สัมภาษณ์ โน้ต อุดม แต้พานิช 03

ไม่แน่ครับ ถ้าบัตรเหลือมากจะให้แม่หาบขาย
เตรียมอะไรให้คนดูบ้างคะ
ไม่มีอะไรเลยครับ ยืนพูดเฉย ๆ คนเดียว
ไม่มีแขกรับเชิญเลยหรือ
ไม่รู้คุณเสนาะจะว่างมาหรือเปล่า (หัวเราะกันครืน)
แต่อย่างน้อยคือมีอัลบั้มเพลง อ. อุดม การช่างแล้ว
ครับ (ร้องแซมเปิ้ลให้ฟัง) “อุดมการช่าง เป็นมิตรกับประชาชี ถ้าใครอารมณ์ไม่ดี มาที่อุดมการช่าง หงุดหงิดให้ไปที่อื่น สดชื่นให้มาที่นี่ มาซ่อมอารมณ์ให้ดี มาที่อุดมการช่าง” ทำเป็นมิวสิควิดีโอประกอบการแสดงด้วย
สังเกตว่าเรื่องที่เล่ามักพาดพิงถึงการเมือง สนใจการเมืองมากเป็นพิเศษใช่ไหม
ผมว่าตัวผมสนใจในระดับธรรมดา ทั้ง ๆ ที่การเมืองน่าจะได้รับความสนใจมากกว่านี้ แต่คล้ายเราจะถูกปลูกฝังมาว่า นักการเมืองคือบุคคลที่เราต้องยืนกุมเป้า พูดอะไรต้องเชื่อ ใครพูดเรื่องการเมืองก็มีเสียงห้ามว่า อย่าไปพูดนะ อันตราย เราทำให้เขาอยู่บนหิ้ง แตะต้องไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วเขาคือคนที่ควรถูกพูดถึงมากที่สุด เพราะเขาไปทำงานแทนเรา เอาเงินภาษีเราไปบริหาร
ถ้านับที่กำลังจะเดี่ยวไมค์ในเดือนกรกฎาคม ก็นับว่าเป็นครั้งที่สามแล้ว หามุขมากมายมาเล่าได้อย่างไร เคยตันบ้างไหม
มุขตลกเหมือนกับเหล็กไหล นั่งคิดจะไม่ยอมออกมา ต้องเวลาเผลอ ช่วงที่เราเพลิน ๆ สังเกตดูในโต๊ะกินข้าวจะมีอะไรขำ ๆ ออกมา และเมื่อมุขมาแล้วต้องรีบจด อย่าขี้เกียจ เคยมั้ย เคลิ้ม ๆ ใกล้จะหลับอยู่แล้ว นึกเรื่องเด็ดมากขึ้นมาได้ ลุกขึ้นมาจดทันทีเลยครับ อย่ามัวแต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ค่อยจดก็ได้ เพราะจะพบว่าตื่นมาลืมหมด   ผมมีกระดาษ ดินสอไว้ทุกจุด ในห้องนอน ห้องน้ำ ในรถ นึกได้เมื่อไหร่จด เพราะฉะนั้นที่ถามว่าตันมั้ย ตันครับ ! แต่เผอิญมีโซดาไฟไว้หยอด เลยไม่ค่อยกังวล
เสร็จจากเดี่ยวไมค์ครั้งที่ 2 นี่ อุดมตั้งตัวได้เลยหรือเปล่า
อืม…กินดีอยู่ดีครับ ผมมีคติอยู่อย่างหนึ่งว่า เงินหามาได้ต้องใช้ไป ไม่เก็บจนตายแล้วให้ลูกหลานมาใช้ เพราะฉะนั้น แม่ใช้ ลูกใช้ อยากนั่งรถดี ๆ สักครั้งในชีวิต เอาเลย วันเกิดแม่เดือนตุลาคม ซื้อเลย
ใครเป็นคนเลือกยี่ห้อคะ
แม่เป็นฝ่ายสืบ โดยจ้างเด็กข้างบ้านขับรถตระเวนไปตามศูนย์ต่าง ๆ และถามไปทั่ว นี่ยี่ห้อนี้เขาว่าเด็ด ไอ้หนูคันนี้ขายเท่าไหร่ แล้วค่อยเอาโบรชัวร์มานั่งเลือกกัน ผมบอกว่า…แม่ ปีนี้จัดเป็นปีการท่องเที่ยวของครอบครัวนะ เราควรเลือกรถที่สมบุกสมบัน คันใหญ่ ๆ นั่งนาน ๆ ก็ยังสบาย เขาก็ใช่ ๆๆ ฉันจะได้ไปทำบุญร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ฯลฯ
เดี๋ยวนี้เขาปวารณาตัวเป็นสิงห์ออฟโร้ด…ทองสุข สิงห์ออฟโร้ด ไปร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ชลบุรี เรียกว่ารับงานบวชทั่วราชอาณาจักร ถือเป็นช่วงกอบโกยบุญ เพราะเมื่อก่อนอยากไปแต่ต้องนั่งรอรถบัสแออัด ไปถึงที่ก็เพลียบุญแล้ว
ดูแล้วโน้ตรักแม่มาก ๆ เลยนะคะ
ผมว่าโดยถัวเฉลี่ยก็คงเท่า ๆ กันมั้ง แต่เผอิญในวัยเด็กผมไปทำแสบกับเขาไว้เยอะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้เขาในวันนี้ส่วนหนึ่งจึงเป็นในเชิงกึ่งสำนึกผิดด้วย
เล่าถึงความแสบให้ฟังบ้างสิ
เมื่อก่อนบ้านผมอยู่สุรินทร์ พ่อตายตั้งแต่ 6 ขวบ แม่ขายส้มตำกับไก่ย่างเลี้ยงลูก 2 คน คือผมกับน้อง ส่วนพี่ชาย ญาติรับไปเลี้ยง พลัดพรากกันตั้งแต่เด็ก
ถ้าเป็นลูกที่ดีคงรักเขาและสงสารเขานะ แต่ผมเกลียดเขา เพราะภาพของเด็กคนหนึ่งที่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ ลุกขึ้นมาก่อไฟต้มน้ำร้อน รอแม่ไปซื้อของที่ตลาด ตกเย็นถูกแม่ใช้ล้างจานเป็นกองพะเนิน กว่าจะล้างเสร็จก็ดึกดื่น แต่พอรบเร้าขอ BMX กี่ครั้ง ไม่ยอมซื้อให้ ขอไปปั่นของเพื่อนก็ไม่ยอม
หนังสือเรียนต้องใช้แบบมือสองคือเป็นของคนอื่นเขาไม่ใช้แล้ว แต่ชื่อเขายังอยู่ ผมต้องมานั่งลบและเขียนชื่อตัวเองทับลงไป แบบฝึกหัดก็มีคนอื่นกามาแล้ว เปิดดูรู้คำตอบหมดแล้ว (ทำเสียงแบบเด็กที่น้อยเนื้อต่ำใจในโชควาสนาของตัวเอง)
วันหยุดเพื่อนไปเที่ยวที่ห้วยสมิง ผมต้องนั่งสับมะละกอ เท่เหลือเกิน ยิ่งเวลามีเด็กผู้หญิงมาที่บ้านแล้วผมกำลังป๊อก ๆ สับมะละกอ ผมคิดเลยว่า…ผู้หญิงคนนี้ทำไมเลี้ยงลูกอย่างนี้ ทางไหนที่เป็นความสุขของเรา เขาบั่นทอนหมด แถมยังตีเราด้วยแค้นมาก เริ่มขโมยตังค์ เผลอเมื่อไหร่ต้องขโมยเอาไปเลี้ยงเพื่อน เท่านั้นไม่พอ พาเพื่อนมาร้าน 7-8 คน เลี้ยงเต็มที่ ส้มตำ ไก่ย่าง ไม่รู้กี่จาน แม่ขายได้ต่อวันประมาณ 300 บาท ผมพาเพื่อนมากินไป 600 บาทได้มั้งเท่านั้นยังไม่สาใจ เริ่มคิดว่าอยู่ไปก็ไม่รุ่งหรอก ไปอยู่กับป้าดีกว่า ท่าทางจะรวย ต้องได้ BMX แน่เลย ป้าอยู่แถวบ้านบึง ชลบุรี เคยไปตอนตรุษจีน จำได้ว่าต้องนั่งรถไปกรุงเทพฯก่อนแล้วค่อยต่อรถที่หมอชิตไปชลบุรีเริ่มเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เรารู้นี่ว่าแม่ต้องอยู่หลังร้านเตนียมของทำไก่ย่าง ไม่มีเวลาคอยดูเราหรอก นั่งรอจนได้ช่องเมื่อแม่ตะโกนเรียก…ไปซื้อซีอิ๊วหน่อยสิ ผมแกล้งตะโกนถาม…ตังค์อยู่ไหน…อยู่ในกระป๋อง ผมจัดแจงกวาดใส่กระเป๋ากางเกงเรียบ ได้มาร้อยกว่าบาท อุ้มกระเป๋าออกจากบ้าน แต่ไม่ลืมบอกเขานะว่า…เดี๋ยวมาใจเต้นตึก ๆ วูบนั้นผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร มารู้ทีหลังว่ามันคือสายใยของความอาวรณ์ ซึ่งคงมีไม่มากพอ เพราะพอรถเมล์แดงวิ่งผ่านมาปุ๊บ ผมวิ่งขึ้นทันที (หัวเราะสนุก)
ตอนนั้นไม่รู้สึกใกล้ชิดหรือสนิทกับคุณแม่เลยหรือ
แม่เป็นคนทำมาหากิน ไม่มีเวลามานั่งกอดลูกหรือสอนลูกว่า…นี่ไม่ดีนะคะ อย่าดู นี่ไม่เหมาะกับเด็กนะ วัยเด็กของผมไม่มีใครสอนผมเลย เกโรงเรียนก็บ่อย มีแต่เพื่อนนั่นแหละที่สอน และสิ่งที่สอนส่วนใหญ่ก็เป็นสิ่งไม่ดีทั้งนั้น
ระหว่างทางที่หนีออกจากบ้านจนถึงบ้านคุณป้า ผ่านไปได้ด้วยดีไหมคะ
ขึ้นรถ บ.ข.ส. ก็เจอเลย กระเป๋ารถไล่ไปนั่งแถวหลัง มีทหารนั่งอยู่แล้ว 5 คน กินเหล้าขาวอยู่ นึกสภาพเด็กคนหนึ่งที่ต้องไปนั่งระหว่างทหารขี้เมา พูดทีกลิ่นเหล้าโชยหึ่ง เป็นเวลา 10 ชั่วโมงกว่าจะถึงหมอชิต ถึงหมอชิตแล้วก็ไปบ้านบึงไม่เป็นเพราะหมอชิตที่จำได้ไม่ใหญ่เท่านี้ ไม่รู้จะไปทางไหน เห็นพระรูปหนึ่งเดินจีวรไหว ๆ ผมรีบวิ่งตามไป ถามท่านว่า…หลวงพ่อครับ ไปเมืองชลฯต้องขึ้นรถที่ไหน พระท่านว่า…เอ็งถามแท็กซี่แล้วกัน สุดท้ายไปหาตำรวจให้พาไปที่คิวรถ และบอกเสร็จสรรพให้ลงที่ท่ารถเมืองชลฯ แล้วถามคนแถวนั้นว่าสี่แยกบ้านสวนอยู่ไหน จากตรงนั้นจะมีรถไปบ้านบึง  ถึงบ้านป้า ป้าตกใจ มาได้ยังไง ผมโกหกเขาว่าแม่ไม่รัก แม่ไม่เลี้ยง ดุว่าและตีผมทุกวัน ป้าเชื่อสนิท แหม…เด็กพูด ไม่รู้เลยว่าเด็กมันเจ้าเล่ห์
ถึงบ้านคุณป้าแล้วส่งข่าวถึงคุณแม่ไหม
ผมไม่ทำอะไรเลย ป้าเป็นคนส่งข่าวทั้งหมด ผมมาเจอแม่อีกครั้งหนึ่งตอนผมบวชเณรที่วัดบึงบวร ซึ่งผ่านจากตอนที่หนีออกจากบ้านประมาณสองปีกำลังนั่งฉันอยู่บนศาลา แม่เดินเข้ามาพอเห็นเขาเท่านั้นแหละ ผมร้องไห้เลยอยากวิ่งเข้าไปกอด แต่ทำไม่ได้ เพราะเป็นเณรอยู่ ตอนนั้นแม่ดำลงเยอะและผอม คิดในใจว่า แม่คงทำงานหนัก ราศีไม่เหลือแล้ว และผมจากการใกล้วัด ถึงจะเป็นคนไม่เอาไหนยังไง ธรรมะก็ยังซึมเข้ารูขุมขนได้ ทำให้เริ่มสำนึกถึงพระคุณแม่
หลังจากสึกเณรแล้วกลับไปอยู่กับแม่เลยไหม
ไม่ได้กลับไปอีกเลย ยังปล่อยแม่ไปตามยถากรรมอยู่ จนเรียนจบเพาะช่าง เริ่มหาเงินได้จากการเป็นตัวประกอบรายการกระต่ายโชว์ เป็นตลกมิวสิควิดีโอ และเป็นปรัศนีใส่แว่นในเกมชิงร้อยชิงล้าน ร่วมเล่นละครสั้นในรายการนาทีทอง จนรวบรวมเงินก้อนแรกในชีวิตได้สามหมื่นบาท รู้สึกว่าเยอะมาก สามหมื่นมีค่าเหมือนสองแสนในตอนนี้ คิดว่าต้องเช่าบ้านและรับแม่มาอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นเขาอยู่คนเดียวแล้วน้องก็เข้ามาเรียนหนังสือที่ชลบุรี พี่ชายที่พลัดพรากกันก็กลับมาหา พอดีที่บ้านบึงมีตึกแถวให้เช่าเดือนละพันห้า ผมจึงบอกพี่ชายว่าอยากให้แม่มาเปิดร้านส้มตำที่นี่ขายไม่ดีไม่เป็นไร แต่เราได้อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ขึ้นรถ บ.ข.ส. ไปสุรินทร์ บอกแม่ให้เลิกขาย ไปอยู่เมืองชลฯกัน  ตอนแรกเขาไม่ยอมไป เพราะอยู่สุรินทร์มานาน ขอร้องอยู่เป็นนาน เขาก็ยังไม่ยอม สุดท้ายเอาน้องชายขึ้นมาโน้มน้าว เรื่องอะไรให้คนอื่นเลี้ยง ลูกแม่แม่เลี้ยงเองสิ เนี่ยเราจะไปอยู่ด้วยกัน เขาถึงยอม แต่ขอเวลาสองวันคืนบ้านเช่าและเคลียร์หนี้สิน  วันออกเดินทาง ผมเช่ารถหกล้อขนสมบัติ ซึ่งก็คืออุปกรณ์หาเลี้ยงชีพอันได้แก่ ครก สาก เตาย่างไก่นั่นแหละ ส่วนเราสามคน ผม แม่ พี่ชาย นั่งเบียดมาข้างหน้ากับคนขับ กระจกหน้าต่างก็ไม่มี นั่ง ๆ มาร้องไห้ ลมพัดน้ำตาผมไปข้างหลังหมด ไม่ใช่เพราะกลัวหรือเสียใจ แต่เป็นอารมณ์ว่าโคตรสุขเลย เพราะในที่สุดเราก็ได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาหลังจากที่ต่างแยกจากกันไปหลายปี  ถึงชลบุรีเมื่อดึกมากแล้ว รถจอดที่หน้าบ้านเช่า น้องชายผมกำลังขัดบ้านไว้รอรับ ความรู้สึกของผมตอนนั้นคืออยากกอดทุกคนไว้ แต่ไม่ได้ทำ เพราะเขิน เราห่างกันนานเกินไป คืนนั้นเราปูเสื่อนอนด้วยกัน 4 คน ขาก่ายกันยุ่งเลย ภาพเหมือนเวลาโดดร่มหมู่น่ะ (หัวเราะ) อากาศร้อน พัดลมไม่มี แต่ผมนอนยิ้มได้ทั้งคืน  สองวันหลังจากนั้นผมต่อโต๊ะให้แม่ขายส้มตำ โดยมีผมเป็นลูกมือด้วยความเต็มใจ จะเข้ามากรุงเทพฯเฉพาะเวลาเขาต้องการตัวประกอบเท่านั้น ถ่ายจบก็ขึ้น บ.ข.ส. กลับชลบุรี
ทำไมถึงไม่ประกอบอาชีพอย่างที่เรียนมาบ้างล่ะคะ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘