ครูบาศรีวิชัย

ครูบาศรีวิชัย
ท่านอาจารย์ และเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนครับ
    หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนที่กลับไปบ้าน ตอนสายๆ ไม่มีอะไรทำก็เลยมานั่งคุยกับยาย ตอนนั้นยายก็ฟังวิทยุอยู่ก็เป็นรายการพื้นบ้านล้านนา ก็มีการขับซออะไรทำนองนี้ ตอนแรกก็ไม่ค่อยได้สนใจอะไรเท่าไหร่ แต่ยายก็เปิดเสียจนไม่อยากฟังยังไงก็ต้องได้ยินอยู่ดี ไหนไหนก็ไหนไหนแล้วก็เลยลองฟังดูเสียเลย ก็ปรากฎว่าวันนั้นเขาขับซอเกี่ยวกับประวัติครูบาเจ้าศรีวิชัย ยิ่งฟังไปก็รู้สึกว่าสนุกดีเหมือนกันนะ ฟังนานเจ้าเรื่อยๆ โอ้โหแทบน้ำตาไหลเลยครับ สงสารครูบาที่โดนแกล้งสารพัด นี่ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะครับว่าท่านต้องลำบากขนาดนี้ จากเดิมที่ผมเห็นใครๆเขาต่างก็พากันไปไหว้ครูบา ผมก็ไปไหว้บ้างโดยที่ไม่ได้รู้ต้นสายปลายเหตุ ที่มาที่ไปว่าท่านเป็นใครมาจากไหน แล้วมามีชื่อเสียงเป็นที่เคารพศรัทธาของผู้คนมากมายได้อย่างไร แต่วันนี้ครับ ผมได้รู้ประวัติชีวิตของท่านมาพอสมควร ผมว่าชีวิตของท่านน่าสนใจมากเลยทีเดียวนะครับ มาครับ เรามารู้จักกับนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ของเรากันดีกว่าครับ
    จากที่ได้ฟังมาในซอนะครับ แม่ครูบัวซอน(คนขับซอ)ก็บอกว่าชื่อเดิมของท่านชื่อ ด.ช.อินตาเฟือน หรือ อ้ายฟ้าร้อง สงสัยกันไหมครับว่าทำไมถึงได้ชื่อนี้     มีที่มานะครับคือตอนที่ท่านเกิดมานั้นฟ้าดินปรวนแปรเกิดพายุฝนตกฟ้าร้อง ฟ้าผ่าอย่างหนัก แผ่นดินไหวสั่นสะเทือน พ่อแม่ก็เลยตั้งชื่อให้ท่านตามนั้นยังไงล่ะครับ  ซึ่งตอนที่ท่านเกิดนั้นนะครับก็ตรงกับวันอังคาร ที่11 มิถุนายน พ.ศ.2421 ถ้านับถึงตอนนี้ก็ร้อยกว่าปีแล้วนะครับ แต่ชื่อเสียงของท่านนั้นก็ยังคงอยู่ไม่สร่างซา
    ท่านเป็นคนบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน ครับ ชีวิตตอนเด็กท่านก็ใช้ชีวิตแบบเด็กลูกชาวไร่ชาวนาทั่วๆไป นั่นแหละครับก็ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าง เลี้ยงวัวเลี้ยวควายไปตามประสา ถ้าถามว่าลำบากไหม ก็คงไม่เท่าไหร่นะครับก็เป็นเรื่องปกติของคนในสมัยนั้นก็พออยู่พอกินกันตามอัตภาพส่วนนิสัยของท่านที่ถือว่าค่อนข้างแปลกไปจากเด็กๆสมัยนั้นก็คือท่านไม่ค่อยชอบทานอาหารพวกเนื้อสัตว์ ท่านก็จะชอบทานแต่พวกน้ำพริก ผักจิ้ม อะไรพวกนี้ ในซอบอกไว้นะครับว่า เวลาที่พ่อของท่านไปหาปูปลามาขังไว้ท่านก็จะแอบเอาไปปล่อยเพราะสงสาร ทำให้พ่อกับแม่ต้องทานน้ำพริกเหมือนเดิม(ก็ไม่รู้ท่านจะโดนตีหรือเปล่า)
    ช่วงตอนเป็นเด็กนี่ก็มีชีวิตที่ธรรมดานะครับก็ไม่แตกต่างไปจากคนอื่นเท่าไหร่ พออายุย่างเข้า18ปีพ่อแม่ก็พาท่านไปบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดบ้านปางนั่นแหละครับ ท่านก็เป็นคนที่มีความขยันหมั่นเพียร ตั้งใจเล่าเรียนศึกษาหาความรู้ จนมีความรู้แตกฉาน  พออายุครบ21ท่านก็อุปสมบถเป็นภิกษุ ต่อมาเจ้าอาวาสองค์เก่าก็มรณภาพลงท่านก็ได้เป็นเจ้าอาวาสแทน
    ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทำให้มีศรัทธาสาธุชนมากมายเคารพนับถือและนำลูกหลานมาฝากบวชเรียนให้ท่านช่วยสั่งช่วยสอน ตอนนั้นท่านก็มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย แล้วปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น  เมื่อเกิดการอิจฉาริษยากันเองในหมู่สงฆ์ ก็มีการคอยกลั่นแกล้งกันสารพัด มีวันหนึ่งซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราช ทางจังหวัดก็สั่งให้ทุกวัดจุดเทียนประดับประดาวัดให้สว่างไสว แต่ครูบาท่านมิได้ทำ เพราะท่านนั่งสมาธิส่งกระแสจิตไปถวายพระพร (ในซอบอกว่าอย่างนั้น) ที่นี้แหละครับ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่เลย ท่านถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฎแผ่นดินท่านจึงถูกจับตัวไป มัดไว้กลางแดดกลางฝนอยู่หลายวันที่วัดจามเทวีก็กรำแดดกรำฝนอยู่อย่างนั้นหลายวัน ชาวบ้านก็พากันกราบไหว้อยู่และฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยครูบา เขาบอกว่าตอนนั้นคนเป็นหมื่นเห็นจะได้จนล้นวัด เมื่อเห็นไม่ได้การก็เลยย้ายท่านไปมัดไว้ที่วัดศรีดอนไชย จ.เขียงใหม่ ก็ตากแดดตากฝนไว้อย่างนั้นอยู่หลายวัน ก็เอารถมาลากตัวท่านไปรับโทษที่กรุงเทพ นี่แหละครับรางวัลชิ้นงามชิ้นแรกของการทำความดี ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ ยังตั้งข้อหาให้ท่านอีกมากมายเช่นว่า ท่านเป็นพระอุปัฌาย์เถื่อนบวชให้คนมากมายแต่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เห็นไหมครับ คนเราสมัยนั้น ช่างไม่กลัวบาปกลัวกรรมกันเลย ท่านก็ถูกนำตัวไปพบสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทางท่านสังฆราชท่านก็เข้าใจครูบา มิหนำซ้ำท่านยังเมตตามอบเงินให้อีกจำนวนหนึ่งให้ครูบาใช้ไปซื้อยา และก็เป็นค่าเดินทางกลับ และท่านก็ยังฝากมาตำหนิพวกสงฆ์ที่ใส่ความท่านอีกด้วย
    เรื่องร้ายๆผ่านพ้นไป ท่านก็หาได้ท้อแท้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ ท่านกลับมาท่านกับมุมานะกระทำความดี ทำนุบำรุงพระพุทธให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้น วัดวาอารามแห่งใด ชำรุดทรุดโทรมเป็นที่ยากลำบากแก่การไปกราบไหว้สักการะของเหล่าศรัทธาสาธุชน ท่านก็บูรณปฏิสังขรอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นในเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา ฯลฯรวมถึงทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพที่พวกเรารู้จักกัน นี่ก็เป็นฝีมือของท่านครูบาเช่นเดียวครับ แล้วเพื่อนๆทราบไหมครับ ว่ารางวัลแห่งการกระทำความดีชิ้นโบว์แดงในครั้งนี้คืออะไร   คุกอีกแล้วครับ  คุกครับ คือรางวัลที่มีผู้มอบให้แก่ท่านเป็นรางวัลในการทำดีในครั้งนี้ เพียงเพราะทางการบอกว่าบุกรุกป่าสงวน
    เป็นอย่างไรบ้างครับ ถ้าเพื่อนๆเป็นครูบาเพื่อนๆจะทำยังไงกัน ถ้าเป็นผมนะครับผมคงโมโหมาก และคงไม่คิดที่จะทำดีให้ใครอีกแล้วครับ คงเลิกตั้งแต่โดนจับครั้งแรกเสียด้วยซ้ำ แต่นี่ครับ นี่คือท่านครูบาศรีวิชัย ท่านมีคุณธรรม ที่เหนือกว่าคนสามัญชนธรรมดาอย่างพวกเราๆ ท่านไม่เข็ดครับ และท่านก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาที่จะทำความดีต่อไป แม้ว่าผลตอบแทนจะเป็นอย่างไรก็ตาม ท่านก็ยังมีขันติ หรือความอดทน ท่านไปบ่นซักคำนะครับ ท่านพูดเพียงแต่ว่ามันเป็นกรรมเก่า  ความอดทน….ความมุ่งมั่นในการทำความโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและไม่หวังผลว่าจะได้รับอะไรตอบแทน นี่แหละครับคุณธรรมของท่านครูบา ผู้ซึ่งเป็นที่รักและเคารพของพวกเรามาตราบจนทุกวันนี้
    ร้อยกว่าปีมาแล้วที่ท่านผู้นี้ได้กำเนิดมาบนโลกนี้ได้สร้างคุณงามความดีต่างๆเอาไว้มากมาย…..ร้อยกว่าปีผ่านไปไม่รู้ว่าสรีระร่างกายของท่านจะสูญสลายล่องลอยไปถึงไหนต่อไหน….แต่ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา คุณงามความดีของท่านกลับยังคงอยู่มิได้สูญสลายไปพร้อมกับสังขารของท่าน
    พฤษภกาสรอีกกุญชรอันปลดปลง     โททนต์เสน่งคงสำคัญหมายในกายมี
    นรชาติวางวายมลายสิ้นทั้งอินทรีย์    สถิตทั่วแต่ชั่วดีประดับไว้ในโลกา

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘