๑๐. พระรัตนตรัยเป็นสรณะที่ปลอดภัย
ผู้ที่มีจิตใจศรัทธาเลื่อมใส และเคารพนับถือบูชา เชื่อมั่นพระธรรมคำสั่งสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วปฏิบัติตามแม้ด้วยชีวิต ไม่ยอมให้สรณคมน์ขาดไป ย่อมได้รับผลที่น่าปรารถนา ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ชนเหล่านั้น ละกายมนุษย์ไปแล้วจักไม่เข้าถึงอบายภูมิ จักทำหมู่เทพให้บริบูรณ์ (ได้ไปเกิดในสวรรค์)
บุคคลใด ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง แล้วเห็นอริยสัจ ๔ คือ เห็นทุกข์ เหตุให้ทุกข์เกิด ความดับทุกข์ และมรรคมีองค์ ๘ อันประเสริฐ ซึ่งทำให้ถึง ความดับทุกข์ ด้วยปัญญาอันชอบ สรณะนั้นของบุคคลนั้น เป็นสรณะที่ปลอดภัย เป็นสรณะอันสูงสุด เขาอาศัยสรณะนั้น ย่อมพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้.
จากพระพุทธพจน์ที่ได้ยกมานี้ เป็นการรับประกันจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ผู้ที่ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสรณะแล้วปลอดภัยพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้นั้น ต้องเห็นอริยสัจ ๔ หมายความว่า ต้องดำเนินชีวิตด้วยปัญญาอันชอบตามหลักอริยสัจ ๔ ไม่ใช่ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะแล้ว ยังกราบไหว้อ้อนวอนขอพรสิ่งอื่น เช่น แม่น้ำ ภูเขา ต้นไม้ เทพเจ้า เป็นต้น อันนอกเหนือไปจากพระรัตนตรัย ไม่ปฏิบัติตามหลักอริยสัจ ๔ ถ้าอย่างนี้จะมาโทษพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ว่า พึ่งอะไรไม่ได้ ย่อมไม่ยุติธรรมสำหรับพระรัตนตรัย
การที่ได้พบพระรัตนตรัย อันเป็นสรณะที่ให้ความปลอดภัย ทำลายความทุกข์ได้จริง แล้วไม่ยอมรับนับถือ ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอน ก็เท่ากับคนผู้ปฏิเสธสิริที่เข้ามาหาตน สมกับที่พระมหาปันถกเถระ ได้กล่าวไว้ว่า
ผู้ที่ได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ปล่อยโอกาสนั้นให้ผ่านไปโดยไม่สนใจศึกษาและปฏิบัติตามโอวาทของพระองค์ ผู้นั้นเป็นคนไม่มีบุญ เหมือนกับคนที่ใช้มือและเท้าปัดป้องสิริที่เข้ามาหาตนถึงที่นอน แล้วขับไล่ไสส่งออกไป