ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙

   ๑.  บุพพนิมิต ๕ ประการที่เกิดแก่พระโพธิสัตว์ ก่อนจะจุติลงปฏิสนธิ
        ในครรภ์พระมารดาคืออะไรบ้าง
?
   ๑. คือ
               . ดอกไม้ทิพย์ประดับกายเหี่ยวแห้ง
               . ผ้าภูษาทรงมีสีเศร้าหมอง
               . เหงื่อไหลออกจากรักแร้
               . ร่างกายปรากฏชรา
               . พระทัยกระสันเป็นทุกข์ เหนื่อยหน่ายจากเทวโลก
  .  สัมปทาคุณ ๓ ประการของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คืออะไรบ้าง ? เกิดผลดี
        อย่างไร ?
  .  คือ
               .  เหตุสัมปทา คือการบำเพ็ญบารมีมาอย่างครบถ้วน
               ๒.  ผลสัมปทา คือการที่ทรงได้รับผลของบารมี ทำให้มีรูปกาย
                     ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ
อานุภาพ การละกิเลสและ
                     พระญาณหยั่งรู้ เป็นต้น
               ๓.  สัตตูปการสัมปทา คือการที่ทรงบำเพ็ญประโยชน์แก่ชาวโลก
                     ด้วยพระทัยที่บริสุทธิ์ ฯ
        ทำให้พระองค์ทรงเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาและความเลื่อมใสของบัณฑิตชน              ทั้งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะพึงปรารภเป็นอารมณ์แล้วก่อสร้าง
        สั่งสมบุญกุศลให้ไพบูลย์
  .  เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ มีปาฏิหาริย์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ?
  ๓.  มีปาฏิหาริย์ ๗ อย่าง คือ
               ๑. พระมารดาทรงประทับยืน
               ๒. ประสูติไม่เปรอะเปื้อนด้วยครรภมลทิน
               ๓. มีเทวดามาคอยรับก่อน
               ๔. มีธารน้ำร้อนน้ำเย็นตกลงมาจากอากาศสนานพระกาย
               ๕. เมื่อประสูติออกมาทรงเดินได้ ๗ ก้าว
               ๖. ทรงเปล่งวาจาเป็นบุพพนิมิตแห่งพระสัมมาสัมโพธิญาณ
               ๗. แผ่นดินไหว ฯ
  .  ในการบำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณของพระโพธิสัตว์
       
อยากทราบว่าการบำเพ็ญทุกรกิริยาและอุปมา ข้อ อย่างไหนเกิดก่อน ?
       
ทรงมีเหตุผลอย่างไร ?
  .  อุปมา ข้อเกิดก่อน การบำเพ็ญทุกรกิริยาเกิดภายหลัง
        เพราะเมื่ออุปมา ข้อ มาปรากฏแก่พระองค์แล้ว ทรงคิดจะบำเพ็ญเพียร
        เพื่อป้องกันจิตไม่ให้น้อมไปในกามารมณ์ได้ จึงทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา
  .  อปาณกฌาน ได้แก่อะไร ? พระพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญครั้งไหน ? และ
      ได้รับผลอย่างไร ?
  .  ได้แก่ความเพ่งไม่มีปราณ คือไม่มีลมอัสสาสะปัสสาสะ โดยเนื้อความ
        ก็คือกลั้นลมหายใจไม่ให้ดำเนินทางจมูกและทางปาก
        ได้ทรงบำเพ็ญในคราวทรงทำทุกรกิริยา
        ไม่ได้รับผลที่ทรงมุ่งหวังกลับเป็นการทรมานร่างกายให้ลำบากเปล่า
  .  สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่ข้าพเจ้าๆ ไม่ชอบใจหมด เป็นคำพูดของใคร ?
        พระพุทธองค์ ตรัสตอบว่าอย่างไร
?
  .  เป็นคำพูดของทีฆนขะ อัคคิเวสสนโคตร
        ตรัสตอบว่า ถ้าอย่างนั้น ความเห็นอย่างนั้น ก็ต้องไม่ควรแก่ท่าน ท่าน
        ก็ต้องไม่ชอบความเห็นอย่างนั้น
  .  พระศาสดารับสั่งให้ท่านพระมหากัสสปะทรงจีวรที่คฤหบดีถวายเป็นต้น              แต่ท่านมิได้ทำตาม เพราะเห็นอำนาจประโยชน์อะไร ?
  .  เห็นประโยชน์ อย่าง คือ
               ๑.   การอยู่เป็นสุขในบัดนี้ของตน
               ๒.  การอนุเคราะห์ประชุมชนในภายหลัง ประชุมชนในภายหลัง
                     ทราบว่าสาวกของพระพุทธเจ้าไม่ประพฤติตนอย่างนั้น จักถึง
                     ทิฏฐานุคติ ปฏิบัติตามที่ตนได้เห็นได้ยิน ความปฏิบัตินั้น จัก
                     เป็นไปเพื่อประโยชน์และสุขแก่เขาสิ้นกาลนาน ฯ
  .  ก่อนที่ท่านพระโมฆราชจะมาเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ท่านเคยเป็น
        ศิษย์ของใคร
?  ผู้นั้นตั้งสำนักสอนอยู่ที่ไหน ?
  .  เป็นศิษย์ของพาวรีพราหมณ์
        อยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวรี ที่พรมแดนแห่งเมืองอัสสกะและเมืองอาฬกะ
  .  ท่านพระอานนท์ทูลขอพรพระบรมศาสดาก่อนจะรับเป็นพุทธุปัฏฐากไว้
       
ข้อ  ท่านมีเหตุผลที่ทูลขอพร ข้อหลังว่าอย่างไร ?
  .  ใน ข้อหลังนี้ ข้อแรก เพื่อจะป้องกันคนพูดว่า พระอานนท์บำรุง
        พระศาสดาทำอะไร
เพราะพระองค์ไม่ทรงอนุเคราะห์แม้ด้วยกิจเท่านี้                 ส่วนข้อสุดท้าย เมื่อมีคนถามในที่ลับหลัง พระพุทธองค์ว่า ธรรมนี้
        พระองค์ทรงแสดงในที่ไหน
ถ้าท่านบอกไม่ได้ เขาก็จะพูดได้ว่า ท่าน
        ไม่รู้แม้แต่เรื่องเท่านี้ ไม่ละพระศาสดาเที่ยวตามเสด็จอยู่
ดุจเงาตามตัว
        สิ้นกาลนาน
เพราะเหตุอะไร
๑๐.  บุคคลต่อไปนี้ได้รับเอตทัคคะในทางใด ?
               ก. พระอนุรุทธเถระ     
               ข. พระโสณโกฬิวิสเถระ  
               ค. พระรัฐปาลเถระ                
               ง. นางปฏาจาราเถรี     
                จ. นางกีสาโคตมีเถรี
๑๐.        . พระอนุรุทธเถระ       ได้ทิพยจักษุญาณ
               ข. พระโสณโกฬิวิสเถระ   มีความเพียรปรารภแล้ว
               ค. พระรัฐปาลเถระ         บวชด้วยศรัทธา
               ง. นางปฏาจาราเถรี        ทรงไว้ซึ่งวินัย
               จ. นางกีสาโคตมีเถรี       ทรงไว้ซึ่งจีวรอันเศร้าหมอง ฯ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘