วินัยนักธรรมเอก46
»ÑËÒáÅÐà©ÅÂÇÔªÒÇԹѺÑÑµÔ ¹Ñ¡¸ÃÃÁªÑé¹àÍ¡
Êͺã¹Ê¹ÒÁËÅǧ
ÇѹÍÒ·ÔµÂì ·Õè óð ¾ÄȨԡÒ¹ ¾.È. òõôö
*********
๑. | ๑.๑ | สังฆกรรมมีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ? |
| ๑.๒ | ในสีมาเดียวกัน ภิกษุจะประชุมกันทำสังฆกรรมวันหนึ่ง ๒ ครั้งไม่ได้ ข้อนี้มีความจริงเป็นอย่างไร ? จงอธิบาย |
๑. | ๑.๑ | มี ๔ อย่าง คือ ๑) อปโลกนกรรม ๒) ญัตติกรรม ๓) ญัตติทุติยกรรม ๔) ญัตติจตุตถกรรม ฯ |
| ๑.๒ | มีความจริงเป็นอย่างนี้ คือ สังฆกรรมบางอย่าง เช่น อุโบสถ ปวารณา ภิกษุอยู่ในสีมาเดียวกัน จะต้องพร้อมเพรียงกันทำ จะแยกกันทำ ๒ พวก ๒ ครั้งไม่ได้ แต่สังฆกรรมบางอย่าง เช่น อุปสมบทกรรม อัพภานกรรม จะทำวันเดียวหลายครั้งก็ได้ ฯ |
๒. | ๒.๑ | สีมามีกี่ประเภท ? อะไรบ้าง ? |
| ๒.๒ | แดนที่มีสังวาสเสมอกันเรียกว่าอะไร ? มีประโยชน์อย่างไร ? |
๒. | ๒.๑ | มี ๒ ประเภท คือ ๑) พัทธสีมา ๒) อพัทธสีมา ฯ |
| ๒.๒ | เรียกว่า สมานสังวาสสีมา ฯ |
| | มีประโยชน์อย่างนี้ คือ ภิกษุผู้อยู่ในเขตนี้ มีสิทธิในอันจะเข้าอุโบสถ ปวารณา และสังฆกรรมร่วมกัน เป็นแดนที่กำหนดความพร้อมเพรียง ภิกษุผู้อยู่ในสีมานี้ทั้งหมดเข้าประชุมกันเป็นสงฆ์ หรือนำฉันทะของภิกษุ ผู้ไม่มาเข้าประชุม เรียกว่าสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ฯ |
๓. | ๓.๑ | การทักนิมิตในทิศทั้ง ๘ นั้น ทักทิศละหนถูกต้องหรือไม่ ? เพราะเหตุไร ? |
| ๓.๒ | จงเขียนคำทักนิมิตในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มาดู ? |
๓. | ๓.๑ | ไม่ถูกต้อง ฯ ที่ถูกต้องนั้นเมื่อเริ่มต้นทักนิมิตในทิศบูรพาแล้ว ทักมา โดยลำดับจนถึงนิมิตสุด ต้องวนไปทักนิมิตในทิศบูรพาซ้ำอีก ฯ |
| ๓.๒ | คำทักนิมิตในทิศตะวันออกเฉียงเหนือว่าดังนี้ “ อุตฺตราย อนุทิสาย กึ นิมิตฺตํ ” ฯ |
๔. | ๔.๑ | คำว่า “ กฐิน ” เป็นชื่อของอะไร ? มีชื่อเรียกอย่างนั้นเพราะเหตุไร ? |
| ๔.๒ | การกรานกฐินนั้น มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ? |
๔. | ๔.๑ | เป็นชื่อของสังฆกรรมอย่างหนึ่ง ฯ เพราะมีชื่อออกจากไม้สะดึงที่ลาดหรือกางออก เพื่อขึงจีวรเย็บ ฯ |
| ๔.๒ | มีวิธีปฏิบัติอย่างนี้ คือ เมื่อมีผ้าเกิดขึ้นแก่สงฆ์ในกาลเช่นนั้นพอจะทำเป็นไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่งได้ สงฆ์พร้อมใจกันยกให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง เพื่อประโยชน์นี้ ภิกษุผู้ได้รับผ้านั้นเอาไปทำจีวรให้เสร็จในวันนั้น แล้วมาบอกภิกษุผู้ยกผ้านั้นให้เพื่ออนุโมทนา ภิกษุเหล่านั้นอนุโมทนา ฯ |
๕. | ๕.๑ | ศัพท์ว่า “ บรรพชา ” มีอธิบายว่าอย่างไร ? |
| ๕.๒ | นอกจากคนมีอายุไม่ครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ และอภัพพบุคคลแล้ว ยังมีบุคคลจำพวกไหนอีกบ้างที่ห้ามไม่ให้อุปสมบท ? |
๕. | ๕.๑ | มีอธิบายว่า ศัพท์นี้ หมายเอาการบวชทั่วไป รวมทั้งอุปสมบทด้วยก็มี หมายเอาเฉพาะการบวชเป็นบุรพประโยคแห่งอุปสมบทก็มี หมายถึง การบวชลำพังเป็นสามเณรก็มี ฯ |
| ๕.๒ | มีบุคคลที่ถูกห้ามไม่ให้อุปสมบทอีก ๓ จำพวก คือ ๑) คนไม่มีอุปัชฌาย์ หรือมีคนอื่นนอกจากภิกษุเป็นอุปัชฌาย์ หรือ ถือสงฆ์ ถือคณะเป็นอุปัชฌาย์ ๒) คนไม่มีบาตร ไม่มีจีวร หรือไม่มีทั้งบาตรทั้งจีวร ๓) คนยืมบาตร ยืมจีวรเขามาหรือยืมทั้งบาตรทั้งจีวรเขามา ฯ |
๖. | ๖.๑ | ไตรจีวร กำหนดให้เรียกผ้านุ่งว่า อันตรวาสก เรียกผ้าห่มว่า อุตตราสงค์ เรียกผ้าทาบว่า สังฆาฏิ ในเวลาไหนบ้าง ? |
| ๖.๒ | ผ้า ๓ ผืนนั้น กำหนดให้เรียกว่า จีวร ในเวลาไหนบ้าง ? |
๖. | ๖.๑ | ในเวลาดังต่อไปนี้ คือ ในเวลาบอกบาตรจีวรแก่อุปสัมปทาเปกขะ ในเวลาอธิษฐานเป็นผ้าครอง ในเวลาปัจจุทธรณ์ และในเวลากรานกฐิน ฯ |
| ๖.๒ | ในเวลาผ้า ๓ ผืนนั้น เป็นนิสสัคคีย์เพราะอยู่ปราศ คำเสียสละเรียกว่าจีวรทุกผืน และในเวลาผ้าเหล่านั้นเป็นอติเรกจีวร คำวิกัป คำถอนวิกัป รวมเรียกว่าจีวรทั้งสิ้น ฯ |
๗. | ๗.๑ | สัมมุขาวินัยสำหรับระงับวิวาทาธิกรณ์นั้น มีวิธีอย่างไร ? |
| ๗.๒ | อธิกรณ์ที่ภิกษุจะพึงยกขึ้นว่านั้น ต้องเป็นเรื่องที่มีมูล ก็เรื่องที่มูลนั้นมีลักษณะเช่นไร ? |
๗. | ๗.๑ | มีวิธีอย่างนี้ คือ ๑) ด้วยการตกลงกันเอง ๒) ด้วยการตั้งผู้วินิจฉัย ๓) ด้วยอำนาจแห่งสงฆ์ |
| ๗.๒ | มีลักษณะ ๓ ประการ คือ ๑) เรื่องที่ได้เห็นเอง ๒) เรื่องที่ได้ยินเอง หรือมีผู้บอกและเชื่อว่าเป็นจริง ๓) เรื่องที่เว้นจาก ๒ สถานนั้น แต่รังเกียจโดยอาการ ฯ |
พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕, (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ | ||
๘. | ๘.๑ | องค์กรการปกครองคณะสงฆ์สูงสุด คืออะไร ? |
| ๘.๒ | ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ กำหนดองค์ประกอบขององค์กรนั้นไว้อย่างไร ? |
๘. | ๘.๑ | คือ มหาเถรสมาคม ฯ |
| ๘.๒ | กำหนดไว้ดังนี้ สมเด็จพระสังฆราช ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโดยตำแหน่ง สมเด็จพระราชาคณะทุกรูป เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และ พระราชาคณะซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง มีจำนวนไม่เกิน ๑๒ รูปเป็นกรรมการ ฯ |
๙. | ๙.๑ | ภิกษุรูปหนึ่งต้องคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย ภิกษุนั้นจะต้องปฏิบัติอย่างไร ? ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์มาตราไหน ? |
| ๙.๒ | ถ้าภิกษุนั้นฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาจะถูกลงโทษอย่างไร ? |
๙. | ๙.๑ | ภิกษุนั้นต้องสึกภายในสามวัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด ฯ ตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฯ |
| ๙.๒ | ถ้าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ตามมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฯ |
๑๐. | ๑๐.๑ | ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ และที่ศาสนสมบัติกลาง ได้แก่สถานที่เช่นไร ? |
| ๑๐.๒ | เจ้าพนักงาน ตามความในประมวลกฎหมายอาญา ในพระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ได้แก่ใคร ? |
๑๐. | ๑๐.๑ | ที่วัด ได้แก่ที่ซึ่งตั้งวัดตลอดจนเขตของวัดนั้น ที่ธรณีสงฆ์ ได้แก่ที่ซึ่งเป็นสมบัติของวัด ที่ศาสนสมบัติกลาง ได้แก่ที่ซึ่งเป็นทรัพย์สินของพระศาสนาซึ่งมิใช่ ของวัดใดวัดหนึ่ง ฯ |
| ๑๐.๒ | ได้แก่พระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์และไวยาวัจกร ฯ |
ผู้ออกข้อสอบ | : | ๑. พระเทพรัชมงคลเมธี | วัดนรนาถสุนทริการาม |
| | ๒. พระเทพเวที | วัดกัลยาณมิตร |
| | ๓. พระศรีรัตนโมลี | วัดพระปฐมเจดีย์ |
ตรวจ/ปรับปรุง | : | สนามหลวงแผนกธรรม | |