ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม ธรรมศึกษาชั้นเอก สอบในสนามหลวง วันจันทร์ ที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘
๑. นักศึกษาควรมองโลก โดยเปรียบเทียบกับอะไร ?
ก. ยาพิษ ข. ของมึนเมา
ค. อาหารและยา ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
๒. พระพุทธองค์ตรัสเรียกคนไร้วิจารณญาณว่าอะไร ?
ก. พวกอันธพาล ข. พวกนอกลัทธิ
ค. พวกบุรุษเปล่า ง. พวกคนเขลา
คำตอบ : ง
๓. พระองค์ตรัสเรียก ผู้รู้โลกตามความเป็นจริงว่าอะไร ?
ก. ผู้รู้ ข. ผู้รู้โลกธรรม
ค. ผู้รู้ทันเหตุการณ์ ง. ผู้รู้พระไตรปิฎก
คำตอบ : ก
๔. ทรงมีพุทธประสงค์ใด จึงตรัสชวนให้มาดูโลกนี้ ?
ก. เพื่อไม่ให้หลง ข. เพื่อให้เห็นคุณและโทษ
ค. เพื่อไม่ให้มัวเมาติดอยู่ ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
๕. คนเช่นไร ควรสงเคราะห์เข้าในคำว่า “มาร” ?
ก. คนเป็นศัตรูกัน ข. คนขัดขวางการทำดี
ค. คนอันธพาล ง. คนโกหกหลอกลวง
คำตอบ : ข
๖. อะไรเรียกว่า “บ่วงแห่งมาร” ?
ก. อายตนะภายใน
ข. อายตนะภายนอก
ข. อายตนะภายนอก
ค. โลภ โกรธ หลง
ง. สิ่งที่ผูกใจให้ติดอยู่
ง. สิ่งที่ผูกใจให้ติดอยู่
คำตอบ : ง
๗. ทำอย่างไร จึงจะพ้นจากบ่วงแห่งมาร ?
ก. สำรวมอินทรีย์มิให้ความยินดีครอบงำ
ข. รักษาศีลให้บริสุทธิ์
ค. ปรับอารมณ์มิให้ขุ่นมัว
ง. หมั่นอ่านหนังสือธรรมะ
คำตอบ : ก
๘. ความไม่ดีในข้อใด จัดเป็นมาร ?
ก. ความโกรธทำลายล้าง
ข. ความเกียจคร้าน
ข. ความเกียจคร้าน
ค. เจตสิกอันเศร้าหมองชักให้ใคร่
ง. ความเห็นแก่ตัว
ง. ความเห็นแก่ตัว
คำตอบ : ค
๙. ปฏิบัติอย่างไร จึงจะตัดบ่วงแห่งมารได้ เป็นสมุจเฉทปหาน ?
ก. สำรวมอินทรีย์ ข. มนสิการกัมมัฏฐาน
ค. เจริญวิปัสสนา ง. เข้าฌานสมาบัติ
คำตอบ : ค
๑๐. คำว่า “สังขาร” ในปฏิปทาแห่งนิพพิทา หมายถึงอะไร ?
ก. สภาพที่ปรุงแต่งจิต ข. ปัญจขันธ์
ค. อินทรีย์ ง. อายตนะ
คำตอบ : ข
๑๑. ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปแห่งสังขาร เป็นลักษณะแห่งอะไร ?
ก. อนิจจลักษณะ ข. ทุกขลักษณะ
ค. อนัตตลักษณะ ง. สัปปุริสลักษณะ
คำตอบ : ก
๑๒. ทุกข์เพราะหาเงินไม่พอใช้ จัดเป็นทุกข์อะไร ?
ก. สภาวทุกข์ ข. นิพัทธทุกข์
ค. วิปากทุกข์ ง. อาหารปริเยฏฐิทุกข์
คำตอบ : ง
๑๓. ทุกข์ไปด้วยกัน หรือทุกข์กำกับกัน อันได้ชื่อว่าสหคตทุกข์ ตรงกับข้อใด ?
ก. ขันธ์ ๕ ข. อายตนะ ๑๒
ค. อคติ ๔ ง. โลกธรรม ๘
คำตอบ : ง
๑๔. ทุกขขันธ์ อันเป็นทุกข์รวบยอด ได้แก่อะไร ?
ก. ความยึดมั่นปัญจขันธ์ ข. การหาเลี้ยงปัญจขันธ์
ค. การเยียวยาปัญจขันธ์ ง. ความหนักแห่งปัญจขันธ์
คำตอบ : ก
๑๕. ข้อใด จัดเป็นปกิณณกทุกข์ ?
ก. ความแก่ ข. ความเศร้าโศกเสียใจ
ค. ความหิวกระหาย ง. ความทะเลาะวิวาท
คำตอบ : ข
๑๖. สังขารเป็นอนัตตา โดยความเป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ คือข้อใด ?
ก. นั่นมิใช่ของเรา ข. นั่นมิใช่เรา
ค. นั่นมิใช่ตัวของเรา ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
๑๗. เพราะอะไรปิดบังไว้ จึงไม่เห็นสังขารเป็นอนัตตา ?
ก. สำคัญว่าเที่ยง ข. สำคัญว่าไม่ใช่ของเรา
ค. สำคัญว่าเป็นสุข ง. สำคัญว่าเป็นกองเป็นก้อน
คำตอบ : ง
๑๘. ความเบื่อหน่ายเกิดจากปัญญานั้น ได้แก่เบื่อหน่ายอะไร ?
ก. เบื่อหน่ายทั่วไป ข. เบื่อหน่ายสังขาร
ค. เบื่อหน่ายปัญจขันธ์ ง. เบื่อหน่ายภพชาติ
คำตอบ : ค
๑๙. เมื่อจิตเบื่อหน่าย ย่อมเกิดอะไรขึ้น ?
ก. ความไม่ฟุ้งซ่าน ข. ความไม่หลง
ค. ความสิ้นกิเลส ง. ความสิ้นกำหนัด
คำตอบ : ง
๒๐. ข้อว่า “ธรรมยังความเมาให้สร่าง” นั้น เมาอะไร ?
ก. เมาสุราเมรัย ข. เมาสิ่งเสพติดให้โทษ
ค. เมาอายุ วัย ยศ ง. เมากิเลส ตัณหา ราคะ
คำตอบ : ค
๒๑. ข้อว่า “นำเสียซึ่งความระหาย” หมายความว่าอย่างไร ?
ก. กำจัดความหิวได้ ข. กำจัดความทุกข์ร้อนได้
ค. กำจัดตัณหาเสียได้ ง. กำจัดความยากจนได้
คำตอบ : ค
๒๒. ข้อใด มีความหมายตรงกับคำว่า “อาลัย” ?
ก. ความติดใจ ข. ความสูญเสีย
ค. ความเศร้าโศก ง. ความสมหวัง
คำตอบ : ก
๒๓. ข้อใด ไม่ใช่ความหมายของตัณหา ?
ก. ความอยาก ข. ความหงุดหงิด
ค. ความเพลิดเพลิน ง. ความปรารถนา
ค. ความเพลิดเพลิน ง. ความปรารถนา
คำตอบ : ข
๒๔. วิกขัมภนวิมุตติ ความหลุดพ้นด้วยข่มไว้นั้น ข่มอะไร ?
ก. นิวรณ์ ข. โทสะ
ค. ตัณหา ง. กิเลส
คำตอบ : ก
๒๕. การบรรลุอริยผล ด้วยการเจริญวิปัสสนาอย่างเดียว จัดเป็น...?
ก. เจโตวิมุตติ ข. ปัญญาวิมุตติ
ค. วิกขัมภนวิมุตติ ง. สมุจเฉทวิมุตติ
คำตอบ : ข
๒๖. ข้อใด ไม่ใช่สัมมาสังกัปปะ ?
ก. คิดลด ละ เลิกกาม ข. คิดลด ละ เลิกพยาบาท
ค. คิดลด ละ เลิกชีวิต ง. คิดลด ละ เลิกเบียดเบียน
คำตอบ : ค
๒๗. ข้อใด ไม่ใช่สัมมากัมมันตะ ?
ก. เว้นธุรกิจผิดกฎหมาย ข. เว้นเจรจาหลอกลวง
ค. เว้นลักฉ้อคอร์รัปชั่น ง. เว้นธุรกิจค้าประเวณี
คำตอบ : ข
๒๘. ข้อใด ไม่ใช่สัมมาวายามะ ?
ก. เพียรพยายามหนีปัญหา ข. เพียรหาวิธีป้องกันปัญหา
ค. เพียรพยายามระงับปัญหา ง. เพียรพัฒนาสิ่งดีงามขึ้นมา
คำตอบ : ก
๒๙. ข้อใด ไม่นับเข้าในสัมมาสติ ?
ก. เห็นโลกว่าเที่ยง ข. เห็นกายว่าเป็นสิ่งไม่งาม
ค. เห็นเวทนาว่าแปรปรวน ง. เห็นจิตว่ามีความเกิดดับ
คำตอบ : ก
๓๐. สัมมาสติ จัดเข้าในวิสุทธิข้อใด ?
ก. สีลวิสุทธิ ข. จิตตวิสุทธิ
ค. ทิฏฐิวิสุทธิ ง. กังขาวิตรณวิสุทธิ
คำตอบ : ข
๓๑. ข้อใด มีความหมายสอดคล้องกับสีลวิสุทธิ ?
ก. เบื่อหน่ายการอยู่ครองเรือน ข. ประกอบอาชีพสุจริต
ค. เห็นว่าทุกข์เป็นสิ่งมีอยู่จริง ง. สอดคล้องทั้ง ๓ ข้อ
คำตอบ : ข
๓๒. ข้อใด ไม่ใช่แนวคิดแบบวิถีพุทธ ?
ก. อยากได้สันติ ควรพอกพูนทางสันติ
ข. ผู้มุ่งสันติ ควรละผลประโยชน์ที่เป็นอามิส
ค. อยากให้เกิดสันติ ควรทำให้คนเลิกจน
ง. สันติภาพภายนอก เกิดจากสันติภาพภายใน
คำตอบ : ค
๓๓. ข้อใด จัดว่าสวนทางกับพระนิพพาน ?
ก. วิมุตติ หลุดพ้น ข. วิสุทธิ บริสุทธิ์
ค. อรติ ไม่ยินดี ง. สันติ สงบ
คำตอบ : ค
๓๔. “ผู้เพ่งความสงบพึงละโลกามิสเสีย” โลกามิสคืออะไร ?
ก. กามคุณ ข. กามฉันทะ
ค. กามกิเลส ง. กามราคะ
คำตอบ : ก
๓๕. ปฏิบัติเช่นไร ชื่อว่าปฏิบัติใกล้พระนิพพาน ?
ก. ยินดีในสมถะ ข. ยินดีในวิปัสสนา
ค. เห็นโทษการครองเรือน ง. เห็นภัยในความประมาท
คำตอบ : ง
๓๖. ผู้มีจิตเป็นสมาธิตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมรู้เห็นอะไร ?
ก. สภาพเป็นจริง ข. ภพชาติ
ค. อารมณ์ ง. ตัวตน
คำตอบ : ก
๓๗. กายคตาสติ สติไปในกาย พึงกำหนดเห็นด้วยอาการอย่างไร ?
ก. เห็นอาการ ๓๒ ข. เห็นเป็นของน่าเกลียด
ค. เห็นว่าไม่เที่ยง ง. เห็นว่าไม่มีตัวตน
คำตอบ : ข
๓๘. กายคตาสตินั้น เป็นคู่ปรับแก่นิวรณ์ใด ?
ก. กามฉันทะ ข. ถีนมิทธะ
ค. อุทธัจจกุกกุจจะ ง. วิจิกิจฉา
คำตอบ : ก
๓๙. ผู้หมั่นเจริญเมตตา ย่อมได้อานิสงส์อะไร ?
ก. รักตัวเองมากขึ้น ข. รักผู้อื่นมากขึ้น
ค. กำจัดโทสะเสียได้ ง. รู้จักให้อภัยไม่จองเวร
คำตอบ : ค
๔๐. วิธีแผ่กรุณา ท่านสอนให้แผ่อย่างไร ?
ก. ขอสัตว์จงเป็นสุขเถิด ข. ขอสัตว์จงพ้นจากทุกข์เถิด
ค. ขอสัตว์อย่าจองเวรกัน ง. ขอสัตว์อย่าเบียดเบียนกัน
คำตอบ : ข
๔๑. ข้อใด เป็นวิธีแผ่มุทิตา ?
ก. ขอสัตว์จงเป็นสุขเถิด ข. ขอสัตว์จงมีสุขยิ่งขึ้นไป
ค. ขอสัตว์จงพ้นทุกข์ ง. ขอสัตว์จงอย่ามีเวรกัน
คำตอบ : ข
๔๒. ขณะกราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง ควรมีสติระลึกถึงอะไร ?
ก. พระรัตนตรัย ข. คุณพระรัตนตรัย
ค. พระพุทธคุณ ง. พระธรรมคุณ
คำตอบ : ข
๔๓. การเจริญมรณัสสติว่า “อวสฺสํ มยา มริตพฺพํ เราต้องตายแน่” ควรเจริญ
ในขณะใด ?
ในขณะใด ?
ก. ขณะรดน้ำศพ ข. ขณะฟังสวดพระอภิธรรม
ค. ขณะเผาศพ ง. เจริญได้ทุกขณะ
ค. ขณะเผาศพ ง. เจริญได้ทุกขณะ
คำตอบ : ง
๔๔. เมื่อกล่าวบทว่า “นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส” ควรมีสติกำหนด
อะไร จึงเป็นการเจริญกัมมัฏฐาน ?
ก. พระพุทธคุณ ข. พระธรรมคุณ
ค. พระสังฆคุณ ง. กำหนดจิตไม่ให้ฟุ้งซ่าน
คำตอบ : ก
๔๕. ขณะรับบิณฑบาต พระสงฆ์พึงเจริญกัมมัฏฐานอะไร ?
ก. เมตตาพรหมวิหาร ข. อาหาเรปฏิกูลสัญญา
ค. ไม่ได้เจริญแต่สำรวมระวัง ง. ไม่ได้เจริญแต่สวดให้พร
คำตอบ : ข
๔๖. พระสงฆ์ออกเดินธุดงค์ไปในที่ต่างๆ เพื่อจุดประสงค์ใด ?
ก. เพื่อขัดเกลากิเลส ข. เพื่อไม่ติดที่และบุคคล
ค. เพื่อเผยแผ่ธรรม ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
๔๗. พระธุดงค์ประเภทใด ถือว่าปฏิบัติไม่ถูกต้อง ?
ก. นำวัตถุมงคลไปแจก ข. ดูหมอ ให้หวย
ค. ปักกลดย่านชุมชน ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
๔๘. คำว่า “ทำงานด้วยจิตว่าง” นั้น หมายถึงทำอย่างไร ?
ก. เจริญกัมมัฏฐานไปด้วย ข. ไม่ให้ถูกความโกรธครอบงำ
ค. ทำจิตให้ปราศจากอารมณ์ ง. ทำงานอย่างมีสติ
คำตอบ : ง
๔๙. คำว่า “จิตว่าง” นั้น หมายถึงว่างจากอะไร ?
ก. อารมณ์ ข. นิวรณ์
ค. ความเครียด ง. ความกังวล
คำตอบ : ข
๕๐. อะไรเป็นผลสูงสุดของวิปัสสนา ?
ก. เห็นสังขารตามเป็นจริง ข. เห็นสังขารเกิดดับ
ค. เห็นสังขารน่ากลัว ง. เห็นสังขารเป็นทุกข์
คำตอบ : ก