พุทธประวัตินักธรรมโท46
»ÑËÒáÅÐà©ÅÂÇÔªÒ͹ؾط¸»ÃÐÇÑµÔ ¹Ñ¡¸ÃÃÁªÑé¹â·
Êͺã¹Ê¹ÒÁËÅǧ
ÇѹàÊÒÃì ·Õè òù ¾ÄȨԡÒ¹ ¾.È. òõôö
*********
๑. | ๑.๑ | อนุพุทธองค์แรกสำเร็จเป็นพระภิกษุด้วยพระพุทธดำรัสว่าอย่างไร ? | |
| ๑.๒ | อนุพุทธองค์นั้นได้เป็นพระโสดาบันและได้เป็นพระอรหันต์ เพราะได้ฟังพระธรรมเทศนาอะไร ? | |
๑. | ๑.๑ | ด้วยพระพุทธดำรัสว่า “ ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด ” ฯ | |
| ๑.๒ | ได้เป็นพระโสดาบัน เพราะได้ฟังธัมมจักกัปปวัตตนสูตร และได้เป็น พระอรหันต์ เพราะได้ฟังอนัตตลักขณสูตร ฯ | |
๒. | ๒.๑ | อนุปุพพีกถา คืออะไร ? ทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระพุทธประสงค์อย่างไร ? | |
| ๒.๒ | พระสาวกผู้ได้ฟัง อนุปุพพีกถา ครั้งแรกคือใคร ? ณ ที่ไหน ? | |
๒. | ๒.๑ | คือ ถ้อยคำที่กล่าวโดยลำดับ ฯ ด้วยพระพุทธประสงค์เพื่อฟอกจิตกุลบุตรให้ห่างไกลจากความยินดีในกาม ควรรับพระธรรมเทศนาให้เกิดธรรมจักษุ เหมือนผ้าที่ปราศจากมลทิน ควรรับน้ำย้อมได้ ฉะนั้น ฯ | |
| ๒.๒ | คือ ยสกุลบุตร ฯ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ฯ | |
๓. | ๓.๑ | ชฎิล ๓ พี่น้อง ชื่ออะไรบ้าง ? ใครได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีบริวารมาก ? | |
| ๓.๒ | ท่านเหล่านั้นพร้อมบริวารได้บรรลุอรหัต เพราะฟังพระธรรมเทศนาอะไร ? ใจความย่อว่าอย่างไร ? | |
๓. | ๓.๑ | ชื่อ อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ และคยากัสสปะ ฯ อุรุเวลกัสสปะ ฯ | |
| ๓.๒ | เพราะฟังอาทิตตปริยายสูตร ฯ ใจความย่อว่า อายตนะภายใน อายตนะภายนอก วิญญาณ สัมผัส และเวทนาที่เกิดแต่สัมผัส เป็นของร้อน ร้อนเพราะไฟคือความกำหนัด ความโกรธ ความหลง และร้อนเพราะความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศกร่ำไรรำพัน เจ็บกาย เสียใจ คับใจ ฯ | |
๔. | จงตอบคำถามเกี่ยวกับพระอนุรุทธเถระ ดังต่อไปนี้ | ||
| ๔.๑ | ก) ท่านเป็นโอรสของใคร ? ข) เกี่ยวเนื่องกับพระบรมศาสดาอย่างไร ? | |
| ๔.๒ | ก) ท่านออกบวชพร้อมกับใครบ้าง ? ข) ได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาอย่างไร ? | |
๔. | ๔.๑ | ก) ของพระเจ้าศากยะพระนามว่า อมิโตทนะ พระมารดาไม่ปรากฏ พระนาม ฯ ข) เป็นพระโอรสของพระเจ้าอาของพระบรมศาสดา จึงนับเป็นพระอนุชา ของพระบรมศาสดา ฯ | |
| ๔.๒ | ก) พร้อมกับพระอุบาลี พระภัททิยะ พระภคุ พระกิมพิละ พระอานนท์ และพระเทวทัต ฯ ข) เป็นผู้เลิศในทางมีจักษุทิพย์ ฯ | |
๕. | ๕.๑ | พระสารีบุตรได้บรรลุอรหัตผลช้ากว่าบริวาร เพราะเหตุไร ? | |
| ๕.๒ | พระโมคคัลลานะ นิพพานที่ไหน ? อัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ที่ไหน ? | |
๕. | ๕.๑ | เพราะท่านเป็นผู้มีปัญญามาก ต้องใช้บริกรรมใหญ่ ซึ่งเปรียบด้วยการเสด็จไปข้างไหน ๆ แห่งพระราชา ต้องตระเตรียมราชพาหนะและราชบริพารที่จำเป็น จึงช้ากว่าการไปของคนสามัญ ฯ | |
| ๕.๒ | นิพพานที่ตำบลกาฬสิลา แขวงมคธ ฯ อัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ที่เจดีย์ ใกล้ซุ้มประตูแห่งเวฬุวนาราม ฯ | |
๖. | การศึกษาเป็นการพัฒนาชีวิตและสังคมให้ก้าวหน้าและก้าวไกล จึงอยากทราบว่า | ||
| ๖.๑ | พระเถระองค์ใด ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษา ? | |
| ๖.๒ | ท่านได้รับการยกย่องเช่นนั้น เพราะมีปฏิปทาอย่างไร ? | |
๖. | ๖.๑ | พระราหุลเถระ ฯ | |
| ๖.๒ | มีปฏิปทาอย่างนี้คือ ท่านตื่นขึ้นแต่เช้าแล้วกอบเอาทรายมาเต็มกำมือแล้วปรารถนาว่า ขอให้เราได้รับโอวาทคำสั่งสอนแต่สำนักพระทศพลและพระอุปัชฌาย์อาจารย์เท่าเม็ดทรายในกำมือเถิด แล้วตั้งใจศึกษา ตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจัง ด้วยปฏิปทาเช่นนี้แล จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษา ฯ | |
๗. | ๗.๑ | พระอานนท์ได้บรรลุโสดาปัตติผลเพราะได้ฟังโอวาทจากใคร ? และได้บรรลุอรหัตผลเมื่อไร ? | |
| ๗.๒ | ท่านบรรลุอรหัตผลและนิพพาน ต่างจากพระสาวกองค์อื่นอย่างไร ? | |
๗. | ๗.๑ | จากพระปุณณมันตานีบุตร ฯ บรรลุอรหัตผลก่อนวันรุ่งขึ้นจะทำปฐมสังคายนา ฯ | |
| ๗.๒ | การบรรลุอรหัตผลของท่านไม่ปรากฏว่าได้ในขณะยืน หรือเดิน หรือนั่ง หรือนอน ปรากฏว่าท่านได้ในระหว่างอิริยาบถ ๔ ท่านนิพพานบนอากาศ กลางแม่น้ำโรหิณีแล้วอธิษฐานให้สรีระของท่านแยกเป็น ๒ ภาค ให้ตกลงที่ฝั่งแม่น้ำฝั่งละภาค ฯ | |
ศาสนพิธี | |||
๘. | ๘.๑ | ศาสนพิธีเล่ม ๒ แสดงอุโบสถกรรมไว้กี่ประเภท ? อะไรบ้าง ? | |
| ๘.๒ | แต่ละประเภทต่างกันอย่างไร ? | |
๘. | ๘.๑ | แสดงไว้ ๓ ประเภทคือ สังฆอุโบสถ ๑ ปาริสุทธิอุโบสถ ๑ อธิษฐานอุโบสถ ๑ ฯ | |
| ๘.๒ | มีความแตกต่างกันดังนี้ ๑) สังฆอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ประชุมสวดพระปาฏิโมกข์ ๒) ปาริสุทธิอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุน้อยกว่า ๔ รูป มีเพียง ๓ รูป หรือ ๒ รูป ร่วมกันทำเป็นการคณะ ให้แต่ละรูป บอกความบริสุทธิ์ของตน ๆ ๓) อธิษฐานอุโบสถ คือ อุโบสถกรรมที่พระภิกษุรูปเดียวทำเป็นการ บุคคล ด้วยการอธิษฐานความบริสุทธิ์ใจของตนเอง ฯ | |
๙. | จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้ | ||
| ๙.๑ | การเข้าพรรษา | |
| ๙.๒ | การออกพรรษา | |
๙. | ๙.๑ | การเข้าพรรษา หมายถึง การที่ภิกษุผูกใจว่า จะอยู่ประจำเสนาสนะในวัดใดวัดหนึ่งตลอดเวลา ๓ เดือนในฤดูฝน ไม่ไปค้างแรมให้ล่วงราตรีในที่แห่งอื่น ระหว่างผูกใจนั้น เว้นแต่ไปด้วยสัตตาหกรณียะ ฯ | |
| ๙.๒ | การออกพรรษา หมายถึง กาลที่สิ้นสุดกำหนดอยู่จำพรรษาของภิกษุตามพระวินัยบัญญัติ มีพิธีเป็นสังฆกรรมพิเศษโดยเฉพาะ เรียกโดยภาษาพระวินัยว่า ปวารณากรรม คือการทำปวารณาของสงฆ์ผู้อยู่ร่วมกันตลอดเวลา ๓ เดือน ฯ | |
๑๐. | ๑๐.๑ | สามีจิกรรม หมายถึงอะไร ? มีเท่าไร ? อะไรบ้าง ? | |
| ๑๐.๒ | การเทศน์ในปัจจุบันนิยมทำกันกี่ลักษณะ ? อะไรบ้าง ? | |
๑๐. | ๑๐.๑ | หมายถึง การขอขมาโทษกันให้อภัยกัน ทุกโอกาสไม่ว่าจะมีโทษขัดข้องหมองใจกันหรือไม่ก็ตาม ถึงโอกาสที่ควรทำสามีจิกรรมกันแล้ว ทุกรูป ไม่พึงละโอกาสเสีย ฯ มี ๒ แบบ คือ ๑) แบบขอขมาโทษ ๒) แบบถวายสักการะ ฯ | |
| ๑๐.๒ | นิยมทำกัน ๔ ลักษณะ คือ ๑) เทศน์ในงานทำบุญ ๒) เทศน์ตามกาลนิยม ๓) เทศน์พิเศษ ๔) เทศน์มหาชาติ ฯ | |
ผู้ออกข้อสอบ | : | พระเทพกวี | วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม |
| | พระเทพมุนี | วัดปากน้ำ |
| | พระเทพปริยัติมุนี | วัดพระปฐมเจดีย์ |
| | พระเทพสุธี | วัดสามพระยา |
ตรวจ/ปรับปรุง | : | สนามหลวงแผนกธรรม | |