สอบในสนามหลวง วันศุกร์ ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

 ๑.     ๑.๑  ปฏิสันถาร คืออะไร ?  มีอะไรบ้าง ?
          ๑.๒ มีประโยชน์แก่ผู้ทำอย่างไรบ้าง ?
 ๑.     ๑.๑  คือการต้อนรับแขกผู้มาถึงถิ่น ฯ   มี ๒ อย่าง
                        ๑) อามิสปฏิสันถาร    ต้อนรับด้วยสิ่งของ
                        ๒) ธัมมปฏิสันถาร     ต้อนรับโดยธรรม ฯ
          . อย่างนี้ คือ
                        ) เป็นอุบายสร้างความสามัคคีและยึดเหนี่ยวน้ำใจกัน
                        ) เป็นการรักษาไมตรีจิตระหว่างกันและกันให้มั่นคงยิ่งขึ้น ฯ
 .     . วิมุตติคืออะไร ?  วิมุตติ ๒ อย่าง มีอะไรบ้าง ?
          . วิมุตติ ๒ กับวิมุตติ ๕ จัดเป็นโลกิยะและโลกุตตระอย่างไร ?
 .     . คือความหลุดพ้น  มี
                        ๑) เจโตวิมุตติ      ความหลุดพ้นด้วยอำนาจแห่งใจ
                        ๒) ปัญญาวิมุตติ  ความหลุดพ้นด้วยอำนาจแห่งปัญญา ฯ
          ๒.๒ วิมุตติ ๒ เป็นโลกุตตระอย่างเดียว  
                 ส่วนวิมุตติ ๕ เป็นได้ทั้งโลกิยะและโลกุตตระ ฯ
 ๓.     ๓.๑ ความเห็นว่า "ถึงคราวเคราะห์ดีก็ดีเอง ถึงคราวเคราะห์ร้ายก็ร้ายเอง" อย่างนี้
                เป็นทิฏฐิอะไร ?  จงอธิบาย
          ๓.๒ คติทางพระพุทธศาสนาต่างจากความเห็นนี้อย่างไร ?
 ๓.      ๓.๑  เป็นอเหตุกทิฏฐิ คือเห็นว่า สิ่งทั้งหลายไม่มีเหตุปัจจัย คนเราจะได้ดีหรือได้ร้าย
                ตามคราวเคราะห์ ถึงคราวจะดีก็ดีเอง ถึงคราวจะร้ายก็ร้ายเอง ไม่มีเหตุปัจจัยอื่น ฯ
          ๓.๒ พระพุทธศาสนาถือว่าสังขตธรรมทั้งปวงเกิดแต่เหตุ ฯ
 ๔.     ๔.๑  อาหารของสัตว์นรก และเปรต คืออะไร ?
          ๔.๒ คนจำพวกไหนเปรียบเหมือนอสุรกาย ในอบาย ๔ ?
 ๔.     ๔.๑  อาหารของสัตว์นรกคือกรรม  ส่วนของเปรตคือกรรมและผลทานที่ญาติมิตร
                ทำบุญอุทิศให้ ฯ
          ๔.๒ คนลอบทำโจรกรรม หลอกลวงฉกชิงเอาทรัพย์ของผู้อื่น เปรียบเหมือนอสุรกาย ฯ
 ๕.     ๕.๑  กุลมัจฉริยะ ตระหนี่ตระกูล คืออย่างไร ?
          ๕.๒  ครูสอนศิษย์  ปิดบังอำพรางความรู้  ไม่บอกให้สิ้นเชิง จัดเข้าในมัจฉริยะข้อไหน ?
 ๕.     ๕.๑  คือหวงแหนตระกูลไม่ยอมให้ตระกูลอื่นมาเกี่ยวดองด้วย    ถ้าเป็นบรรพชิตก็
                หวงอุปัฏฐาก  ไม่พอใจให้ไปบำรุงภิกษุอื่น ฯ
          ๕.๒ ธัมมมัจฉริยะ
 ๖.     ๖.๑  ญาณ ๓ ที่เป็นไปในจตุราริยสัจ  มีอะไรบ้าง ?
          ๖.๒ ญาณ ๓ ที่เป็นไปในทุกขสมุทัยมีอธิบายอย่างไร ?
 ๖.     ๖.๑  ๑) สัจจญาณ  ปรีชาหยั่งรู้อริยสัจ
                 ๒) กิจจญาณ  ปรีชาหยั่งรู้กิจอันควรทำ
                 ๓) กตญาณ  ปรีชาหยั่งรู้กิจอันทำแล้ว ฯ
          ๖.๒ ๑) ปรีชาหยั่งรู้ว่า นี้ทุกขสมุทัย  จัดเป็นสัจจญาณ
                 ๒) ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขสมุทัย เป็นสภาพที่ควรละเสีย  จัดเป็นกิจจญาณ
                 ๓) ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขสมุทัยที่ควรละๆ ได้แล้ว  จัดเป็นกตญาณ ฯ

 ๗.     ๗.๑ วิญญาณฐิติต่างจากสัตตาวาสอย่างไร ?
          . สัญญาเวทยิตนิโรธกับนิโรธสมาบัติต่างกันหรือเหมือนกัน ?
 .     . ต่างกันอย่างนี้  ภูมิเป็นที่ตั้งแห่งวิญญาณเรียกว่า วิญญาณฐิติ 
                
ภพเป็นที่อยู่แห่งสัตว์ เรียกว่า สัตตาวาส
          . ต่างกันโดยพยัญชนะ  โดยอรรถเป็นอย่างเดียวกัน  คือท่านผู้เข้าถึงสมาบัติ
                ชนิดนี้แล้วย่อมไม่มีสัญญาและเวทนา ฯ
 ๘.     ๘.๑ ในพระพุทธคุณ บทว่า อรหํ ที่แปลว่า เป็นผู้หักกำแห่งสังสารจักรนั้น กำแห่ง
                สังสารจักร ได้แก่อะไร ?
          ๘.๒ พระพุทธคุณต่อไปนี้มีคำแปลว่าอย่างไร ?
                        ก) สุคโต
                        ข)  อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ
 ๘.     ๘.๑ ได้แก่อวิชชา  ตัณหา  อุปาทานและกรรม ฯ
          ๘.๒        ก)  เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว
                        ข) เป็นสารถีแห่งบุรุษพึงฝึกได้ ไม่มีบุรุษอื่นยิ่งไปกว่า ฯ
 ๙.     ๙.๑  ในกรรม ๑๒  กรรมที่ให้ผลตามลำดับ ได้แก่กรรมอะไรบ้าง ?
          ๙.๒ อุปฆาตกกรรม มีอธิบายอย่างไร ?
 ๙.     ๙.๑  ได้แก่
                        ๑) ครุกรรม         กรรมหนัก
                        ) พหุลกรรม หรือ อาจิณณกรรม  กรรมชิน
                        ) อาสันนกรรม   กรรมเมื่อจวนเจียน
                        )                      กตัตตากรรม                                กรรมสักว่าทำ ฯ
          . อุปฆาตกกรรมเป็นกรรมที่แรง ซึ่งตรงกันข้ามกับชนกกรรม และอุปัตถัมภกกรรม
                
เข้าตัดรอนการให้ผลของกรรมสองอย่างนั้นให้ขาดไปเสียทีเดียว เช่น เกิดใน
                ตระกูลสูงมั่งคั่ง แต่อายุสั้น เป็นต้น ฯ
๑๐.  ๑๐.๑  ในธุดงค์ ๑๓ นั้น ธุดงค์ที่ถือได้เฉพาะกาลมีอะไรบ้าง ?
       ๑๐.๒ การถือธุดงค์ ย่อมสำเร็จด้วยอาการอย่างไร ?
๑๐.  ๑๐.๑         ๑) รุกขมูลิกังคะ      ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร
                        ๒) อัพโภกาสิกังคะ ถืออยู่ในที่แจ้งๆ เป็นวัตร ฯ
       ๑๐.๒ สำเร็จด้วยการสมาทาน คือด้วยอธิษฐานใจหรือแม้ด้วยเปล่งวาจา ฯ

 ผู้ออกข้อสอบ
:
๑.
พระเทพมุนี
วัดปากน้ำ


๒.
พระราชปัญญาเมธี
วัดไตรมิตรวิทยาราม


๓.
พระศรีมงคลเมธี
วัดอาษาสงคราม จ.สมุทรปราการ
 ตรวจ/ปรับปรุง
:
  โดยสนามหลวงแผนกธรรม

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘