ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม ธรรมศึกษาชั้นเอก สอบในสนามหลวง วันพุธ ที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
คำสั่ง : จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว แล้วกากบาท (X) ลงในช่อง
ของข้อที่ต้องการ ในกระดาษคำตอบ ให้เวลา ๕๐ นาที (๑๐๐ คะแนน)
๑. คำว่า “ จงมาดูโลกนี้ ” พระองค์ตรัสไว้เพื่อพระประสงค์ใด ?
ก. เพื่อให้เพลิดเพลิน ข. เพื่อมิให้หลงชม
ค. เพื่อให้สลดใจ ง. เพื่อให้เห็นโลก
คำตอบ : ข
๒. คำว่า “ พวกคนเขลา ” หมายถึงบุคคลในข้อใด ?
ก. คนอันธพาล ข. คนสมองไม่ดี
ค. คนเสียสติ ง. คนผู้ไร้วิจารณญาณ
คำตอบ : ง
๓. คำว่า “ พวกผู้รู้ ” หมายถึงใคร ?
ก. ผู้รู้โลกธรรม ข. ผู้รู้โลกตามเป็นจริง
ค. ผู้รู้ค่าของความงาม ง. ผู้รู้ทันเหตุการณ์
คำตอบ : ข
๔. คำว่า “ หาข้องอยู่ไม่ ” มีความหมายตรงกับข้อใด ?
ก. ไม่พัวพันในสิ่งล่อใจ ข. ไม่เกี่ยวข้องกับใครๆ
ค. ไม่ให้ความสนใจโลก ง. ไม่ปรารถนาเกิดในโลก
คำตอบ : ก
๕. ในเรื่องนิพพิทา อาการเช่นไร เรียกว่า สำรวมจิต ?
ก. ปิดใจไม่รับอารมณ์ ข. ปิดตาหูไม่ดูไม่ฟัง
ค. มนสิการกัมมัฏฐาน ง. ทำใจมิให้ขัดเคือง
คำตอบ : ค
๖. กิเลสกาม คือเจตสิกอันเศร้าหมอง ได้ชื่อว่า มาร เพราะเหตุใด ?
ก. เพราะเป็นเครื่องผูกใจ ข. เพราะเป็นคุณเศร้าหมอง
ค. เพราะล่อใจให้หลงระเริง ง. เพราะล้างผลาญคุณความดี
คำตอบ : ง
๗. วัตถุกามเป็นอารมณ์เครื่องผูกใจให้ติดอยู่ เรียกว่าอะไร ?
ก. ขันธมาร ข. บ่วงมาร
ค. มาร ง. มัจจุมาร
คำตอบ : ข
๘. การพิจารณาสังขารในข้อใด ไม่ใช่ปฏิปทาแห่งนิพพิทา ?
ก. ไม่เที่ยง ข. เป็นทุกข์
ค. ไม่แย้งอัตตา ง. ไม่อยู่ในอำนาจ
คำตอบ : ค
๙. ความหน่ายในขันธ์ ๕ เกิดขึ้นด้วยปัญญา จัดเป็นญาณอะไร ?
ก. ภังคญาณ ข. วิปากญาณ
ค. อาทีนวญาณ ง. นิพพิทาญาณ
คำตอบ : ง
๑๐. เบญจขันธ์ที่ผันแปรเปลี่ยนแปลงไปในระหว่าง เรียกอะไร ?
ก. ทุกขลักษณะ ข. อนิจจลักษณะ
ค. อนัตตลักษณะ ง. ชราลักษณะ
คำตอบ : ข
๑๑. เบญจขันธ์ที่ถูกเบียดเบียนบีบคั้นจากผัสสะต่างๆ เรียกอะไร ?
ก. ทุกขลักษณะ ข. อนิจจลักษณะ
ค. อนัตตลักษณะ ง. ชราลักษณะ
คำตอบ : ก
๑๒. ข้อใด ไม่จัดเป็นสังขารในเรื่องนิพพิทา ?
ก. อารมณ์ ข. นิพพาน
ค. ร่างกาย ง. วิญญาณ
คำตอบ : ข
๑๓. คำว่า “ อนัตตา ” กล่าวหมายเอาข้อใด ?
ก. ธรรมทั้งปวง ข. สังขารทั้งปวง
ค. เวทนาทั้งปวง ง. ทุกข์ทั้งปวง
คำตอบ : ก
๑๔. นิพัทธทุกข์ ได้แก่ข้อใด ?
ก. การเกิด ข. การแก่
ค. ความหิว ง. การตาย
คำตอบ : ง
๑๕. อวัยวะของมนุษย์ไม่ทำหน้าที่ตามปกติ จนเกิดความทุกข์ขึ้น จัดเป็นทุกข์ในข้อใด ?
ก. สภาวทุกข์ ข. สันตาปทุกข์
ค. วิปากทุกข์ ง. พยาธิทุกข์
คำตอบ : ค
๑๖. สภาวทุกข์ ได้แก่ข้อใด ?
ก. ความหิว ข. การเกิด
ค. ความเสียใจ ง. ถูกกิเลสเผาใจ
คำตอบ : ข
๑๗. ความทุกข์เพราะถูกไฟโทสะเผา จัดเป็นทุกข์ชนิดใด ?
ก. นิพัทธทุกข์ ข. สหคตทุกข์
ค. วิปากทุกข์ ง. สันตาปทุกข์
คำตอบ : ง
๑๘. ทุกขขันธ์ หรือทุกข์รวบยอด เกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด ?
ก. เสื่อมลาภ ข. ถูกลงโทษ
ค. บริหารขันธ์ ง. การหากิน
คำตอบ : ค
๑๙. ความเป็นอนัตตาแห่งสังขาร พึงกำหนดรู้ด้วยอาการอย่างไร ?
ก. นั่นว่างเปล่า ข. นั่นของเรา
ค. นั่นเป็นเรา ง. นั่นตัวเรา
คำตอบ : ก
๒๐. เมื่อรู้ว่า “ สังขารเป็นไปตามเหตุปัจจัย ” พึงปฏิบัติอย่างไร ?
ก. มีสุขทุกเมื่อ ข. มีอคติทุกเมื่อ
ค. มีสติทุกเมื่อ ง. วางเฉยทุกเมื่อ
คำตอบ : ค
๒๑. การเห็นสังขารทั้งปวงเป็นทุกข์แล้วเบื่อหน่าย เรียกว่าอะไร ?
ก. วิราคะ ข. นิพพิทา
ค. วิมุตติ ง. นิพพาน
คำตอบ : ข
๒๒. ความหน่ายในสังขาร เป็นเหตุให้อะไรเกิดขึ้น ?
ก. ความหลุดพ้น ข. ความท้อแท้
ค. ความฟุ้งซ่าน ง. ความสิ้นกำหนัด
คำตอบ : ง
๒๓. ความติดพันห่วงใยในอารมณ์อันเป็นที่รัก เรียกว่าอะไร ?
ก. ความเมา ข. ความระหาย
ค. อาลัย ง. ตัณหา
ค. อาลัย ง. ตัณหา
คำตอบ : ค
๒๔. ความเวียนเกิดด้วยอำนาจกิเลส กรรม วิบาก เรียกว่าอะไร ?
ก. วัฏฏะ ข. อาลัย
ค. ตัณหา ง. วิบาก
คำตอบ : ก
๒๕. ข้อใด ไม่ใช่อารมณ์ยั่วยวนให้เกิดความเมา ในเรื่องวิราคะ ?
ก. สุข ข. ทุกข์
ค. บริวาร ง. ชีวิต
คำตอบ : ข
๒๖. การถือความศักดิ์สิทธิ์อันเนื่องมาจากเทพเจ้า มีการบวงสรวงขอพรจากพระอินทร์
เป็นต้น สงเคราะห์เข้าในอาสวะข้อใด ?
เป็นต้น สงเคราะห์เข้าในอาสวะข้อใด ?
ก. กามาสวะ ข. ภวาสวะ
ค. อวิชชาสวะ ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ค
๒๗. วิกขัมภนวิมุตติ เป็นความหลุดพ้นด้วยอำนาจแห่งอะไร ?
ก. ฌาน ข. ปัญญา
ค. ญาณ ง. สัทธา
คำตอบ : ก
๒๘. ในเรื่องวิสุทธิ ความบริสุทธิ์ภายใน ย่อมมีได้ด้วยอะไร ?
ก. ศีล ข. สมาธิ
ค. ปัญญา ง. ลอยบาป
คำตอบ : ค
๒๙. การพ้นจากกิเลสด้วยอำนาจอริยมรรค ละกิเลสได้เด็ดขาดจัดเป็นผลของวิมุตติข้อใด ?
ก. ตทังควิมุตติ ข. สมุจเฉทวิมุตติ
ค. ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ ง. นิสสรณวิมุตติ
คำตอบ : ข
๓๐. พิจารณาเห็นสังขารอย่างไร จัดเป็นอุทยัพพยญาณ ?
ก. เห็นว่าไม่เที่ยง ข. เห็นว่าเป็นทุกข์
ค. เห็นว่าเป็นอนัตตา ง. เห็นว่าว่างเปล่า
คำตอบ : ก
๓๑. พิจารณาเห็นสังขารอย่างไร จัดเป็นภยตูปัฏฐานญาณ ?
ก. เห็นเป็นของหนัก ข. เห็นเป็นของย่อยยับ
ค. เห็นความเกิดดับ ง. เห็นเป็นของน่ากลัว
คำตอบ : ง
๓๒. ข้อใด เป็นทางนำไปสู่ความดับทุกข์ อันประเสริฐที่สุด ?
ก. อริยทรัพย์ ๗ ข. มรรคมีองค์ ๘
ค. บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ง. โลกธรรม ๘
คำตอบ : ข
๓๓. การเลี้ยงชีพโดยงดเว้นทุจริตประกอบสุจริต จัดเป็นวิสุทธิใด ?
ก. จิตตวิสุทธิ ข. ทิฏฐิวิสุทธิ
ค. กังขาวิตรณวิสุทธิ ง. สีลวิสุทธิ
คำตอบ : ง
๓๔. ธรรมที่ส่งผลต่อกันโดยลำดับจนถึงนิพพาน เหมือนการเดินทางด้วยรถ ๗ ผลัด
ตรงกับข้อใด ?
ตรงกับข้อใด ?
ก. วิสุทธิ ๗ ข. อริยทรัพย์ ๗
ค. สัปปุริสธรรม ๗ ง. โพชฌงค์ ๗
คำตอบ : ก
๓๕. ผู้มีความสงบในการทำ การพูด การคิด เว้นจากการทำร้ายกัน ชื่อว่ามีธรรมใด
อยู่ภายใน ?
อยู่ภายใน ?
ก. วิสุทธิ ข. วิมุตติ
ค. สันติ ง. วิราคะ
คำตอบ : ค
๓๖. กามคุณ ๕ มีรูปเป็นต้น ได้ชื่อว่าโลกามิส เพราะเหตุใด ?
ก. เพราะเป็นสิ่งน่าปรารถนา ข. เพราะเป็นเหยื่อตกปลา
ค. เพราะทำให้เกิดในโลกนี้ ง. เพราะล่อใจให้ติดในโลก
ค. เพราะทำให้เกิดในโลกนี้ ง. เพราะล่อใจให้ติดในโลก
คำตอบ : ง
๓๗. คนที่ไม่ประมาทและเห็นภัยในความประมาท จัดเป็นคนเช่นไร ?
ก. รู้จักพระนิพพาน ข. ใกล้พระนิพพาน
ค. เข้าสู่พระนิพพาน ง. ถึงพระนิพพาน
คำตอบ : ข
๓๘. พระดำรัสว่า “ ภิกษุเธอจงวิดเรือนี้ ” เรือในที่นี้ คืออะไร ?
ก. อัตภาพ ข. กามภพ
ค. รูปภพ ง. อรูปภพ
คำตอบ : ก
๓๙. ข้อว่า ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่มีในนิพพานนั้น ส่องความว่าอะไร ?
ก. นิพพานเป็นโลกหนึ่ง ข. นิพพานเป็นนามขันธ์
ค. นิพพานมิใช่รูปขันธ์ ง. นิพพานมิใช่เบญจขันธ์
คำตอบ : ค
๔๐. ท่านสอนตจปัญจกกัมมัฏฐานก่อนกัมมัฏฐานอื่น เพื่ออะไร ?
ก. เพื่อต่อสู้กับกามฉันท์ ข. เพื่อมิให้ง่วงนอน
ค. เพื่อปฏิบัติได้สะดวก ง. เพื่อให้บรรลุฌาน
คำตอบ : ก
๔๑. กายเหมือนเรือ ใจเหมือนนายเรือ หากปล่อยใจให้หลงระเริง ไม่ฝึกอบรมจิต
เป็นเหตุเสียหายอย่างไร ?
เป็นเหตุเสียหายอย่างไร ?
ก. ชักจูงให้ประพฤติชั่วทางกาย ข. ชักจูงให้ประพฤติชั่วทางวาจา
ค. ชักจูงให้อยู่ในความประมาท ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
๔๒. พิจารณาผม ขน เล็บ ฟัน หนัง โดยอาการอย่างไร จึงจัดเป็นกายคตาสติ ?
ก. โดยเป็นของปฏิกูล ข. โดยเป็นของน่ารักษา
ค. โดยเป็นของงดงาม ง. โดยเป็นของมีสีน่ารัก
คำตอบ : ก
๔๓. ผู้เจริญเมตตาพึงน้อมนึกถึงคนที่ตนไม่ชอบ ด้วยอาการอย่างไร จึงจะหายเกลียดชัง ?
ก. อย่านึกถึงเขาเลยดีกว่า ข. อย่าคบค้าสมาคมด้วย
ค. นึกถึงความดีที่เขามีอยู่ ง. หลีกหนีเสียให้ห่างไกล
คำตอบ : ค
๔๔. ผู้เจริญเมตตา เมื่อจะแผ่โดยเจาะจง พึงน้อมใจนึกถึงใครก่อน ?
ก. บิดา มารดา ข. ครู อาจารย์
ค. สามี ภรรยา ง. บุตร ธิดา
คำตอบ : ก
๔๕. ผู้เจริญกรุณา พึงกำหนดสัตว์ชนิดใดเป็นอารมณ์ ?
ก. สัตว์เลี้ยง ข. สัตว์บาดเจ็บ
ค. สัตว์น่ารัก ง. สัตว์ทุกจำพวก
คำตอบ : ข
๔๖. ผู้เจริญกรุณาอยู่เนืองๆ ย่อมกำจัดอะไรได้ ?
ก. พยาบาท ข. อภิชฌา
ค. กามราคะ ง. วิหิงสา
คำตอบ : ง
๔๗. การบริกรรมนึกว่า “ สัตว์ทั้งหลาย จงอย่าเสื่อมวิบัติไปจากสุขสมบัติที่ตนได้แล้วเลย ”
เป็นลักษณะแห่งพรหมวิหารข้อใด ?
เป็นลักษณะแห่งพรหมวิหารข้อใด ?
ก. เมตตา ข. กรุณา
ค. มุทิตา ง. อุเบกขา
คำตอบ : ค
๔๘. ผู้เจริญพุทธานุสสติ ควรระลึกถึงอะไร ?
ก. ประวัติของพระพุทธเจ้า ข. คำสอนของพระพุทธเจ้า
ค. พระรูปของพระพุทธเจ้า ง. พระคุณของพระพุทธเจ้า
คำตอบ : ง
๔๙. ข้อใด ไม่ใช่หัวข้อของสติปัฏฐาน ๔ ?
ก. กาย ข. สัญญา
ค. จิต ง. ธรรม
คำตอบ : ข
๕๐. ผู้เจริญกัมมัฏฐานไม่ได้ผลตามที่ต้องการ เพราะสาเหตุใด ?
ก. มีเรื่องกังวลใจ ข. มีทรัพย์สมบัติมาก
ค. ไม่อยู่ในป่าช้า ง. เป็นคนเจ้าอารมณ์
คำตอบ : ก
ผู้ออกข้อสอบ | : | ๑. | พระเทพวิสุทธิกวี | วัดราชาธิวาสวิหาร |
| | ๒. | พระราชเมธาภรณ์ | วัดบวรนิเวศวิหาร |
| | ๓. | พระราชสุตกวี | วัดสุทัศนเทพวราราม |
| | | | |
ตรวจ/ปรับปรุง | : | | สนามหลวงแผนกธรรม | |