ความรัก ๑๐ มิติ 10-04

ความมหัศจรรย์ของอมตชน

และภูมิอมตชนขึ้นไปเท่านั้น
ที่จะอยู่ใน "กามโลก-กามภพ" ก็ได้
จะอยู่ใน "ภวโลก-ภวภพ" ก็ได้
จะอยู่ใน "วิภวโลก-วิภวภพ" ก็ได้
เพราะท่านรู้แจ้งสภาพของ "โลกหรือภพ ทั้ง นั้น" ครบสมบูรณ์แล้ว และท่านก็สามารถอยู่อย่าง "ไม่มีตัวตนที่จะติดยึดอยู่กับโลกทั้ง นั้นได้เด็ดขาดแล้วจริง" ถ้าท่านจะอนุโลมลงไปช่วยคนในโลกหรือในภพต่างๆ ดังกล่าวนั้น ท่านก็สามารถทำได้ จะเก่งกาจ สามารถช่วยรื้อขนสัตวโลก ผู้ยังไม่พ้นทุกข์ ได้เท่าใด แค่ไหน ก็ "เท่าฐานะแห่งภูมิหรือแห่งบารมี" ของแต่ละท่าน เนื่องจากท่านมีภูมิ "เหนือโลกเหนือภพ" (โลกุตรภูมิ) นั้นๆ แล้วจริง
เหนือโลกเหนือภพ หมายความว่า ท่านอยู่ในโลก หรือในภพนั้น ท่านอยู่อย่างไม่เป็นทาสใดๆ ในภพนั้น อยู่อย่าง "นาย" อยู่อย่างไม่เสพ อยู่อย่างไม่ติดหรือไม่ "ยึดมั่นถือมั่น" (อภินิเวส= หลงยึดเป็น "ที่อยู่ถาวร" ) อยู่อย่างไม่อยากมาให้ตน ไม่อยากได้ อะไรๆ ของโลกนั้นมาให้ตน
ผู้อยู่เหนือโลกเหนือภพจริง จึงมีแต่ "ความต้องการให้" ไม่มี "ความต้องการเอา" (มาเป็นตัวตน มาเป็นของตน) "เท่าฐานะแห่งภูมิหรือแห่งบารมี" ของแต่ละท่าน หมายความว่า พระโพธิสัตว์แต่ละท่านจะมี "อภิญญา" หรือมี "ปฏิสัมภิทาญาณ" ต่างๆ มากหรือน้อยตามฐานะ แห่งบารมีของแต่ละท่าน เท่าที่ได้ฝึกฝน อบรมบำเพ็ญมาได้ แต่ละท่าน จึงถนัดก็ไม่เหมือนกัน สามารถมากน้อย ก็ไม่เท่ากัน
ดังนั้น แต่ละท่านเมื่อบำเพ็ญ "โพธิสัตว์" แม้ท่านจะไม่อยากได้ ไม่ต้องการ แต่ท่านก็รู้แจ้ง ในสัจธรรมดีที่สุดแล้วว่า "กรรม" ใดที่ทำ มันย่อมเกิดย่อมเป็นของตนอยู่เอง เมื่อท่าน "กระทำ" (กรรม) มันก็เกิดความรู้ความชำนาญ เชี่ยวชาญในภูมิโพธิสัตว์ หรือเพิ่มสัมมาสัมโพธิญาณ สูงขึ้นไปตามจริง หรือตามที่มี "กรรม" หรือมี "การกระทำ" จริงนั้นๆ ไม่พ้นไปได้ ท่านจึงเพียงแต่พากเพียร เรียนรู้ อุตสาหะ อดทน ต่อสู้กับ "เหล่ากิเลสที่ครอบงำผู้คนทั้งหลาย" ว่า จะช่วยมนุษย์ในโลกได้อย่างไรจึงจะดีที่สุด? และทำอะไรเพียงเพื่อให้เกิดคุณค่าสูงที่สุดเท่าที่จะพยายามให้ได้เท่านั้น
ความอุตสาหะของท่านคำนึงเพียง "ประโยชน์ของประโยชน์" ที่สำคัญและจำเป็นนั้นๆให้เกิดขึ้นในโลก ด้วย "ความรู้" โดยไม่ต้องมี "ความรัก" เป็นความบริสุทธิ์ใจแห่ง "ธรรมาธิปไตย" เต็มรูป แต่ด้วยความจริงแห่งพฤติกรรม และดวงจิตที่เต็มไปด้วยความเสียสละ เพื่อช่วยมวลมนุษยชาติ อย่างอุตสาหะ เหน็ดเหนื่อย นั้น ท่านคือ "ผู้รักมวลมนุษยชาติทั้งมวล" โดยแท้
เพราะฉะนั้น ท่านจึงบำเพ็ญ "กุศลกรรม" ยังกุศลกรรมให้ถึงพร้อมท่าเดียว เนื่องจาก "ท่านไม่ทำบาปทั้งปวงแล้ว" จริง และ "จิตท่านก็ผ่องใสบริสุทธิ์แล้ว" โดยไม่ต้องอยากได้นั่นได้นี่
นั่นคือ ไม่ต้องมี "ความรักมาเพื่อตัวเอง" ใดๆ อย่างมีภูมิถึงที่สุดแห่ง "ความรัก" สมบูรณ์สุดแล้ว
ผู้ที่ปรารถนา...ความเป็น "อมตชน" จึงต้องพัฒนา "ความรัก" ของตนให้พ้นมิติต่ำๆ ไปสู่มิติที่สูงขึ้นจนถึง..มิติที่ ๑๐ คือ "พุทธภูมินิยม" หรือ "โพธิสัตวภูมินิยม"
หากผู้ใดสามารถเข้าใจ "ความรัก ๑๐ มิติ" ตามที่สาธยายมานี้ดีเพียงพอ ก็จะสามารถนำไปปฏิบัติดำเนินชีวิตให้เจริญและเป็นสุขแท้ได้จริง

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘