พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๓ ภิกขุนีวิภังค์ หน้า 096-100

                                                            หน้าที่ ๙๖

                ที่ชื่อว่า ที่แคบ ได้แก่ รักแร้ทั้งสอง บริเวณทวารเบา.
                บทว่า ให้ถอน คือให้ถอนขนแม้เส้นเดียว ต้องอาบัติปาจิตตีย์. ให้ถอนขนแม้หลาย
เส้น ก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                                อนาปัตติวาร
                [๑๕๖] มีเหตุอาพาธ ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
                                ลสุณวรรค สิกขาบทที่ ๒ จบ.
                                ______________________


                                                            หน้าที่ ๙๗

                                ลสุณวรรค สิกขาบทที่ ๓
                                เรื่องภิกษุณี ๒ รูป
                [๑๕๗] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุณี ๒ รูปอันความกระสันบีบคั้นแล้ว
เข้าห้องน้อยแล้วทำการสัมผัสบริเวณองค์รหัสกัน. ภิกษุณีทั้งหลายพรูกันเข้ามาตามเสียงสัมผัสนั้น
แล้วได้ถามสองภิกษุณีนั้นดังนี้ว่า แม่เจ้าทั้งหลาย เหตุไฉนพวกท่านจึงทำมิดีมิร้ายกับบุรุษ.
                ภิกษุณีสองรูปนั้นตอบว่า แม่เจ้าทั้งหลาย พวกดิฉันมิได้ทำมิดีมิร้ายกับบุรุษ ภิกษุณีสอง
รูปนั้นได้แจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุณีทั้งหลาย.
                บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย ...  ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลาย
จึงได้ทำการสัมผัสบริเวณองค์รหัสกันเล่า ...
                                ทรงสอบถาม
                พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าพวกภิกษุณีทำการ
สัมผัสบริเวณองค์รหัสกัน จริงหรือ?
                ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
                                ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
                พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวกภิกษุณีจึงได้ทำการ
สัมผัสบริเวณองค์รหัสกันเล่า การกระทำของพวกนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชน
ที่ยังไม่เลื่อมใส ...
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:
                                พระบัญญัติ
                ๕๘. ๓. เป็นปาจิตตีย์ ในเพราะสัมผัสบริเวณองค์รหัส.
                                เรื่องภิกษุณี ๒ รูป จบ.


                                                            หน้าที่ ๙๘

                                สิกขาบทวิภังค์
                [๑๕๘] ที่ชื่อว่า สัมผัสบริเวณองค์รหัส คือ ภิกษุณียินดีสัมผัสให้ตบที่องค์รหัส โดย
ที่สุดแม้ด้วยกลีบบัว ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                                อนาปัตติวาร
                [๑๕๙] มีเหตุอาพาธ ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
                                ลสุณวรรค สิกขาบทที่ ๓ จบ.
                                ______________________


                                                            หน้าที่ ๙๙

                                ลสุณวรรค สิกขาบทที่ ๔
                                เรื่องภิกษุณีรูปหนึ่ง
                [๑๖๐] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น มีพระสนมเก่าคนหนึ่งบวชอยู่ในสำนักภิกษุณี
ภิกษุณีรูปหนึ่งอันความกระสันบีบคั้นแล้ว ได้เข้าไปหาภิกษุณีพระสนมรูปนั้นถึงสำนักแล้วถามว่า
แม่เจ้า พระราชาเสด็จไปหาแม่เจ้านานๆ ครั้ง แม่เจ้าดำรงอยู่ได้ด้วยอาการอย่างไร?
                ภิกษุณีพระสนมตอบว่า ด้วยท่อนยางเกลี้ยงๆ จ๊ะ.
                ภิกษุณีนั้นซักว่า ท่อนยางเกลี้ยงนั่นเป็นอย่างไร?
                จึงภิกษุณีพระสนมนั้นได้บอกท่อนยางเกลี้ยงแก่ภิกษุณีนั้น ภิกษุณีนั้นใช้ท่อนยางเกลี้ยง
แล้วลืมล้างวางทิ้งไว้ ณ ที่ข้างหนึ่ง. ภิกษุณีทั้งหลายเห็นท่อนยางเกลี้ยงมีหมู่แมลงวันตอม จึงพูด
เป็นเชิงถามว่า นี่การกระทำของใคร?
                ภิกษุณีนั้นกล่าวตอบอย่างนี้ว่า นี้เป็นการกระทำของดิฉัน.
                บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย ...  ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีจึงได้ใช้
ท่อนยางเกลี้ยงๆ เล่า ...
                                ทรงสอบถาม
                พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุณีใช้ท่อนยาง
เกลี้ยงๆ จริงหรือ?
                ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
                                ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
                พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีจึงได้ใช้ท่อนยาง
เกลี้ยงๆ เล่า การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ...
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ว่าดังนี้:
                                พระบัญญัติ
                ๕๙. ๔. เป็นปาจิตตีย์ ในเพราะใช้ท่อนยางเกลี้ยงๆ
                                เรื่องภิกษุณีรูปหนึ่ง จบ.


                                                            หน้าที่ ๑๐๐

                                สิกขาบทวิภังค์
                [๑๖๑] ที่ชื่อว่า ท่อนยางเกลี้ยงๆ ได้แก่ วัตถุที่ทำขึ้นด้วยยาง ทำขึ้นด้วยไม้ ทำขึ้น
ด้วยแป้ง ทำขึ้นด้วยดิน.
                ภิกษุณียินดีสัมผัส สอดวัตถุโดยที่สุดแม้กลีบอุบล เข้าไปสู่องค์รหัส ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                                อนาปัตติวาร
                [๑๖๒] มีเหตุอาพาธ ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
                                ลสุณวรรค สิกขาบทที่ ๔ จบ.
                                __________________________

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘