จาริกกัณฑ์ กัณฑ์คำรบ ๖
ในเมืองพาราณสี มีบุตรเศรษฐีคนหนึ่งชื่อว่า ยศ มีปราสาท ๓ หลัง อยู่ท่ามกลางแห่งสตรีผู้บำเรอกามคุณ คืนหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาในขณะที่สตรีทั้งหลายนอนหลับด้วยอาการต่าง ๆ กัน เหมือนกับซากศพที่นอนตายระเกะระกะ รู้สึกเบื่อหน่าย จึงหนีไปทางป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
เวลานั้นเป็นเวลาใกล้รุ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจงกรมอยู่ในที่แจ้ง ได้สดับเสียงอุทานของยศกุลบุตรว่า ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ จึงตรัสเรียกให้เขาเข้าไปหา แล้วทรงแสดงอนุปุพพีกถา เทศนาที่แสดงโดยลำดับ พรรณา ทาน ศีล สวรรค์ โทษแห่งกาม อานิสงส์แห่งการออกจากกาม จบแล้วทรงแสดงสามุกกังสิกเทศนา แปลว่า เทศนาที่ทรงยกขึ้นแสดงเอง ได้แก่ ทรงแสดงอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ยศกุลบุตรได้บรรลุโสดาปัตติผล
พระธรรมเทศนาอนุปุพพีกถา และสามุกกังสิกเทศนานี้ จะทรงแสดงแก่บุคคลผู้ประกอบด้วย องค์ ๓ คือ ๑. เป็นมนุษย์ ๒. เป็นคฤหัสถ์ ๓. มีอุปนิสัยแก่กล้า ควรบรรลุโลกุตรคุณ
ต่อมาทรงแสดงอนุปุพพีกถา และสามุกกังสิกเทศนานี้แก่เศรษฐีบิดาของเขา ผู้ออกมาตามหาบุตรชาย เศรษฐีได้บรรลุโสดาบัน แสดงตนเป็นอุบาสกถึงรัตน ๓ เป็นสรณะ คนแรกในพระพุทธศาสนา ส่วนยศกุลบุตรฟังธรรมซ้ำอีกครั้งหนึ่งได้บรรลุอรหัตผล
เศรษฐีครั้นฟังธรรมแล้วได้บอกลูกชายว่า แม่คิดถึงมากให้กลับบ้าน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสบอกเขาว่า ยศกุลบุตรบรรลุพระอรหัตผลแล้ว ไม่สามารถจะครองเรือนได้ เศรษฐีจึงอนุโมทนา และขออาราธนาพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมกับยศกุลบุตรรับถวายภัตตาหารในวันรุ่งขึ้น แล้วกลับสู่บ้านของตน
หลังจากเศรษฐีกลับไปแล้ว ยศกุลบุตรได้ทูลขอบรรพชาอุปสมบทกับพระศาสดา ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุด้วยพระวาจาว่า จงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวไว้ดีแล้ว เธอจงประพฤติพรหมจรรย์เถิด
ครั้นรุ่งขึ้นอีกวัน เวลาปุพพัณหสมัย พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระยศเป็นปัจฉิมสมณะ ได้เสด็จไปยังนิเวศน์ของเศรษฐี มารดา และภรรยาของพระยศมาเฝ้า จึงทรงแสดงอนุปุพพีกถา และอริยสัจโปรดทั้งสองได้บรรลุโสดาบัน และแสดงตนเป็นอุบาสิกาคนแรกในพระพุทธศาสนา
เสร็จภัตกิจที่นิเวศน์ของเศรษฐีแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จกลับไปประทับที่ป่าอิสิ ปตนมฤคทายวัน ครั้งนั้นสหายพระยศชาวเมืองพาราณสี ๔ คน ชื่อ วิมละ สุพาหุ ปุณณชิ ควัมปติ ได้ทราบข่าวว่าสหายออกบวชจึงมายังสำนักพระยศ พระยศได้พาพวกเขาไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ฟังอนุปุพพีกถา และอริยสัจ บรรลุโสดาปัตติผลแล้วทูลขอบรรพชาอุปสมบท ครั้นได้บรรพชาอุปสมบทแล้วไม่นานก็ได้บรรลุอรหัตผล
สหายของพระยศอีก ๕๐ คน เป็นลูกเศรษฐีชาวชนบทได้ทราบข่าวว่า ยศกุลบุตรออกบวช จึงพากันมายังสำนักของพระยศ ท่านได้พาสหายเหล่านั้นไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงอนุปุพพีกถา และอริยสัจ ๔ พวกเขาได้ทูลขอบรรพชาอุปสมบท แล้วได้บรรพชาอุปสมบทและบรรลุธรรมตามนัยหนหลัง
ครั้งนั้นมีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก ๖๑ องค์ พระผู้มีพระภาคทรงเจ้า ทรงส่งพระอรหันต์ ๖๐ องค์ ไปประกาศศาสนา ด้วยพระดำรัสว่า เธอทั้งหลายจงจาริกไปเพื่อประโยชน์และความสุขแก่มวลชน เพื่ออนุเคราะห์ เพื่อสิ่งที่ต้องประสงค์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ครั้งนั้น มารมาคุกคามพระองค์ว่า ท่านถูกเราพันธนาการไว้ด้วยบ่วงกามทั้งที่เป็นของเทวดาและมนุษย์ และใจของท่านก็จะต้องติดบ่วงราคะ (ความกำหนัดยินดี) ของเรา ดูก่อนสมณะท่านจะไม่พ้นมือของเราไปได้
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบมารว่า ดูก่อนมาร ความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ของเราหมดไปแล้ว ท่านไม่สามารถจะผูกเราด้วยบ่วงราคะได้หรอก มารจึงอันตรธานหายไป (มั่นใจว่าจะไม่ไปติดกับรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และลาภยศ)
ทรงอนุญาตติสรณคมนุปสัมปทา
ทรงอนุญาตติสรณคมนุปสัมปทา