เมตตา

                  ศัพท์นี้  แปลว่า  คุณสมบัติเป็นเหตุสนิทสนม  กัมมัฏฐานนี้เป็นคู่ปรับแก่พยาบาท   พยาบาทมีปกติให้คิดล้างผลาญ  กัมมัฏฐานนี้มีปกติให้ชอบพอ  สาธุชนผู้เจริญกัมมัฏฐานนี้  พึงนึกถึงคนอื่นเทียบกับตนว่า  เรารักสุขเกลียดทุกข์  ฉันใด  คนอื่นก็รักสุขเกลียดทุกข์ฉันนั้น  สิ่งที่ชอบใจของเรา  ย่อมเป็นของที่ชอบใจของคนอื่น  สิ่งไม่เป็นที่ชอบใจของเรา  ย่อมไม่เป็นที่ชอบใจของคนอื่นด้วยเหมือนกัน  เราจะหาผลที่ชอบใจ  ในทางเสียผลเช่นนั้นของผู้อื่น  ย่อมไม่เป็นธรรม.   แต่นั้นพึงปรารถนาความอยู่ด้วยไม่มีภัยไม่มีเวรกับผู้อื่น  ถ้าคนที่ตนไม่ชอบมีอยู่ก็พึงนึกน้อมใจเพื่อให้หายเกลียดชังโดยโยนิโสมนสิการ  คือ  ความทำในใจถูกทาง  พึงเลือกความดีอย่างใดอย่างหนึ่งของเขาขึ้นนึก  สุดแต่จะเลือกได้  เป็นความประพฤติทางกายก็ตาม  ทางวาจาก็ตาม   ทางใจก็ตาม  เช่นคนมักพูดบาดหูคนอื่น  แต่ไม่ใช่คนดุร้ายถึงลงมือด้วยกายก็มี  คนมักโกรธแต่ไม่ทำจริงก็มี  คนดุร้าย  แต่อีกฝ่ายหนึ่งมีน้ำใจเผื่อแผ่  อนุเคราะห์แก่ผู้อื่นก็มี  เช่นนี้เป็นตัวอย่าง   พึงนึกถึงความดีที่มีอยู่ในเขา  บางทีจะระงับความเกลียดชังให้เบาลงหรือให้หายได้  ถ้าไม่มีความดีอย่างใดอย่างหนึ่งของเขา  ที่จะพึงเอาขึ้นนึก  ก็พึงยังกรุณาคือสงสารให้เกิด  คนยากจนทรัพย์  ขาดกำลังเป็นเครื่องทำนุบำรุงชีวิตและร่างกายให้เป็นสุข  และไม่ได้ช่องที่จะอนุเคราะห์คนอื่นด้วยกำลังทรัพย์  ควรได้รับกรุณาของคนมีทรัพย์ฉันใด  คนไร้คุณสมบัติขาดกำลังเป็นเครื่องบำรุงใจให้เป็นสุข  ไม่ได้ช่องที่จะชักจูงคนอื่นในความดี  ซ้ำกลับเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ให้ได้รับทุกข์ภัยต่าง ๆ       ควรได้รับความกรุณาของผู้ประพฤติธรรมมีสติสัมปชัญญะฉันนั้น  อันจะเกลียดชังคนเช่นนั้น  เท่ากับคนดีทะเลาะกับคนเมา  เมื่อนึกอย่างนี้บางทีก็จะยังกรุณาให้เกิดขึ้นได้  ถ้าน้อมใจไม่ลง  ก็พึงนึกถึงความที่สัตว์มีกรรมเป็นของ ๆ  ตน  ผู้ใดทำดีหรือชั่ว  ผู้นั้นจงปรากฏด้วยกรรมของตนเอง      พึงวางจิตลงเป็นอุเบกขา  แม้อย่างนั้นก็ไม่สำเร็จ  อย่านึกปรารภถึงผู้นั้นเสียเลย  ถ้าเขาเกลียดชังตนต่างหาก  ก็พึงหาช่องแสดงกายวาจาใจ  หรืออนุเคราะห์เพื่อผูกไมตรี  เมื่อเป็นเช่นนี้  ก็จะได้อยู่โดยไม่มีภัยไม่มีเวรกับผู้อื่น  แต่นั้น  พึงน้อมจิตให้คิดชอบกับคนซึ่งเฉยอยู่แต่เดิมด้วยถ้อยทีถ้อยอาศัยทำสาราณียธรรมแก่กัน   พึงทำคนผู้ชอบกันห่าง ๆ   ให้สนิทสนม  พึงทำคนผู้ชอบกันสนิทสนมแล้วให้มั่นเข้า  ความปรารถนาแห่งจิต  เพื่อชอบพอสนิทสนมกับคนอื่นดังนี้   ชื่อว่าเมตตา     โดยความก็คือปรารถนาสุขแก่เขา  ความนึกแผ่เมตตานี้  จัดว่าเป็นกัมมัฏฐานอันหนึ่ง
                  สาธุชนผู้เจริญเมตตา  พึงแผ่โดยเจาะจงก่อนตั้งต้นแต่คนที่รักใคร่สนิท  เช่นมารดา  บิดา  สามี  ภรรยา   บุตร  บุตรี  และท่านผู้มีอุปการะ  อุปัชฌายะ  อาจารย์  เจ้านายเป็นต้นไป  ตลอดถึงญาติมิตร    คนรู้จักคุ้นเคย  และคนอื่น ๆ  ที่ควรจะได้รับความปรารถนาอันดีต่อ  เมื่อทำใจให้ชำนาญในการแผ่โดยเจาะจงนั้นแล้ว  พึงแผ่โดยไม่เจาะจง  เช่นไม่นิยมเฉพาะบุคคลชื่อนั้น  ชื่อนี้  ที่ตนรู้จัก   พึงปลูกความรักใคร่ในคนร่วมบ้านร่วมวัดร่วมเมืองร่วมประเทศร่วมชาติเป็นลำดับไป  ตลอดถึงเพื่อนมนุษย์ทั่วไป  ลงมาจนถึงสัตว์ดิรัจฉานเป็นที่สุด  ตามแต่จะทำได้เพียงไร  แผ่เมตตาโดยเจาะจงเป็นไปโดยแรงกล้า  เป็นเหตุให้ช่วยเหลือกันแข็งแรง  แต่เป็นไปในทางที่แคบ  ทั้งเขตแห่งความไม่มีภัยไม่มีเวร  ทั้งเขตแห่งความสำเร็จประโยชน์แก่ผู้อื่น  แผ่เมตตาโดยไม่เจาะจง  เป็นไปโดยเพลาแต่เป็นไปในทางที่กว้าง  เช่นคนร่วมบ้านร่วมวัดตลอดถึงร่วมชาติ  รักใคร่ปรองดองช่วยเหลือกัน  แม้ไม่แข็งแรงเหมือนทำให้แก่ครอบครัวย่อมมีผลกว้างกว่า  พาคนหมู่นั้นให้ได้สุขทั่วถึงกัน  เหตุนั้น  ในพระพุทธศาสนาจึงนิยมแผ่เมตตา  โดยไม่เจาะจงว่าเป็นเมตตาอย่างสูงอย่างกว้าง     ในการเจริญกัมมัฏฐาน  ท่านผูกบทไว้ให้นึกว่าดังนี้  สพฺเพ  สตฺตา อเวรา  อพฺยาปชฺฌา      อนีฆา  สุขี  อตฺตานํ  ปริหรนฺตุ  แปลว่า  ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงเป็นผู้ไม่มีเวร  ไม่มีความลำบาก    ไม่มีทุกข์  มีสุขรักษาตนเถิด  ในชั้นต้น  น้อมใจให้ปรารถนาความสุขแก่ผู้อื่นมาได้แล้ว  นึกถึงบทสำหรับบริกรรมนี้  จะคุมจิตให้มีเมตตาขึ้นได้ในขณะนึก  ในขณะใด  เมตตาเป็นไปอยู่   ในขณะนั้น  จัดว่าได้ผลที่มุ่งหมายแห่งกัมมัฏฐานนี้  จิตสัมปยุตด้วยเมตตาตั้งมั่นแน่วแน่ลงไป  จัดเป็นอุปจารสมาธิ  สามารถทำให้เกิดอัปปนาสมาธิได้
                  กัมมัฏฐานนี้เป็นประโยชน์แก่คนมีพยาบาทเป็นเจ้าเรือน  หรือเรียกว่าโทสจริตตลอดคนเหล่าอื่นทั่วไป  มีอานิสงส์ให้อยู่ด้วยความไม่มีภัยไม่มีเวร  รักใคร่ปรองดองช่วยเหลือกัน.    เหตุนั้น  จึงควรเจริญตามกาล  ถึงคราวควรแผ่เมตตาโดยเจาะจง  ก็พึงเจริญโดยเจาะจง  ถึงคราวแผ่โดยไม่เจาะจง  ก็พึงเจริญโดยไม่เจาะจง

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร