อาคิระ คุโรซาวา จักรพรรดิแห่งภาพยนตร์ญี่ปุ่น

อาคิระ  คุโรซาวา  จักรพรรดิแห่งภาพยนตร์ญี่ปุ่น   
    ภาพยนตร์หลายๆ เรื่องที่สร้างความประทับใจให้กับเพื่อนๆ จะมีใครบ้างหรือเปล่าคะ ที่รู้จักนักสร้างภาพยนต์แห่งแดนอาทิตย์อุทัยที่ได้รับการขนานนามให้เป็นจักรรพรรดิแห่งภาพยนต์ญี่ปุ่น “อาคิระ  คูโรซาวา”
    อาคิระ  คูโรซาวา เกิดในปี ค.ศ. 1910 เป็นปีที่ดาวหางฮัลเลย์ปรากฎและตรงกับปีที่       รัชกาลที่ 5 และพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7  แห่งอังกฤษเสด็จสวรรคต และก็เป็นปีเดียวกันกับ             นักประพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ของโลกเสียชีวิตเช่นกัน คือ ลีโอ ตอลสตอยและมาร์ค ทเวน  เข้าเป็นคน      โตเกียวโดยกำเนิด  มีพี่สาว 3 คน พี่ชาย 3 คน ส่วนตัวเขาเองเป็นคนสุดท้าย
    สมัยที่เขายังเด็กนั้นจัดว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างขี้แย อ่อนแอและค่อนข้างจะล้าหลังกว่าเพื่อนๆ ของเขา  ซึ่งทำให้เขามักโดนแกล้งจากเพื่อนๆ เสมอ  แต่เขาก็ไม่เคยโกรธพวกเขาเหล่านั้นเลย  เป็นเพราะนิสัยแห่งความนุ่นนวลสะกดเขาไว้   แม่ของเขาเป็นที่อ่อนหวาน แต่พ่อของเขาค่อนข้างจะเข้มงวด เพราะเคยรับราชการทหารมาก่อน  ซึ่งพ่อของเขาก็ต้องการให้เขาดำเนินตามรอย  ซึ่งสิ่งที่พ่อต้องการนั้นตรงกันข้ามกับความรู้สึกของเขาอย่างสิ้นเชิง  ในตอนนั้นเขาฝันอยากเป็นกัปตันเรือพาณิชย์มากกว่าเป็นไหนๆ   แต่สิ่งที่เขาฝันเอาไว้หาใช่ความฝันที่แท้จริงของเขาไม่  หลังจากที่ตัวของเขาได้เรียนวิชาศิลปะจาก อาจารย์ทาชิคาวา  ก็ทำให้เขาเริ่มค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเขาทีละน้อย  หลังจากเขาเรียนจบชั้นมัธยม เขาก็ตัดสินใจที่จะเรียนศิลปะ  ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาเลือกนั้นจะขัดใจพ่อและแม่ของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถจะขัดอุดมการณ์และความรักในงานของเขาได้
    เขาเริ่มจากงานเขียนรูป ผลงานของเขาได้รับเลือกให้จัดแสดงบ่อยครั้ง  แต่ด้วยเศรษฐกิจบีบคั้น  หลังจากที่เขาปีกกล้าขาแข็งตั้งแต่ขัดความต้องการของพ่อแม่  เขาจึงไม่กล้าขอเงินจากท่านอีก  เขาตัดสินใจว่าในเมื่อเขาเลือกเส้นทางนี้แล้วเข้าต้องนำพาตัวเขาไปสู่ฝั่งแห่งความฝันของเขาให้ได้  เขาจึงหาเงินจากงานศิลปะของเขาเอง  แต่ก็ค่อนข้างหนักสำหรับเขาทีเดียว
    บุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งที่ทำให้เขาค้นพบตัวเองอย่างแท้จริงก็คือ  ไฮโกะ พี่ชายของเขาเอง  เขาเป็นคนรักในงานศิลปะและภาพยนตร์  เขาจึงเป็นคนที่ไร้สาระและแก่นสารในชีวิตตามสายตาของพ่อ  แต่เขาเป็นคนมีความรู้เกี่ยวกับวรรณคดีและงานภาพยนต์ในรูปแบบต่างๆมากมาย แต่เขาก็ทิ้งคุโรซาวาไปโดยหนีไปฆ่าตัวตาย  ในเมื่อเขาไม่เหลือใครแล้วเขาก็รู้ตัวเองว่าถึงเวลาแล้วที่เขาต้องเผชิญชีวิตด้วยตัวเขาเอง   เขาจึงได้ไปสมัครงานที่บริษัท พี.เอ.ซี  สตูดิโอที่ลงโฆษณาประกาศหาคนทดลองงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ  และที่นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นการทำงานภาพยนตร์ของเขา จากที่นี่เองเขาก็ได้พัฒนาฝีมือการทำภาพยนต์ของเขาได้อย่างรวดเร็วและดียิ่งขึ้นไปอีก  นั่นเป็นเพราะตัวเขาเองมีแรงบันดาลใจในการทำงานอย่างเต็มที่  เพราะงานที่เขาทำคืองานที่เขารักนั่นเอง
อีกทั้งเขาหมั่นขยันทำแบบฝึกหัด  แก้ไขและปรับปรุงข้อด้อยจากการทำงานอยู่เสมอทำให้งานของเขามีการพัฒนาไปในทางที่ดีอยู่ตลอดเวลา   การทำงานของคุโรซาวานั้น  เขาใช้หลักการทำงานที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง  คือในการทำงานทุกครั้งในฐานะผู้กำกับ  เขาจะบอกทีมงานทุกคนถึงสิ่งที่เขาต้องการหรือที่ได้วางเป้าหมายเอาไว้  เพราะเขาถือเป็นการให้เกียรติกับผู้ร่วมงานทุกท่าน เพราะทุกตำแหน่งต่างทำงานร่วมมือกันเพื่อให้ผลออกมาตามเป้าหมาย  แต่ถ้าผลที่ออกมานั้นหากเป็นในแง่ไม่ดีเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง
    ภาพยนต์ถือเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณที่หล่อหลอมให้เขาดำเนินชีวิตอยู่  เขามักจะพูดเสมอว่า “ภาพยนตร์ก็คือสิ่งที่แท้จริงของเขา” เพราะเขาตะหนักในตัวเองเสมอว่า “ถึงแม้มนุษย์จะไม่สามารถพุดถึงตนเองได้อย่างซื่อสัตย์อย่างบริบูรณ์ มันเป็นการยากเย็นยิ่งกว่ามากนักที่จะหลบเลี่ยงสัจจะในขณะที่มนุษย์กำลังเสเแสร้งเป็นคนอื่นอยู่ ‘ คนอื่น’ ในที่ว่านี้มักจะเปิดเผยอะไรๆ เกี่ยวกับมนุษย์ไม่ใช่น้อยเลย และเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาเลยทีเดียว  ไม่มีอะไรดอกที่จะบอกถึงตัวถึงตัวผู้กระทำนั้นมากไปกว่าผลกระทำของตัวเอง”
    ทุกคนกำลังอาจจะสงสัยว่าทำไมดิฉันถึงได้หยิบเอาอัตตชีวิประวัติของนักสร้างภาพยนต์แดนปลาดิบคนนี้  อาจจะดูเหมือนชีวิตของเขาก็ดูธรรมดาๆ แค่ทำหนังแล้วประสบความสำเร็จ  แต่ดิฉันไม่ได้มองเฉพาะเพียงแค่นั้น  ฉันมองเห็นแนวทางดำเนินชีวิตของเขาที่เริ่มต้นจากศูนย์  การต่อสู้ระหว่างความถูกต้องกับความรักความใฝ่ฝันของตัวเอง  ผลสรุปเขาเลือกที่จะยืนในจุดยืนที่ตัวของเขาเองเป็นคนขีดเส้นทาง  เขาก็รักที่จะทำ  ความพากเพียร  ความพยายาม  การปรับปรุงหาข้อผิดพลาดของตัวเองอยู่เสมอ  การขยันทำงานให้หนักและเต็มความสามารถจะทำให้คนเก่งขึ้นมาจากการกระทำนั้น
    และทุกอย่างนี้เองเมื่อดิฉันได้อ่านทำให้ฉันเกิดแรงบันดาลใจในการค้นหาความหมายและความเป็นตัวตนที่แท้จริง เหมือนที่ดิฉันได้เพียรค้นหาอยู่ทุกวัน  แต่ถึงแม้ตัวฉันเองอาจจะยังต้องใช้เวลาในหารค้นหาความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองอยู่  แต่ ณ เวลานี้ฉันมีหน้าที่ที่ต้องศึกษาเล่าเรียนและทำให้มันได้ดี  โดยฉันยึดเอาหลักการทำงานของคุโรซาวามาปรับปรุงใช้พัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้นไป  ทุกคนย่อมมีฝัน  แต่จะมีใครไปถึงฝันได้อย่างที่ตนได้ตั้งหวังไว้ ค่ะ   ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึงนะคะ
    ความพยายามเท่านั้นจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้เหมือนอย่างที่  อาคิระ คุโรซาวา ได้ไปสัมผัสมาแล้ว

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘