ธัมมวรรค คือ หมวดธรรม
๑๐. อตถงคตสส น ปมาณมตถิ
เยน นํ วชชุ ตํ ตสส นตถิ
สพเพสุ ธมเมสุ สมูหเตสุ
สมูหตา วาทปถาปิ สพเพ
ท่านผู้ดับไป (คือปรินิพพาน) แล้ว ไม่มีประมาณ, จะพึงกล่าวถึงท่านนั้นด้วยเหตุใด เหตุนั้นของท่านก็ไม่มี, เมื่อธรรมทั้งปวง (มีขันธ์เป็นต้น) ถูกเพิกถอนแล้ว แม้คลองแห่งถ้อยคำที่จะพูดถึง (ว่าผู้นั้นเป็นอะไร) ก็เป็นอันถูกเพิกถอนเสียทั้งหมด
( พุทธ ) ขุ. สุ. ๒๕ / ๕๓๙. ขุ. จู. ๓๐ / ๑๓๙.
๑๑. อาทาน ตณฺหํ วินเยถ สพฺพํ
อุทฺธํ อโธ ติริยํ วาปิ มชฺเฌ
ยํ ยํ หิ โลกสฺมึ อุปาทิยนฺติ
เต เนว มาโร อนฺเวติ ชนฺตุ
พึงขจัดตัณหาที่เป็นเหตุถือมั่นทั้งปวง ทั้งเบื้องสูง เบื้องต่ำ เบื้องขวาง ท่ามกลาง, เพราะเขาถือมั่นสิ่งใด ๆ ในโลกไว้ มารย่อมติดตามเขาไป เพราะสิ่งนั้น ๆ
(พุทธ) ขุ. สุ. ๒๕ / ๕๔๖. ขุ. จู. ๓๐ / ๒๐๒.
๑๒. อุจฺฉินฺท สิเนหมตฺตโน
กุมุทํ สารทิกํว ปาณินา
สนฺ ติมคฺคเมว พฺรูหย
นิพฺพานํ สุคเตน เทสิตํ
จงเด็ดเยื่อใยของตนเสีย เหมือนเอาฝ่ามือเด็ดบัวในฤดูแล้ง จงเพิ่มพูนทางสงบ (ให้ถึง) พระนิพพานที่พระสุคตแสดงแล้ว
(พุทธ) ขุ. ธ. ๒๕ / ๕๓.
๑๓. โอวเทยยานุสาเสยย อสพภา จ นิวารเย
สตํ หิ โส ปิโย โหติ อสตํ โหติ อปปิโย.
บุคคลควรเตือนกัน ควรสอนกัน และป้องกันจากคนไม่ดี เพราะเขาย่อมเป็นที่รักของคนดี แต่ไม่เป็นที่รักของคนไม่ดี
(พุทธ) ขุ. ธ. ๒๕ / ๒๕.
๑๔. กาเมสุ พรหมจริยวา วีตตณโห สทา สโต
สงขาย นิพพุโต ภิกขุ ตสส โน สนติ อิญชิตา
ภิกษุผู้เห็นโทษในกาม มีความประพฤติประเสริฐ ปราศจากตัณหา มิสติทุกเมื่อ พิจารณาแล้ว ดับกิเลสแล้ว ย่อมไม่มีความหวั่นไหว
(พุทธ) ขุ. สุ. ๒๕ / ๕๓๑. ขุ. จู. ๓๐ / ๓๕.
๑๕. ขตติโย จ อธมมฏโฐ เวสโส จาธมมนิสสิโต
เต ปริจจชชุโภ โลเก อุปปชชนติ ทุคคตึ
กษัตริย์ไม่ทรงตั้งอยู่ในธรรม และแพศย์ (นสามัญ) ไม่อาศัยธรรม ชนทั้ง ๒ นั้นละโลกแล้ว ย่อมเข้าถึงทุคติ
(โพธิสตต) ขุ. ชา ปญจก. ๒๗ / ๑๗๕.
๑๖. คตทธิโน วิโสกสส วิปปมุตตสส สพพธิ
สพพคนถปปหีนสส ปริฬาโห น วิชชติ
ท่านผู้มีทางไกลอันถึงแล้ว หายโศก หลุดพ้นแล้วในธรรมทั้งปวง ละกิเลสเครื่องรัดทั้งปวงแล้ว ย่อมไม่มีความเร่าร้อน
(พุทธ) ขุ. ธ. ๒๕ / ๒๗.
๑๗. จเช ธนํ องควรสส เหตุ
องคํ จเช ชีวิตํ รกขมาโน
องคํ ธนํ ชีวิตญจาปิ สพพํ
จเช นโร ธมมมนุสสรนโต
พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ, เมื่อรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ, เมื่อคำนึงถึงธรรม พึงสละอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิต ทุกอย่าง
(โพธิสตต) ขุ. ชา. อสีติ. ๒๘ / ๑๔๗.
๑๘. ฉนทชาโต อนกขาเต มนสา จ ผุโฐ สิยา
กาเม จ อปฏิพทธจิตโต อุทธํโสโตติ วุจจติ
พึงเป็นผู้พอใจและประทับใจในพระนิพพานที่บอกไม่ได้ ผู้มีจิตไม่ติดกาม ท่านเรียกว่าผู้มีกระแสอยู่เบื้องบน
(พุทธ) ขุ. ธ. ๒๕ / ๔๔.
๑๙. ชิฆจฉา ปรมา โรคา สงขารา ปรมา ทุกขา
เอตํ ญตวา ยถาภูตํ นิพพานํ ปรมํ สุขํ.
ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง รู้ข้อนั้นตามเป็นจริงแล้ว ดับเสียได้ เป็นสุขอย่างยิ่ง.
(พุทธ) ขุ. ธ. ๒๕ / ๔๒.
๒๐. ชีรนติ เว ราชรถา สุจิตตา
อโถ สรีรมปิ ชรํ อุเปติ
สตญจ ธมโม น ชรํ อุเปติ
สนโต หเว สพภิ ปเวทยนติ.
ราชรถอันงดงามย่อมคร่ำคร่า แม้ร่างกายก็เข้าถึงชรา ส่วนธรรมของสัตบุรุษย่อมไม่เข้าถึงชรา สัตบุรุษกับอสัตบุรุษเท่านั้นย่อมรู้กันได้
(พุทธ) สํ. ส. ๑๕ / ๑๐๒.
๒๑. เต ฌายิโน สาตติกา นิจจํ ทฬหปรกกมา
ผุสนติ ธีรา นิพพานํ โยคกเขมํ อนุตตรํ.
ผู้ฉลาดนั้นเป็นผู้เพ่งพินิจ มีเพียรติดต่อ บากบั่นมั่นคงเป็นนิตย์ ย่อมถูกต้องพระนิพพานอันปลอดจากโยคะ หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้
(พุทธ) ขุ. ธ. ๒๕ / ๑๘.
๒๒. ทุกขเมว หิ สมโภติ ทุกขํ ติฏฐติ เวติ จ
นาญญตร ทุกขา สมโภติ นาญญตร ทุกขา นิรุชฌติ
ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์ย่อมตั้งอยู่ และเสื่อมไป นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับ
(วชิราภิกขุนี ) สํ. ส. ๑๕ / ๑๙๙. ขุ. มหา. ๒๙ / ๕๓๖.
๒๓. ธมโม ปโถ มหาราช อธมโม ปน อุปปโถ
อธมโม นิรยํ เนติ ธมโม ปาเปติ สุคตึ
มหาราช ธรรมเป็นทาง (ควรดำเนินตาม) ส่วนอธรรมนอกลู่นอกทาง (ไม่ควรดำเนินตาม) อธรรมนำไปนรก ธรรมให้ถึงสวรรค์
(โพธิสตต) ขุ. ชา. สฏฐิ. ๒๘ / ๓๙.
๒๔. นนทิสญโญชโน โลโก วิตกกสส วิจารณา
ตณหาย วิปปหาเนน นิพพานํ อิติ วุจจติ
สัตว์โลกมีความเพลินเป็นเครื่องผูกพัน มีวิตกเป็นเครื่องเที่ยวไป ท่านเรียกว่านิพพาน เพราะละตัณหาได้
( พุทธ ) ขุ. สุ. ๒๕ / ๕๔๗. ขุ. จุ. ๓๐/๓๑๖,๒๑๗..
๒๕. นาญฺญตฺร โพชฺฌาตปสา นาญฺญตฺร อินฺทฺริยสํวรา
นาญฺญตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา โสตฺถึ ปสฺสามิ ปาณินํ
เรา (ตถาคต) ไม่เห็นความสวัสดีของสัตว์ทั้งหลาย นอกจากปัญญา ความเพียร ความระวังตัว และการสละสิ่งทั้งปวง
(พุทธ) สํ. ส. ๑๕ / ๗๕.
๒๖. ปญฺจกฺขนฺธา ปริญฺญาตา ติฏฺฐนฺติ ฉินฺนมูลกา
ทุกฺขกฺขโย อนุปฺปตฺโต นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว.
เบญจขันธ์ที่กำหนดรู้แล้ว มีรากขาดตั้งอยู่ ถึงความสิ้นทุกข์แล้ว ก็ไม่มีภพต่อไปอีก
(พรหมทตตเถรี) ขุ. เถร. ๒๖ /๓๓๔.
๒๗. ปตตา เต นิพฺพานํ เย ยุตฺตา ทสพลสฺส ปาวจเน
อปฺโปสฺสุกฺกา ฆเฏนฺติ ชาติมรณปฺปหานาย.
ผู้ใด ประกอบในธรรมวินัยของพระทศพล มีความขวนขวายน้อย พากเพียรละความเกิดความตาย ผู้นั้นย่อมบรรลุพระนิพพาน
(สุเมธาเถร) ขุ. เถรี. ๒๖ / ๕๐๒.
๒๘. พหุสฺสุตํ อุปาเสยฺย สุตญฺจ น วินาสเย
ตํ มูลํ พฺรหมฺจริยสฺส ตสฺมา ธมฺมธโร สิยา.
พึงนั่งใกล้ผู้เป็นพหูสูต และไม่พึงทำสุตะให้เสื่อม สุตะนั้นเป็นรากแห่งพรหมจรรย์ เพราะฉะนั้น ควรเป็นผู้ทรงธรรม
(อานนทเถร) ขุ. เถร. ๒๖ / ๔๐๖.
๒๙. มคฺคานฏฺฐงฺคิโก เสฏฺโฐ สจฺจานํ จตุโร ปทา
วิราโค เสฏฺโฐ ธมฺมานํ ทิปทานญฺจ จกฺขุมา
บรรดาทางทั้งหลาย ทางมีองค์ ๘ ประเสริฐสุด, บรรดาสัจจะทั้งหลาย บท ๔ ประเสริฐสุด, บรรดาธรรมทั้งหลาย วิราคธรรมประเสริฐสุด, และบรรดาสัตว์ ๒ เท้าทั้งหลาย พระพุทธเจ้าผู้มีจักษุประเสริฐสุด
( พุทธ ) ขุ. ธ. ๒๕ / ๕๑.
๓๐. ยตฺถ นามญฺจ รูปญฺจ อเสสํ อุปรุชฺฌติ
วิญฺญาณสฺส นิโรเธน เอตฺเถตํ อุปรุชฺฌติ.
นามและรูป ย่อมดับไม่เหลือในที่ใด นามและรูปนี้ ย่อมดับในที่นั้น เพราะวิญญาณดับ.
( พุทธ ) ขุ. สุ. ๒๕ / ๕๓๑. ขุ. จุ. ๓๐/๒๑.
๓๑. ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธมฺโม จ อหึสา สญฺญโม ทโม
เอตทริยา เสวนฺติ เอตํ โลเก อนามตํ.
สัจจะ ธรรมะ อหิงสา สัญญมะ และทมะ มีอยู่ในผู้ใด อารยชนย่อมคบผู้นั้น นั่นเป็นธรรมอันไม่ตายในโลก.
( อุปสาฬหกโพธิสตต ) ขุ. ชา. ทุก. ๒๗ / ๕๘.
๓๒. ยานิ โสตานิ โลกสฺมึ สติ เตสํ นิวารณํ
โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ ปญฺญาเยเต ปิถิยฺยเร.
กระแสเหล่าใดมีอยู่ในโลก สติเป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น เรากล่าวว่าสติเป็นเครื่องกั้นกระแส กระแสเหล่านั้นอันบุคคลปิดกั้นได้ด้วยปัญญา
(พุทธ) ขุ.สุ.๒๕ /๕๓๐. ขุ.จู.๓๐/๑๖, ๒๐.
๓๓. เย สนตจิตฺตา นิปกา สติมนฺโต จ ฌายิโน
สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสนฺติ กาเมสุ อนเปกฺขิโน
ผู้มีจิตสงบ มีปัญญาเครื่องรักษาตัว มีสติ เป็นผู้เพ่งพินิจไม่เยื่อใยในกาม ย่อมเห็นธรรมโดยชอบ
(พุทธ) ขุ. อิติ. ๒๕ / ๒๖๐.
๓๔. โย จ ปปญฺจํ หิตฺวาน นิปฺปปญฺจปเท รโต
อาราธยิ โส นิพฺพานํ โยคกฺเขมํ อนุตฺตรํ
ผู้ใดละปปัญจธรรมที่ทำให้เนิ่นช้าได้แล้ว ยินดีในธรรมที่ไม่มีสิ่งทำให้เนิ่นช้า ผู้นั้นก็บรรลุพระนิพพานอันปลอดจากโยคะ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
(สารีปุตต) องฺ. ฉกฺก. ๒๒ / ๓๒๙
๓๕. สกํ หิ ธมฺมํ ปริปุณฺณมาหุ
อญญสฺส ธมฺมํ ปน หีนมาหุ
เอวมฺปิ วิคฺคยฺห วิวาทยนฺติ
สกํ สกํ สมฺม สติมาหุ สจฺจํ
สมณพราหมณ์บางเหล่า กล่าวธรรมของตนว่าบริบูรณ์, แต่กล่าวธรรมของผู้อื่นว่าเลว (บกพร่อง), เขาย่อมทะเลาะวิวาทกันแม้ด้วยเหตุนี้ เพราะต่างก็กล่าวข้อสมติของตน ๆ ว่าเป็นจริง
(พุทธ) ขุ. สุ. ๒๕ / ๕๑๑. ขุ. มหา. ๒๙ / ๓๘๓.
๓๖. สมฺมปฺปธานสมฺปนฺโน สติปฏฺฐานโคจโร
วิมุตฺติกุสุม สญฺฉนฺโน ปรินิพฺพายิสฺสตฺยนาสโว
ผู้ถึงพร้อมด้วยสัมมัปปธาน มีสติปัฏฐานเป็นอารมณ์ ดาดาษด้วยดอกไม้คือวิมุตติ หาอาสวะมิได้ จักปรินิพพาน
(เทวสภเถร) ขุ. เถร. ๒๖ / ๒๘๒.
๓๗. สุขํ วต นิพฺพานํ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ
อโสกํ วิรชํ เขมํ ยตฺถ ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ
พระนิพพานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว ไม่มีโศกปราศจากธุลี เกษม เป็นที่ดับทุกข์ เป็นสุขดีหนอ
(หาริตเถร) ขุ. เถร. ๒๖ / ๓๐๙.
๓๘. โสรจฺจํ อวิหึสา จ ปาทา นาคสฺส เต ทุเว
สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ จรณา นาคสฺส เต ปเร
โสรัจจะและอวิหิงสานั้น เป็นช้างเท้าหลัง สติและสัมปชัญญะนั้น เป็นช้างเท้าหน้า
(อุทายีเถร) ขุ. เถร. ๒๖ / ๓๖๘.
๓๙. หีนํ ธมฺมํ น เสเวยฺย ปมาเทน น สํวเส
มิจฺฉาทิฏฺฐึ น เสเวยฺย น สิยา โลกวฑฺฒโน
ไม่ควรเสพธรรมที่เลว ไม่ควรอยู่กับความประมาท ไม่ควรเสพมิจฉาทิฏฐิ ไม่ควรเป็นคนรกโลก
(พุทธ) ขุ. ธ. ๒๕ / ๓๗.
๔๐. หีเนน พฺรหฺมจริเยน ขตฺติเย อุปปชฺชติ
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ อุตฺตเมน วิสุชฺฌติ.
บุคคลย่อมเข้าถึงความเป็นกษัตริย์ ด้วยพรหมจรรย์อย่างเลว, ถึงความเป็นเทวดา ด้วยพรหมจรรย์อย่างกลาง, ย่อมบริสุทธิ์ ด้วยพรหมจรรย์อย่างสูง
(พุทธ) ขุ. ชา. มหา. ๒๘ / ๑๙๙.