ความรัก ๑๐ มิติ 02

ความรัก มิติที่ ๒ พันธุนิยม


มิติที่ คือ ความรักระหว่างสายโลหิต หรือพ่อ-แม่-ลูก ก็ขยายขอบเขตของความรักกว้างขึ้นมาอีกนิด แต่ก็ยังแคบมาก มีขอบเขตอยู่แค่ แวดวงสายเลือดชั้นแรก ชั้นเดียวเท่านั้น ความรัก ที่ยังไม่แผ่กว้างออกไปมากกว่านี้ จึงเป็นความรัก ที่ยังอยู่ในแวดวง ที่วนแคบ ไม่เป็นประโยชน์กว้าง เกื้อออกไปสักเท่าใด นัยเดียวกัน ถ้ารักอย่างหลงเฉพาะ แวดวง พ่อแม่ลูกนี้ ยิ่งหนักยิ่งมากเท่าใด ก็จะหวงแหน ตระหนี่ถี่เหนียว เพื่อแวดวงแคบๆ แค่นี้ไป ตลอดชีวิต จะเผื่อแผ่ออกไป แก่ผู้อื่น หรือ วงนอกได้ยาก อะไรๆ ก็จะลำเอียง เพื่อแวดวงเท่านี้ ก่อนอื่นเสมอ จะสะสมทุกสิ่งทุกอย่าง ไว้ให้แก่คนในวงวนของ "พ่อ-แม่-ลูก" เท่านี้แหละ เป็นอุดมการณ์อันเอก
"ความรัก" คือ ความเผื่อแผ่ แต่สำหรับความเผื่อแผ่ของคนที่มีความรักมิติที่ ๒ นี้ ไม่ว่าจะเผื่อแผ่แก่ผู้อื่น แก่ใครๆ แม้แต่ญาติ ที่นอกไปจากวงวนของ "พ่อ-แม่-ลูก" แล้ว จะยังฝืนใจอยู่ไม่มากก็น้อย จิตใจจะยังไม่ว่าง สะอาด ปราศจากธุลี แห่งความตระหนี่ ไปได้ง่ายๆ ถ้าจะให้จะสละแก่ผู้นอกวงวนของ "พ่อ-แม่-ลูก" ก็เพราะจำนน ไม่เช่นนั้น ก็เพื่อที่จะได้ ผลข้างเคียง ตอบแทนอยู่ ไม่มากก็น้อยเสมอ ถึงแม้จะมีบางครั้งบางเรื่อง ที่ได้เผื่อแผ่ หรือเสียสละ อย่างสะอาด ปราศจากธุลีแห่งความตระหนี่ แก่ผู้เป็นคนนอกวงวนของ "พ่อ-แม่-ลูก" อยู่บ้าง ก็อาจจะมีได้บ้างเป็นแน่ แต่ก็สะอาด หมดจดยาก หรือทำได้น้อยครั้ง น้อยเรื่องเต็มที ฉะนี้แลคือ คนที่มี "ความรัก" อยู่ใน มิติที่ ๒
ดังนั้น "ความจริง" ในคนที่มีความรัก มิติที่ ๒ นี้ จะพึง "ไม่เห็นแก่ตัว" ซึ่งเป็น "ความรัก "ที่แท้ ก็จะไม่เห็นแก่ตัวหรือเสียสละ ให้ได้อย่างไร้ธุลี แห่งความตระหนี่ ก็เฉพาะในวงวน ระหว่าง "พ่อ-แม่-ลูก" กันอยู่แคบๆ เท่านี้ ไม่ว่าจะเสียสละวัตถุธรรม หรือนามธรรม ก็จะมีความเผื่อแผ่ หรือเสียสละ แก่กันและกันได้ สะอาดหมดจดจริง เฉพาะในวงวนระหว่าง "พ่อ-แม่-ลูก" กันอยู่ แคบๆ เท่านี้ เท่านั้น กระนั้นก็ดี แม้ระหว่าง "พ่อ-แม่-ลูก" นี้ ก็เถอะ ก็ยังมีความตระหนี่ มีความหวงแหน แทรกปนอยู่บ้าง ในบางอารมณ์ บางเรื่องบางราว บางครั้งบางคราว
แต่ถึงอย่างไร การเผื่อแผ่ การเสียสละของคนก็ย่อมมีแก่ผู้อื่น อันนอกเหนือจากวงวนของ "พ่อ-แม่-ลูก" นี้อยู่บ้าง ทว่า "การให้หรือการเสียสละ" ส่วนมากของคนที่อยู่ในฐานะ ผู้ที่ชื่อว่ามี "ความรัก มิติที่ ๒" นี้ ก็จะยังไม่บริสุทธิ์ สะอาด เหมือนการเสียสละ แก่กันและกันของ "พ่อ-แม่-ลูก" ได้ง่ายนักหรอก หรือ จะบริสุทธิ์บางครั้งบางคราว ก็ในกรณี ที่พิเศษจริงๆ น้อยครั้งน้อยราย ซึ่งไม่มากพอ ที่จะทำให้ผู้อยู่ในฐานะคนที่ชื่อว่ามี "ความรัก" แค่ "มิติที่ ๒" นี้ เลื่อนฐานะขึ้นไปสู่ ฐานะที่มีคุณค่า สูงขึ้นอีกขั้น
คงจะไม่สับสนนะว่า "การเห็นแก่ตัว" นั้นไม่ใช่ "ความรัก" "การเผื่อแผ่-การเสียสละ-การมีคุณค่าเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น" ต่างหาก คือ "ความรัก" เพราะฉะนั้น "การเผื่อแผ่-การเสียสละ-การมีคุณค่าเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น" ที่มีลักษณะแคบๆ วนอยู่แค่ "พ่อ-แม่-ลูก" เท่านี้ จึงเป็น "ความรัก" มิติที่ ๒ ซึ่งมีลักษณะ กว้างเกื้อขึ้นมาจาก "ความรัก" แค่วงวนของ "คนคู่" หรือ "คน ๒ คน" เพิ่มมามีแก่ลูก ก็เกื้อกว้างขึ้นอีกนิด สูงกว่า "ความรักมิติที่ ๑"
ถึงอย่างนั้น มิติที่ ๒ นี้ก็ยังเป็นความรักขั้นที่ยังไม่สูงเลย เพราะเป็นความรักที่ยื่นยาวออกไปแค่ "พ่อ-แม่-ลูก" ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้อื่น น้อยนิดอยู่นั่นเอง เป็นความรัก ที่จำกัดวงรักแคบอยู่แค่ สายเลือดชั้นเดียว หรือ เห็นแก่ผู้อื่น อยู่ในวงแคบแค่ "พ่อ-แม่-ลูก" เพียงเท่านี้ ความรักมิติที่ ๒ นี้ แม้จะเริ่มดีขึ้น แต่จัดเป็นความรัก ที่แผ่ออกไปเห็นแก่ผู้อื่น ยังไม่ถึงไหนเลย
แม้จะเผื่อแผ่แก่กันและกันในวงวนแห่งความเห็นแก่ คนนั้นคนนี้ ระหว่าง "พ่อ-แม่-ลูก" นี้ก็เถอะ ก็ยังมีความซับซ้อน ของความลำเอียงกันไปมา อีกนักกว่านัก เพราะกิเลสในแต่ละคน
ความรัก มิติที่ นี้ จึงได้ชื่อว่า "พันธุนิยม" หรือ "ปิตุปุตตานิยม"

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘