พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๓ ภิกขุนีวิภังค์ หน้า 086-090

                                                            หน้าที่ ๘๖

                                เสียสละแก่คณะ
                ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุณีหลายรูป ...  แม่เจ้าทั้งหลายพึงให้ปัจจัยอย่างอื่นนี้แก่ภิกษุณี
มีชื่อนี้ ดังนี้.
                                เสียสละแก่ภิกษุณีรูปหนึ่ง
                ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุณีรูปหนึ่ง ... ข้าพเจ้าให้ปัจจัยอย่างอื่นนี้แก่แม่เจ้า ดังนี้.
                                บทภาชนีย์
                                ติกะนิสสัคคิยปาจิตตีย์
                [๑๓๖] กัปปิยภัณฑ์ที่เขาถวายไว้เพื่อเป็นมูลค่าปัจจัยอย่างหนึ่ง ภิกษุณีสำคัญว่า เขาถวาย
ไว้เพื่อเป็นมูลค่าปัจจัยอย่างหนึ่ง ให้เปลี่ยนเป็นปัจจัยอื่นอีกอย่าง เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                กัปปิยภัณฑ์ที่เขาถวายไว้เพื่อเป็นมูลค่าปัจจัยอย่างหนึ่ง ภิกษุณีสงสัยให้เปลี่ยนเป็นปัจจัย
อื่นอีกอย่าง เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                กัปปิยภัณฑ์ที่เขาถวายไว้เพื่อเป็นมูลค่าปัจจัยอย่างหนึ่ง ภิกษุณีสำคัญว่าเขามิได้ถวายไว้เพื่อ
เป็นมูลค่าปัจจัยอย่างหนึ่ง ให้เปลี่ยนเป็นปัจจัยอื่นอีกอย่าง เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                ได้ปัจจัยที่เสียสละแล้วคืนมา พึงน้อมเข้าไปในปัจจัยตามที่ทายกถวายไว้เดิม.
                                ทุกะทุกกฏ
                มิใช่กัปปิยภัณฑ์ที่เขาถวายไว้เพื่อเป็นมูลค่าปัจจัยอย่างหนึ่ง ภิกษุณีสำคัญว่า เขาถวาย
ไว้เพื่อเป็นมูลค่าปัจจัยอย่างหนึ่ง ต้องอาบัติทุกกฏ.
                มิใช่กัปปิยภัณฑ์ที่เขาถวายไว้เพื่อเป็นมูลค่าปัจจัยอย่างหนึ่ง ภิกษุณีสงสัย ต้องอาบัติ
ทุกกฏ.
                                ไม่ต้องอาบัติ
                มิใช่กัปปิยภัณฑ์ที่เขาถวายไว้เพื่อเป็นมูลค่าปัจจัยอย่างหนึ่ง ภิกษุณีสำคัญว่า เขามิได้
ถวายไว้เพื่อเป็นมูลค่าปัจจัยอย่างหนึ่ง ไม่ต้องอาบัติ.
                                อนาปัตติวาร
                [๑๓๗] น้อมกัปปิยภัณฑ์ที่เหลือไป ๑ ขออนุญาตจากเจ้าของแล้วน้อมไป ๑ มีอันตราย ๑
วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
                                ปัตตวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ จบ.


                                                            หน้าที่ ๘๗

                                จีวรวรรค สิกขาบทที่ ๑
                                เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา
                [๑๓๘] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ
บิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุณีถุลลนันทาเป็นพหูสูต เป็นคนช่างพูด เป็นผู้
องอาจ สามารถ กล่าวถ้อยคำมีหลักฐาน. ครั้นถึงฤดูหนาว พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสะพักผ้า
กัมพลมีค่ามาก เสด็จเข้าไปหาภิกษุณีถุลลนันทาถึงสำนัก ทรงอภิวาทภิกษุณีถุลลนันทาแล้วประทับนั่ง
ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ภิกษุณีถุลลนันทาทูลชี้แจงธรรมมีกถาถวาย ให้ท้าวเธอทรงเห็นแจ้งสมาทาน
อาจหาญ ร่าเริง. ครั้นท้าวเธอทรงเห็นแจ้ง สมาทนา อาจหาญ ร่าเร่งด้วยธรรมีกถาของภิกษุณี
ถุลลนันทาแล้ว ได้ทรงปวารณาภิกษุณีถุลลนันทาดังนี้ว่า ข้าแต่แม่เจ้า ขอท่านได้โปรดบอกสิ่งที่ต้อง
ประสงค์.
                ภิกษุณีถุลลนันทาทูลว่า ขอถวายพระพร ถ้ามหาบพิตรมีพระราชประสงค์จะพระราชทาน
แก่อาตมภาพไซร้ ขอได้โปรดพระราชทานผ้ากัมพลผืนที่ทรงนี้.
                พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงถวายผ้ากัมพลแก่ภิกษุณีถุลลนันทา ในทันใดนั้นแล แล้วเสด็จ
ลุกจากที่ประทับ ทรงอภิวาทภิกษุณีถุลลนันทา กระทำประทักษิณแล้วเสด็จกลับ.
                คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ภิกษุณีเหล่านี้เป็นคนมักมาก ไม่สัน
โดษ ไฉนจึงได้ทูลขอผ้ากัมพลทรงต่อองค์พระราชาเล่า.
                ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ...
ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทาจึงได้ทูลขอผ้ากัมพลทรงต่อองค์พระ
ราชาเล่า.
                                ทรงสอบถาม
                พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุณีถุลลนันทา
ทูลขอผ้ากัมพลทรงต่อองค์พระราชา จริงหรือ?
                ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
                                ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
                พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีถุลลนันทา จึงได้ทูล
ขอผ้ากัมพลทรงต่อองค์พระราชาเล่า การกระทำของนางนั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่
ยังไม่เลื่อมใส ...


                                                            หน้าที่ ๘๘

                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:
                                พระบัญญัติ
                ๓๖. ๑. อนึ่ง ภิกษุณีผู้จะให้เขาจ่ายผ้าห่มหนัก พึงให้จ่ายได้เพียงราคา ๔ กังสะ
เป็นอย่างยิ่ง ถ้าให้จ่ายยิ่งกว่านั้น เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.
                                เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา จบ.
                                สิกขาบทวิภังค์
                [๑๓๙] ที่ชื่อว่า ผ้าห่มหนัก ได้แก่ผ้าชนิดหนึ่ง ที่สำหรับห่มในฤดูหนาว.
                บทว่า ผู้จะให้จ่าย คือ ผู้จะขอ.
                บทว่า พึงให้จ่ายได้เพียงราคา ๔ กังสะเป็นอย่างยิ่ง คือ ให้จ่ายผ้ามีราคาเพียง ๑๖
กหาปณะได้.
                คำว่า ถ้าให้จ่ายยิ่งกว่านั้น ความว่า ขอผ้ามีราคาเกินกว่านั้น เป็นทุกกฏในประโยค
เป็นนิสสัคคีย์ด้วยได้ผ้ามา ต้องเสียสละแก่สงฆ์ คณะ หรือภิกษุณีรูปหนึ่ง.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลผ้าเป็นนิสสัคคีย์นั้น อันภิกษุณีพึงเสียสละอย่างนี้.
                                วิธีเสียสละ
                                เสียสละแก่สงฆ์
                ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ... แม่เจ้า ผ้าห่มหนักผืนนี้ของข้าพเจ้ามีราคาสูงเกิน ๔ กังสะ
ขอได้มา เป็นของจำจะสละ ข้าพเจ้าสละผ้าห่มหนักผืนนี้แก่สงฆ์ ... สงฆ์พึงให้ผ้าห่มหนักผืนนี้แก่
ภิกษุณีชื่อนี้ ดังนี้.
                                เสียสละแก่คณะ
                ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุณีหลายรูป ... แม่เจ้าทั้งหลาย พึงให้ผ้าห่มหนักผืนนี้แก่ภิกษุณี
มีชื่อนี้ ดังนี้.
                                เสียสละแก่ภิกษุณีรูปหนึ่ง
                ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุณีรูปหนึ่ง ... ข้าพเจ้าให้ผ้าห่มหนักผืนนี้แก่แม่เจ้า ดังนี้.


                                                            หน้าที่ ๘๙

                                บทภาชนีย์
                                ติกะนิสสัคคิยปาจิตตีย์
                [๑๔๐] ผ้าห่มหนักมีราคาเกิน ๔ กังสะ ภิกษุณีสำคัญว่าเกิน ขอได้มา เป็นนิสสัคคีย์
ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                ผ้าห่มหนักมีราคาเกิน ๔ กังสะ ภิกษุณีสงสัย ขอได้มา เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                ผ้าห่มหนักมีราคาเกิน ๔ กังสะ ภิกษุณีสำคัญว่าหย่อน ขอได้มา เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์.
                                ทุกะทุกกฏ
                ผ้าห่มหนักมีราคาหย่อน ๔ กังสะ ภิกษุณีสำคัญว่าเกิน ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ผ้าห่มหนักมีราคาหย่อน ๔ กังสะ ภิกษุณีสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.
                                ไม่ต้องอาบัติ
                ผ้าห่มหนักมีราคาหย่อน ๔ กังสะ ภิกษุณีสำคัญว่าหย่อน ไม่ต้องอาบัติ.
                                อนาปัตติวาร
                [๑๔๑] ขอผ้าห่มหนักมีราคา ๔ กังสะเป็นอย่างยิ่ง ๑ ขอผ้าห่มหนักมีราคาหย่อน ๔
กังสะ ๑ ขอต่อญาติ ๑ ขอต่อคนปวารณา ๑ ขอเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ๑ จ่ายมาด้วยทรัพย์
ของตน ๑ ทายกประสงค์ให้จ่ายผ้าห่มหนักมีราคาแพง แต่ให้จ่ายผ้าห่มหนักมีราคาถูก ๑ วิกลจริต ๑
อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
                                จีวรวรรค สิกขาบทที่ ๑ จบ.
                                _______________________


                                                            หน้าที่ ๙๐

                                จีวรวรรค สิกขาบทที่ ๒
                                เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา
                [๑๔๒] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ
บิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุณีถุลลนันทา เป็นพหูสูต เป็นคนช่างพูด
เป็นผู้องอาจ สามารถ กล่าวถ้อยคำมีหลักฐาน. ครั้นฤดูร้อน พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสะพักผ้า
โขมพัสตร์มีค่ามาก เสด็จเข้าไปหาภิกษุณีถุลลนันทาถึงสำนัก ทรงอภิวาทภิกษุณีถุลลนันทา แล้ว
ประทับนั่ง ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลประทับนั่ง ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง
แล้วภิกษุณีถุลลนันทาทูลชี้แจงธรรมีกถา ถวายให้ท้าวเธอทรงเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง
ครั้นท้าวเธอทรงเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาของภิกษุณีถุลลนันทาแล้ว ได้
ทรงปวารณาภิกษุณีถุลลนันทาดังนี้ว่า ข้าแต่แม่เจ้า ขอท่านได้โปรดบอกสิ่งที่ต้องประสงค์.
                ภิกษุณีถุลลนันทาทูลว่า ขอถวายพระพร ถ้ามหาบพิตรมีพระราชประสงค์ จะพระราชทาน
แก่อาตมภาพไซร้ ขอได้โปรดพระราชทานผ้าโขมพัสตร์ผืนที่ทรงนี้.
                พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงถวายผ้าโขมพัสตร์แก่ภิกษุณีถุลลนันทาในทันใดนั้นแล แล้วเสด็จ
ลุกจากที่ประทับ ทรงอภิวาทภิกษุณีถุลลนันทา กระทำประทักษิณ แล้วเสด็จกลับ.
                คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ภิกษุณีเหล่านี้เป็นคนมักมาก ไม่

สันโดษ ไฉนจึงได้ทูลขอผ้าโขมพัสตร์ทรงต่อองค์พระราชาเล่า.
                ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ...
ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทาจึงได้ทูลขอผ้าโขมพัสตร์ทรงต่อองค์
พระราชาเล่า ...
                                ทรงสอบถาม
                พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุณีถุลลนันทา
ทูลขอผ้าโขมพัสตร์ทรงต่อองค์พระราชา จริงหรือ?
                ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
                                ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
                พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีถุลลนันทาจึงได้ทูล
ขอผ้าโขมพัสตร์ทรงต่อองค์พระราชา การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของ
ชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ...

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘