มโนกรรมเป็นไปทางทวาร ๓

              อภิชฌา  พยาบาท  และมิจฉาทิฏฐิ  ทั้ง    นี้  จัดเป็นมโนกรรม  เพราะเป็นไปทางมโนทวารโดยมาก  แม้ไม่มีการเคลื่อนไหวทางกาย  ทางวาจา  เพียงแต่คิดในใจ  ก็สำเร็จเป็นกรรมบถได้  บางครั้ง  อกุศลธรรมทั้ง    นี้  ย่อมเกิดขึ้นทางกายทวารและวจีทวาร  เช่น  บางคนมีใจละโมบอยากได้ของคนอื่น  จึงยื่นมือไปหยิบของนั้น  มีใจโกรธแค้นหยิบมีดหยิบไม้เพื่อทำร้ายเขา  หรือมีความเห็นผิดไปไหว้กระบือ    ขา  เพื่อขอเลข  เป็นต้น  กรรมนั้นของเขา  จัดเป็นมโนกรรม  ส่วนทวาร  จัดเป็นกายทวาร  ถามว่าทำไม่  จึงไม่จัดเป็นกายกรรม  แก้ว่า  เพราะตรงนี้  ท่านมุ่งถึงอภิชฌา  พยาบาท  และมิจฉาทิฏฐิเป็นใหญ่  ไม่ได้มุ่งเจตนาเป็นใหญ่  ถ้ามุ่งเจตนาที่เป็นเหตุให้กระทำทางกายก็จัดเป็นกายกรรมได้
              บางคนมีใจละโมบ  พูดออกมาว่า  ทำอย่างไรหนอ  ของนั้นสิ่งจะพึงเป็นของเรา  มีใจโกรธแค้น  พูดแช่งว่า  ทำอย่างไรหนอ  คนนี้  จะพึงตายเสียที  มีความเห็นผิด  พูดว่า  ผลของกรรมดีกรรมชั่วไม่มี   เช่นนี้  กรรมของเขา  จัดเป็นมโนกรรม  ส่วนทวาร  จัดเป็นวจีทวาร
              บางคนไม่มีการกระทำทางกาย  หรือพูดทางวาจา  คิดละโมบอยากได้  คิดพยาบาทปองร้าย  และเห็นผิดจากทำนองคลองธรรมอย่างเดียว  กรรมของเขา  จัดเป็นมโนกรรม  แม้ทวารก็เป็นมโนทวาร   มโนกรรมที่เป็นอกุศล  ย่อมเกิดได้ทางทวารทั้ง    ดังพรรณนามาฉะนี้ 
              อธิบายเป็นปุคลาธิษฐาน  เรื่องมโนกรรม  ดังนี้  มีโจรอยู่    กลุ่ม
                   กลุ่มที่          หัวหน้าชื่อนายอภิชฌา
                   กลุ่มที่          ชื่อนายพยาบาท
                   กลุ่มที่          ชื่อนายมิจฉาทิฏฐิ
              ส่วนลูกน้องของทั้ง    กลุ่ม  มี    คือ  นายกาย  กับ  นายวาจา  บางครั้งเวลาทำงาน   เช่น  ฆ่าคนหรือปล้นจี้  เป็นต้น  หัวหน้าเป็นผู้คิดอุบาย  นายกาย  นายวาจา  ซึ่งเป็นลูกน้องเป็นผู้ลงมือทำงาน  จึงต้องได้รับโทษหนัก  แต่บางครั้งหัวหน้าลงมือเอง  ลูกน้องคอยสนับสนุน  เช่น  คอยดูต้นทาง  เป็นต้น  หัวหน้าจึงมีโทษหนักกว่า

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘