พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ หน้า 041-045

                                                            หน้าที่ ๔๑

                พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า  ดูกรกัสสป  ผู้นั้น  คือ  ท้าวสหัมบดีพรหมเข้ามาหาเรา
เพื่อฟังธรรม.
                ครั้งนั้น  ชฎิลอุรุเวลกัสสปได้ดำริว่า  พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก  มีอานุภาพมากแท้
ถึงกับท้าวสหัมบดีพรหมเข้ามาหาเพื่อฟังธรรม แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนเราแน่.
                ครั้งนั้น  พระผู้มีพระภาคเสวยภัตตาหารของชฎิลอุรุเวลกัสสป  แล้วประทับอยู่ใน
ไพรสณฑ์ตำบลนั้นแล.
                                                                ปาฏิหาริย์ที่ ๔  จบ
                                                                _____________
                                                                ปาฏิหาริย์ที่ ๕
                [๔๓] ก็โดยสมัยนั้นแล  ชฎิลอุรุเวลกัสสปได้เตรียมการบูชายัญเป็นการใหญ่.  และ
ประชาชนชาวอังคะและมคธทั้งสิ้น  ถือของเคี้ยวของบริโภคเป็นอันมาก  บ่ายหน้ามุ่งไปหา.
จึงชฎิลอุรุเวลกัสสปได้ดำริว่า บัดนี้ เราได้เตรียมการบูชายัญเป็นการใหญ่ และประชาชนชาวอังคะ
และมคธทั้งสิ้น  ได้นำของเคี้ยวของบริโภคเป็นอันมากบ่ายหน้ามุ่งมาหา  ถ้าพระมหาสมณะจักทำ
อิทธิปาฏิหาริย์ในหมู่มหาชน  ลาภสักการะจักเจริญยิ่งแก่พระมหาสมณะ  ลาภสักการะของเรา
จักเสื่อม  โอ  ทำไฉน  วันพรุ่งนี้  พระมหาสมณะจึงจะไม่มาฉัน.  ครั้งนั้น  พระผู้มีพระภาค
ทรงทราบความปริวิตกแห่งจิตของชฎิลอุรุเวลกัสสปด้วยพระทัยแล้ว เสด็จไปอุตตรกุรุทวีป ทรง
นำบิณฑบาตมาจากอุตตรกุรุทวีปนั้น แล้วเสวยที่ริมสระอโนดาต ประทับกลางวันอยู่ ณ ที่นั้นแหละ.
ครั้นล่วงราตรีนั้น  ชฎิลอุรุเวลกัสสปได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค  ครั้นถึงแล้วได้ทูลคำนี้ต่อ
พระผู้มีพระภาคว่า  ถึงเวลาแล้ว  มหาสมณะ ภัตตาหารเสร็จแล้ว เพราะเหตุไรหนอ วานนี้ท่าน
จึงไม่มา  เป็นความจริง พวกข้าพเจ้าระลึกถึงท่านว่า เพราะเหตุไรหนอ  พระมหาสมณะจึงไม่มา
แต่ส่วนแห่งขาทนียาหาร  ข้าพเจ้าได้จัดไว้เพื่อท่าน
                พระผู้มีพระภาคตรัสย้อนถามว่า  ดูกรกัสสป  ท่านได้ดำริอย่างนี้มิใช่หรือว่า  บัดนี้
เราได้เตรียมการบูชายัญเป็นการใหญ่  และประชาชนชาวอังคะและมคธทั้งสิ้นได้นำของเคี้ยวและ


                                                            หน้าที่ ๔๒

ของบริโภคเป็นอันมากบ่ายหน้ามุ่งมาหา  ถ้าพระมหาสมณะจักทำอิทธิปาฏิหาริย์  ในหมู่มหาชน
ลาภสักการะจักเจริญยิ่งแก่พระมหาสมณะ  ลาภสักการะของเราจักเสื่อม  โอ  ทำไฉน วันพรุ่งนี้
พระมหาสมณะจึงจะไม่มาฉัน  ดูกรกัสสป  เรานั้นแลทราบความปริวิตกแห่งจิตของท่านด้วยใจ
ของเรา  จึงไปอุตตรกุรุทวีป  นำบิณฑบาตมาจากอุตตรกุรุทวีปนั้น  มาฉันที่ริมสระอโนดาตแล้ว
ได้พักกลางวันอยู่ ณ ที่นั้นแหละ.
                ทีนั้น  ชฎิลอุรุเวลกัสสปได้ดำริว่า  พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก  มีอานุภาพมากแท้
จึงได้ทราบความคิดนึกแม้ด้วยใจได้  แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนเราแน่.
                ครั้งนั้น  พระผู้มีพระภาคเสวยภัตตาหารของชฎิลอุรุเวลกัสสป  แล้วประทับอยู่ ณ
ไพรสณฑ์ตำบลนั้นแล.
                                                                ปาฏิหาริย์ที่ ๕ จบ
                                                                ______________
                                                                ผ้าบังสุกุล
                [๔๔] ก็โดยสมัยนั้น ผ้าบังสุกุลบังเกิดแก่พระผู้มีพระภาค. จึงพระองค์ได้ทรงพระดำริว่า
เราจะพึงซักผ้าบังสุกุล ณ ที่ไหนหนอ.  ลำดับนั้น  ท้าวสักกะจอมทวยเทพ  ทรงทราบพระดำริ
ในพระทัยของพระผู้มีพระภาคด้วยพระทัยของพระองค์  จึงขุดสระโบกขรณีด้วยพระหัตถ์  แล้ว
ได้ทูลพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคโปรดซักผ้าบังสุกุลในสระนี้.  ที่นั้น
พระผู้มีพระภาคได้ทรงพระดำริว่า  เราจะพึงขยำผ้าบังสุกุล ณ ที่ไหนหนอ. ลำดับนั้น ท้าวสักกะ
จอมทวยเทพ  ทรงทราบพระดำริในพระทัยของพระผู้มีพระภาคด้วยพระทัยของพระองค์แล้ว  ได้
ยกศิลาแผ่นใหญ่มาวางพลางทูลว่า  พระพุทธเจ้าข้า  ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงขยำผ้าบังสุกุล
บนศิลาแผ่นนี้.  ลำดับนั้น  พระผู้มีพระภาคได้ทรงพระดำริว่า  เราจะพึงพาดผ้าบังสุกุลไว้ ณ
ที่ไหนหนอ.  ครั้งนั้น  เทพยดาที่สิงสถิตอยู่ที่ต้นกุ่มบก  ทราบพระดำริในพระหทัยของพระผู้มี
พระภาคด้วยใจของตน  จึงน้อมกิ่งกุ่มลงมา พลางกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาค
โปรดทรงพาดผ้าบังสุกุลไว้ที่กิ่งกุ่มนี้.  ครั้งนั้น  พระผู้มีพระภาคได้ทรงพระดำริว่า  เราจะผึ่งผ้า
บังสุกุล ณ ที่ไหนหนอ.  ครั้งนั้น  ท้าวสักกะจอมทวยเทพ  ทรงทราบพระดำริในพระหทัยของ


                                                            หน้าที่ ๔๓

พระผู้มีพระภาคด้วยพระทัยของพระองค์แล้ว  ได้ยกแผ่นศิลาใหญ่มาวางไว้  พลางกราบทูลว่า
พระพุทธเจ้าข้า  ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงผึ่งผ้าบังสุกุลบนศิลาแผ่นนี้.
                หลังจากนั้น  ชฎิลอุรุเวลกัสสปเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคโดยล่วงราตรีนั้น  ครั้นถึงแล้ว
ได้ทูลคำนี้ต่อพระผู้มีพระภาคว่า  ถึงเวลาแล้ว มหาสมณะ ภัตตาหารเสร็จแล้ว เพราะเหตุไรหนอ
มหาสมณะ เมื่อก่อนสระนี้ไม่มีที่นี้  เดี๋ยวนี้มีสระอยู่ที่นี้  เมื่อก่อนศิลาเหล่านี้ไม่มีวางอยู่ ใคร
ยกศิลาเหล่านี้มาวางไว้  เมื่อก่อนกิ่งกุ่มบกต้นนี้ไม่น้อมลง เดี๋ยวนี้กิ่งนั้นน้อมลง?
                พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า  ดูกรกัสสป  ผ้าบังสุกุลบังเกิดแก่เรา ณ ที่นี้  เรานั้นได้
ดำริว่า  จะพึงซักผ้าบังสุกุล ณ ที่ไหนหนอ  ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมทวยเทพ ทรงทราบความดำริ
ในจิตของเราด้วยพระทัยของพระองค์แล้ว  จึงขุดสระโบกขรณีด้วยพระหัตถ์  แล้วตรัสบอกแก่
เราว่า  พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงซักผ้าบังสุกุลในสระนี้ สระนี้อันผู้มิใช่มนุษย์
ได้ขุดแล้วด้วยมือ  ดูกรกัสสป  เรานั้นได้ดำริว่า  จะพึงขยำผ้าบังสุกุล ณ ที่ไหนหนอ  ครั้งนั้น
ท้าวสักกะจอมทวยเทพ  ทราบความดำริในจิตของเราด้วยพระทัยของพระองค์แล้ว  ได้ทรงยก
ศิลาแผ่นใหญ่มาวางไว้  โดยทูลว่า  พระพุทธเจ้าข้า  ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงขยำผ้าบังสุกุล
บนศิลาแผ่นนี้  ศิลาแผ่นนี้อันผู้มิใช่มนุษย์ได้ยกมาวางไว้  ดูกรกัสสป  เรานั้นได้ดำริว่า  จะพึง
พาดผ้าบังสุกุล ณ ที่ไหนหนอ  ครั้งนั้น เทพดาที่สิงสถิตอยู่ที่ต้นกุ่มบก  ทราบความดำริในจิต
ของเราด้วยใจของตนแล้ว  จึงน้อมกิ่งกุ่มลงมาโดยทูลว่า  พระพุทธเจ้าข้า  ขอพระผู้มีพระภาค
โปรดทรงพาดผ้าบังสุกุลไว้บนกิ่งกุ่มนี้  ต้นกุ่มบกนี้นั้นประหนึ่งจะกราบทูลว่า  ขอพระองค์จง
ทรงนำพระหัตถ์มาแล้วน้อมลง ดูกรกัสสป เรานั้นได้ดำริว่า  จะพึงผึ่งผ้าบังสุกุล ณ ที่ไหนหนอ
ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมทวยเทพ ทรงทราบความดำริแห่งจิตของเราด้วยพระทัยของพระองค์แล้ว
ได้ยกศิลาแผ่นใหญ่มาวางไว้ โดยทูลว่า พระพุทธเจ้า ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงผึ่งผ้าบังสุกุล
บนศิลาแผ่นนี้ ศิลาแผ่นนี้อันผู้มิใช่มนุษย์ได้ยกมาวางไว้.
                ครั้งนั้น ชฎิลอุรุเวลกัสสปได้ดำริว่า พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท้
ถึงกับท้าวสักกะจอมทวยเทพได้ทำการช่วยเหลือ แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนเราแน่.
                ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสวยภัตตาหารของชฎิลอุรุเวลกัสสป แล้วประทับอยู่ใน
ไพรสณฑ์ตำบลนั้นแล.
                                                                ผ้าบังสุกุล จบ.


                                                            หน้าที่ ๔๔

                                                                ปาฏิหาริย์เก็บผลหว้าเป็นต้น
                [๔๕] ครั้นล่วงราตรีนั้นไป   ชฎิลอุรุเวลกัสสปเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค  ครั้นแล้วจึง
กราบทูลภัตตกาลแด่พระผู้มีพระภาคว่า  ถึงเวลาแล้ว  มหาสมณะ  ภัตตาหารเสร็จแล้ว.
                พระผู้มีพระภาคตรัสว่า  ดูกรกัสสป  ท่านไปเถิด  เราจะตามไป.  พระผู้มีพระภาค
ทรงส่งชฎิลอุรุเวลกัสสปไปแล้ว ทรงเก็บผลหว้าจากต้นหว้าประจำชมพูทวีป แล้วเสด็จมาประทับ
นั่งในโรงบูชาเพลิงก่อน.  ชฎิลอุรุเวลกัสสปได้เห็นพระผู้มีพระภาคประทับนั่งในโรงบูชาเพลิงแล้ว
ได้ทูลคำนี้ต่อพระผู้มีพระภาคว่า  ข้าแต่มหาสมณะ  ท่านมาทางไหน  ข้าพเจ้ากลับมาก่อนท่าน
แต่ท่านยังมานั่งในโรงบูชาเพลิงก่อน?
                ภ.  ดูกรกัสสป  เราส่งท่านไปแล้ว ได้เก็บผลหว้าจากต้นหว้าประจำชมพูทวีป แล้วมา
นั่งในโรงบูชาเพลิงนี้ก่อน  ดูกรกัสสป ผลหว้านี้แล  สมบูรณ์ด้วยสี กลิ่น รส ถ้าท่านต้องการ
เชิญบริโภคเถิด.
                อุรุ.  อย่าเลย  มหาสมณะ ท่านนั่นแหละเก็บผลไม้นี้มา  ท่านนั่นแหละ  จงฉันผลไม้
นี้เถิด.
                ลำดับนั้น ชฎิลอุรุเวลกัสสปได้มีความดำริว่า พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากแท้
เพราะส่งเรามาก่อนแล้ว  ยังเก็บผลหว้าจากต้นหว้าประจำชมพูทวีปแล้วมานั่งในโรงบูชาเพลิงก่อน
แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนเราแน่.
                ครั้งนั้น  พระผู้มีพระภาคเสวยภัตตาหารของชฎิลอุรุเวลกัสสปแล้ว  ประทับอยู่ใน
ไพรสณฑ์ตำบลนั้นแล.
                ครั้นล่วงราตรีนั้นไป  ชฎิลอุรุเวลกัสสปไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ครั้นแล้ว จึงทูลภัตตกาล
แด่พระผู้มีพระภาคว่า  ถึงเวลาแล้ว มหาสมณะ ภัตตาหารเสร็จแล้ว.
                พระผู้มีพระภาคทรงส่งชฎิลอุรุเวลกัสสปไปด้วยพระดำรัสว่า  ดูกรกัสสป  ท่านไปเถิด
เราจักตามไป  แล้วทรงเก็บผลมะม่วง ... ผลมะขามป้อม ... ผลสมอ  ในที่ไม่ไกลต้นหว้าประจำ
ชมพูทวีปนั้น ... เสด็จไปสู่ภพดาวดึงส์ ทรงเก็บดอกปาริฉัตตกะ แล้วมาประทับนั่งในโรงบูชาเพลิง
ก่อน.  ชฎิลอุรุเวลกัสสปได้เห็นพระผู้มีพระภาคประทับนั่งในโรงบูชาเพลิง  ครั้นแล้วได้ทูลคำนี้
ต่อพระผู้มีพระภาคว่า  ข้าแต่มหาสมณะ ท่านมาทางไหน ข้าพเจ้ากลับมาก่อนท่าน  แต่ท่านยัง
มานั่งในโรงบูชาเพลิงก่อน?.


                                                            หน้าที่ ๔๕

                พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า  ดูกรกัสสป  เราส่งท่านแล้วได้ไปสู่ภพดาวดึงส์  เก็บ
ดอกปาริฉัตตกะแล้ว มานั่งในโรงบูชาเพลิงก่อน  ดูกรกัสสป  ดอกปาริฉัตตกะนี้แล  สมบูรณ์
ด้วยสีและกลิ่น.
                ครั้งนั้น  ชฎิลอุรุเวลกัสสปได้มีความดำริว่า  พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก  มีอานุภาพ
มากแท้  เพราะส่งเรามาก่อนแล้วยังไปสู่ภพดาวดึงส์ เก็บดอกปาริฉัตตกะแล้ว  มานั่งในโรงบูชา-
เพลิงก่อน  แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนเราแน่.
                                                                ปาฏิหาริย์ผ่าฟืน
                [๔๖] ก็โดยสมัยนั้นแล  ชฎิลเหล่านั้นปรารถนาจะบำเรอไฟ  แต่ไม่อาจจะฝ่าฟืนได้.
จึงชฎิลเหล่านั้นได้มีความดำริต้องกันว่า  ข้อที่พวกเราไม่อาจผ่าฟืนได้นั้น  คงเป็นอิทธานุภาพของ
พระมหาสมณะ  ไม่ต้องสงสัยเลย.  ครั้งนั้น  พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะชฎิลอุรุเวลกัสสปว่า
ดูกรกัสสป  พวกชฎิลจงผ่าฟืนเถิด.
                ชฎิลอุรุเวลกัสสป รับพระพุทธดำรัสว่า  ข้าแต่มหาสมณะ  พวกชฎิลจงผ่าฟืนกัน.
                ชฎิลทั้งหลายได้ผ่าฟืน ๕๐๐ ท่อนคราวเดียวเท่านั้น.  ครั้งนั้นแล  ชฎิลอุรุเวลกัสสป
ได้มีความดำริว่า พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก  มีอานุภาพมากแท้  ถึงกับให้พวกชฎิลผ่าฟืนได้
แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนเราแน่.
                                                                ปาฏิหาริย์ก่อไฟ
                [๔๗] ก็โดยสมัยนั้นแล ชฎิลเหล่านั้นปรารถนาจะบำเรอไฟ แต่ไม่อาจจะก่อไฟให้ลุก
ได้. จึงชฎิลเหล่านั้นได้มีความดำริต้องกันว่า  ข้อที่พวกเราไม่อาจจะก่อไฟให้ลุกขึ้นได้นั้น คงเป็น
อิทธานุภาพของพระมหาสมณะ ไม่ต้องสงสัยเลย. ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะชฎิลอุรุเวล
กัสสปว่า  ดูกรกัสสป พวกชฎิลจงก่อไฟให้ลุกเถิด.
                ชฎิลอุรุเวลกัสสป  รับพระพุทธดำรัสว่า ข้าแต่มหาสมณะ  พวกชฎิลจงก่อไฟให้ลุก.
ไฟทั้ง ๕๐๐ กอง  ได้ลุกขึ้นคราวเดียวกันเทียว.  ลำดับนั้น ชฎิลอุรุเวลกัสสป ได้มีความดำริว่า
พระมหาสมณะมีฤทธิ์มาก  มีอานุภาพมากแท้  ถึงกับให้ไฟลุกขึ้นได้  แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์
เหมือนเราแน่.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘