป็นของพระอเสขะ และชักชวนผู้อื่น
ในกองสมาธิ อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๓. ตนเองประกอบด้วยกองปัญญา อันเป็นของพระอเสขะ และชักชวนผู้อื่น
ในกองปัญญา อันเป็นของพระอเสขะ


                                                            หน้าที่ ๑๐๘

                                ๔. ตนเองประกอบด้วยกองวิมุติ อันเป็นของพระอเสขะ และชักชวนผู้อื่นใน
กองวิมุติ อันเป็นของพระอเสขะ
                                ๕. ตนเองประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ อันเป็นของพระอเสขะ และชักชวน
ผู้อื่นในกองวิมุตติญาณทัสสนะ อันเป็นของพระอเสขะ และ
                                ๖. มีพรรษาได้ ๑๐ หรือมีพรรษาเกิน ๑๐
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ นี้แล พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย
พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก.
                                                                กัณหปักษ์ ๓
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ แม้อื่นอีก ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึง
ให้นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ
                                ๑. เป็นผู้ไม่มีศรัทธา
                                ๒. เป็นผู้ไม่มีหิริ
                                ๓. เป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ
                                ๔. เป็นผู้เกียจคร้าน
                                ๕. เป็นผู้มีสติฟั่นเฟือน และ
                                ๖. เป็นผู้มีพรรษาหย่อน ๑๐
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๖ นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย
ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก.
                                                                ศุกลปักษ์ ๓
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้
สามเณรอุปัฏฐาก คือ
                                ๑. เป็นผู้มีศรัทธา
                                ๒. เป็นผู้มีหิริ
                                ๓. เป็นผู้มีโอตตัปปะ
                                ๔. เป็นผู้ปรารภความเพียร


                                                            หน้าที่ ๑๐๙

                                ๕. เป็นผู้มีสติตั้งมั่น และ
                                ๖. เป็นผู้มีพรรษาได้ ๑๐ หรือมีพรรษาเกิน ๑๐
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ นี้แล พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึง
ให้สามเณรอุปัฏฐาก.
                                                                กัณหปักษ์ ๔
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ แม้อื่นอีก ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้
นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ
                                ๑. เป็นผู้วิบัติด้วยศีล ในอธิศีล
                                ๒. เป็นผู้วิบัติด้วยอาจาระ ในอัธยาจาร
                                ๓. เป็นผู้วิบัติด้วยทิฏฐิ ในทิฏฐิยิ่ง
                                ๔. เป็นผู้ได้ยินได้ฟังน้อย
                                ๕. เป็นผู้มีปัญญาทราม และ
                                ๖. เป็นผู้มีพรรษาหย่อน ๑๐
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย
ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก.
                                                                ศุกลปักษ์ ๔
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้
สามเณรอุปัฏฐาก คือ
                                ๑. เป็นผู้ไม่มีวิบัติด้วยศีล ในอธิศีล
                                ๒. เป็นผู้ไม่วิบัติด้วยอาจาระ ในอัธยาจาร
                                ๓. เป็นผู้ไม่วิบัติด้วยทิฏฐิ ในทิฏฐิยิ่ง
                                ๔. เป็นผู้ได้ยินได้ฟังมาก
                                ๕. เป็นผู้มีปัญญา และ
                                ๖. เป็นผู้มีพรรษาได้ ๑๐ หรือมีพรรษาเกิน ๑๐


                                                            หน้าที่ ๑๑๐

                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ นี้แล พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้
สามเณรอุปัฏฐาก.
                                                                กัณหปักษ์ ๕
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ แม้อื่นอีก ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้
นิสสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก คือ
                                ๑. ไม่สามารถจะพยาบาลเอง หรือให้ผู้อื่นพยาบาลอันเตวาสิก หรือสัทธิวิหาริก
ผู้อาพาธ
                                ๒. ไม่สามารถจะระงับเอง หรือหาผู้อื่นให้ช่วยระงับความกระสัน
                                ๓. ไม่สามารถจะบรรเทาเอง หรือหาผู้อื่นให้ช่วยบรรเทาความเบื่อหน่ายอันเกิดขึ้น
แล้วโดยธรรม
                                ๔. ไม่รู้จักอาบัติ
                                ๕. ไม่รู้จักวิธีออกจากอาบัติ และ
                                ๖. มีพรรษาหย่อน ๑๐
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วย ๖ นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสสัย
ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก.
                                                                ศุกลปักษ์ ๕
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๖ พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสสัย พึงให้
สามเณรอุปัฏฐาก คือ
                                ๑. อาจพยาบาลเอง หรือให้ผู้อื่นพยาบาล อันเตวาสิกหรือสัทธิวิหาริก ผู้อาพาธ
                                ๒. อาจระงับเอง หรือหาผู้อื่นให้ช่วยระงับความกระสัน
                                ๓. อาจบรรเทาเอง หรือหาผู้อื่นให้ช่วยบรรเทาความเบื่อหน่ายอันเกิดขึ้นแล้วโดย
ธรรม
                                ๔. รู้จักอาบัติ
                                ๕. รู้จักวิธีออกจากอาบัติ และ
                                ๖. มีพรรษาได้ ๑๐ หรือมีพรรษาเกิน ๑๐

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘