ความรัก ๑๐ มิติ 05

ความรัก มิติที่ ๕ ชาตินิยม


มิติที่ คือ ความรักที่เป็นอุดมการณ์เพื่อชาติเพื่อประเทศ หากผู้ใดมีความรู้สึกนึกคิด หรือมีอุดมการณ์ ต้องการช่วยเหลือ เกื้อกูล กว้างออกไปกว่าความรักแค่ "มิติที่ " เป็น ความรักความปรารถนา ถึงขั้นหมายใจ จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้คนทั่วไป ในประเทศชาติจริง ไม่แคบอยู่แค่รักเพื่อน เผื่อแผ่เพื่อคนใกล้ตัวเราเท่านั้น หรือไม่เล็กอยู่แค่ หมู่กลุ่มชุมชน ตำบล อำเภอ จังหวัด ซึ่งเป็นสัดส่วนในประเทศเท่านั้น แต่เป็นความเกื้อกว้าง ที่มีน้ำใจ คิดเห็นแก่คนทั้งชาติ ทั้งประเทศจริงๆ และไม่ใช่เพียงความรู้ว่า มันเป็นอุดมการณ์ ที่ดีอยู่แค่นั้น หรือไม่ใช่เพียงเป็น คารมโก้ๆ ลีลาเก๋ๆ ของคนหาเสียงให้แก่ตน เท่านั้นด้วย แต่ต้องเป็น "ความจริงของจิต ที่เกิดความรู้สึกรัก และปรารถนา ตามอุดมการณ์นี้แท้ๆ" ยิ่งมีน้ำหนัก หรือมีความเข้มข้น ของน้ำใจ และความเป็นไปได้จริง มากยิ่งเท่าใดๆ ก็ยิ่งประเสริฐสูงส่ง ยิ่งๆ เท่านั้นๆ
ความรัก ระดับมิติที่ นี้ เรียกว่า "ชาตินิยม" หรือ "รัฐนิยม"
และจะจริงยิ่ง หากคนผู้นี้มีพฤติกรรมพากเพียร พยายามกระทำเพื่อให้เกิดผล ตามอุดมการณ์ ที่สุดจะจริง สมบูรณ์ทีเดียว ถ้าแม้นผู้มี "ความรัก" นั้นบริสุทธิ์จากความแฝง เพื่อผลประโยชน์ ให้เกิด ลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สุข แก่ตน
ซึ่งเป็นความเจริญของความรักความปรารถนาดี อย่างเห็นได้ชัดขึ้นไปอีกว่า เป็นคุณค่า ของความเป็นมนุษย์แน่แท้ หากใครสามารถเผื่อแผ่ เกื้อกว้างออกไป ได้มากเท่าใดๆ ก็ยิ่งเป็นคุณงามความดี มากเท่านั้นๆ
ด้วยสามัญสำนึก ความเข้าใจแค่นี้ ใครๆ ก็คงจะรู้กันได้อยู่แล้ว เพราะไม่ใช่ความลึกล้ำอะไรนักหนา แต่มันก็เป็น "ความจริง" ของคน ที่ "จิตจริง" อันจะพึง "เป็น" จริง กล่าวคือ สมรรถนะของใครจะมี "ประสิทธิภาพแห่งความรัก" กว้างเกื้อได้ มากน้อยแค่ใด ก็ย่อม "เป็น" ได้ตามสมรรถนะของผู้นั้นๆ ถ้าจะเอาแค่ "ความคิดฝัน" ทุกคนที่มีปัญญาเข้าใจได้ ก็คิดได้ พูดได้ แต่ "ความจริงของความเป็นไปได้" ตามที่ตนคิดได้ ตนพูดได้นั้น มันเป็นจริงไปได้ ตามความคิด ตามคำพูดนั้นไหม?
"ความรัก" ในที่นี้ต้องเป็น "ความจริง" โดยเฉพาะเป็น "ความจริง" ที่เกิดในจิตของคนผู้นั้นจริง ที่ต้องเป็น "ความรู้สึกในจิตของตนเอง เกิดอารมณ์นั้นๆแท้ๆ" ไม่ใช่แค่ "คิด" หรือแค่ "รู้"
ที่เรากำลังเรียกว่า "ความรัก" นี้ มันต้องมีภาวะเป็น "อารมณ์ความรู้สึกเกิดขึ้นจริงในจิตของผู้นั้น" และ มีสมรรถนะถึงขั้น "เป็นไปได้" (possible) หรือ "สามารถทำได้" (practicable) จริง มิใช่แค่ "รู้" แค่ "พูด" แต่ปากอยู่เท่านั้นด้วย
เช่น "ความรัก" ของนาย . มี "ความจริงของความเป็นไปได้" แค่..มิติที่ "ชุมชนนิยม" หรือ "สังคมนิยม" เท่านั้น หรือบางทีอาจจะแย่กว่านั้นคือ มี "ความจริงของความเป็นไปได้" แค่..มิติที่ แค่นั้น ดีไม่ดีอาจจะแค่.. มิติที่ ด้วยซ้ำ ก็เป็นได้ แต่นาย . นึกว่าตนมีสมรรถนะ ถึงขั้นมิติที่ คุยฟุ้งตามที่ตนหลงว่าตนเป็น หาเสียงให้แก่ตนเองไปทั่ว ว่าตนมีความรักระดับ "ชาตินิยม" หรือ "รัฐนิยม" ซึ่งเป็นสมรรถนะที่กว้าง เผื่อแผ่ออกไปถึงขั้น "ความรักชาติรักประเทศ" ทีเดียว แต่ความเป็นจริงนั้นนาย . ทำได้ หรือเป็นได้แค่ "ความรัก" มิติที่ หรือ แค่ แค่ เท่านั้น ถ้าอย่างนี้ "ความรัก" ของนาย . ก็ยังไม่ใช่ระดับ "มิติ ที่ " จริง "ความรัก" ของคนผู้นี้ ยังไม่ถึงขั้นมีความจริงเข้าข่าย ที่ชื่อว่า ผู้มีความรัก ระดับมิติที่ "ชาตินิยม" หรือ "รัฐนิยม" เพราะ "ความเป็นจริง" หรือ "ภาวสัจจะ" ยังไม่ถึงขีดถึงขั้น
ใครจะสามารถรู้ความจริง หรือรู้สัจจะของ "ความรัก" ได้ ถูกต้องถ่องแท้ ก็ยากอยู่ จะต้องศึกษาฝึกฝน จนรู้แจ้ง หยั่งถึงสัจธรรม ของความเป็น "คุณค่าประโยชน์" (อัตถะ) ทั้งในสภาพที่เป็น "ประโยชน์ตน" (อัตตัตถะ) "ประโยชน์ผู้อื่น" (ปรัตถะ) "ประโยชน์ ๒ ฝ่าย" (อุภยัตถะ) หรือ "ประโยชน์สามัญ ที่ต่างก็รู้ๆ กันได้ ในระดับ ของโลกียะทั่วไป ที่เรียกว่าโลกนี้" (ทิฏฐธัมมิกัตถะ) และ "ประโยชน์ขั้นสูงขึ้น สู่โลกหน้า หรือโลกอื่น ซึ่งเป็นโลกที่ก้าวหน้าขึ้นไป ถึงระดับโลกุตระ" (สัมปรายิกัตถะ) ที่สำคัญก็คือ ประโยชน์ที่เป็นความเจริญถึงจิต ถึงเจตสิก อันเป็นขั้น "บรมประโยชน์ หรือประโยชน์ขั้นสูง ถึงความเป็นอาริยสัจธรรม" (ปรมัตถะ) โน่นแหละ จึงจะพอรู้ "ความจริงตามความเป็นความมีจริง" ดังที่ได้สาธยายมา

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘