นิรมล เมธีสุวกุล

นิรมล  เมธีสุวกุล
                                                                                                                
สวัสดีค่ะ  บุคคลที่ดิฉันจะพูดถึงในวันนี้ เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มากด้วยความสามารถในฐานะที่เธอเป็นสื่อมวลชน  การทำงานของเธอคลุกคลีอยู่กับกลุ่มเด็กๆ ในชนบท  เพื่อถ่ายทอดวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างกลมกลืนและเป็นกันเอง ท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติอันร่มรื่น ดิฉันเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเธอคนนี้  “นิรมล  เมธีสุวกุล”  หรือ  “พี่นก”  ของเด็กๆ
จากเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เติบโตมาจากครอบครัวคนจีน ที่จังหวัดสุพรรณบุรี   จบการศึกษาสูงสุดระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์  จากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์  ได้ทำงานที่  The  Nation  เป็นที่แรก  จากนั้นก็มาทำข่าวเศรษฐกิจที่ช่อง  7  แล้วก็มาร่วมกับเพื่อนทำหนังสือวิเคราะห์การเมือง  รายสัปดาห์ชื่อ “ มติมหาราษฎร์”  ต่อมาก็ตระเวณไปกับปอเต็กตึ้ง เพื่อประสานงานเตรียมทำสารคดีอาชญากรรมเชิงสร้างสรรค์  ระหว่างนั้นได้เจอกับ ดร.สมเกียรติ  อ่อนวิมล จึงมาอยู่แปซิฟิกทำข่าวให้กับช่อง 9 แล้วก็เริ่มทำสารคดี  “ทุ่งหญ้าในป่าใหญ่”  ออกอากาศทางช่อง  7   และในปัจจุบันเธอเป็น พิธีกร  คนเขียนบท และกรรมการผู้จัดการ  บริษัท  ป่าใหญ่ครีเอชั่น  จำกัด บริษัทผลิตรายการ “ทุ่งแสงตะวัน”  ซึ่งได้รับรางวัลในฐานะรายการสารคดีสำหรับเด็กและเยาวชนดีเด่น จากผลงานที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คงทำให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเธอมีความสามารถมากมายเพียงใด และคงไม่แปลกที่ดิฉันจะประทับใจในตัวเธอ
 ผลงานของเธอที่ใครๆคงรู้จักกันดี คือ รายการ “ทุ่งแสงตะวัน” ส่วนตัวดิฉันประทับใจแนวคิดที่สร้างสรรค์ให้เกิดรายการดีๆ แบบนี้ขึ้นมา   แนวคิดที่ใช้สื่อเป็นตัวกลางถ่ายทอดเรื่องราว  วิถีชีวิตและวัฒนธรรมในชนบท ออกสู่สายตากลุ่มคนสองกลุ่ม  คือ กลุ่มคนทั่วไปที่ไม่ได้มีโอกาสสัมผัสวิถีชีวิตแบบนั้น  และกลุ่มคนที่มีวิถีชีวิตเช่นเดียวกัน
บุคคลกลุ่มแรกที่ไม่เคยได้สัมผัสชีวิตแบบนั้นก็จะได้เรียนรู้ว่า การดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายของคนชนบทที่แฝงภูมิปัญญาที่น่าสนใจและคนทั่วไปอาจคาดไม่ถึง โดยคุณนิรมล ได้เคยกล่าวไว้ว่า   “ถ้าถามว่าสนใจงานด้านไหน ก็คืองานด้านความรู้ความคิดที่ซ่อนอยู่ในชนบท  เรื่องราวของชาวบ้านที่เขาเก่งอยู่แล้วแต่ว่าถูกอะไรบางอย่างบดบังไป  อาจจะรู้สึกเชย  รู้สึกช้า  ล้าสมัย  ไม่ถูกพูดถึงรวมทั้งข่าวสารมาจากศูนย์กลาง  ฉะนั้นความรู้ความสามารถของคนชนบทจึงหายไปเรื่อยๆ”
บุคคลกลุ่มที่สองที่มีวิถีชีวิตแบบเดียวกัน  ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแบบนี้จะเป็นที่น่าสนใจขนาดที่โทรทัศน์มาถ่ายทำได้  เมื่อมีคนให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น  พวกเขาก็เริ่มที่จะมีความภาคภูมิใจในวิถีทางการดำเนินชีวิตของพวกเขา และจะยังคงจะยึดถือแบบอย่างเดิมให้ดำเนินต่อไป  เป็นความคิดที่ฉลาดในการใช้สื่อมาช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมโดยทางอ้อม
นอกจากแนวคิดที่กล่าวมาแล้ว สิ่งที่น่าประทับใจในตัวเธออีกประการหนึ่งคือ  การเป็นคนที่รักธรรมชาติมาก  ขอให้เธอได้สัมผัสและคลุกคลีกับธรรมชาติ ไม่ว่าที่ไหนๆก็จะเป็นสวรรค์น้อยๆสำหรับเธอ  ทุกครั้งที่เธอได้เดินทางสัมผัสกับธรรมชาติ  เธอจะจดบันทึกเหตุการณ์หรือเรื่องราวต่างๆ   และความรู้สึกที่เธอมีต่อสิ่งเหล่านั้นเอาไว้  จนในวันนี้ประสบการณ์ทั้งหลายได้ถูกเก็บรวบรวมไว้ใน หนังสือ "อยากให้เป็นอย่างนี้ทุกวัน"  ในตอนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้เธอบรรยายว่า…..เท้าเปล่าสัมผัสหญ้าและความชอุ่มชุ่มชื้นของหยาดน้ำค้าง  ยามก้าวผ่านให้รู้สึกเยียบเย็น  และเมื่อย่ำติดดินเปียก  แหงนหน้ารับแสงแรกแห่งปี  ก็เหมือนตอกย้ำให้ตระหนักว่าชีวิตนี้ยังมีอยู่  จากเมื่อวานสู่วันนี้ปีใหม่  จะมีอะไรใหม่บ้างหนอ…ตอบแทนสักเสี้ยวหนึ่งของความละมุนละไมที่ได้รับแล้วจากวันนี้……
ด้วยความที่รักธรรมชาติของเธอ   ทำให้เธอเป็นนักอนุรักษ์ตัวยง    เธอเคยกล่าวว่า   "มนุษย์อยู่ได้ด้วยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แต่เราจะอยู่ได้ยาวนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้ดี"  และตอนหนึ่งในหนังสือที่ดิฉันชอบมากมีว่า  " …..มนุษย์ชอบเอาชนะธรรมชาติและหลงคิดไปว่าเมื่อชนะในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นั้นยิ่งใหญ่  กว่ามนุษย์จะรู้ตัวว่าการต้องวิ่งตามเงาตัวเองนั้นมันอ่อนล้าสาหัสขนาดไหน  เหมือนฉีดยาฆ่าแมลงซ้ำซากจนแมลงพัฒนาตัวต้านทานก็ต้องวิ่งหายาที่แรงกว่า  และแรงกว่า  จนกระทั่งตัวมนุษย์เองจะทนยืนพ่นยาฆ่าแมลงไม่ไหว  ตายเอาเสียเองนั่นแหละ…"
การเป็นผู้ใฝ่ที่จะเรียนรู้อยู่เสมอของเธอเป็นอีกเรื่องที่ดิฉันประทับใจ  คุณนิรมลพูดเสมอว่า  "อยากกลับไปเรียนรู้  เพราะรู้สึกว่าโลกมันกว้าง เราไปหาความรู้ได้อีกมากมาย"  การอยากที่จะเรียนรู้ของเธอไม่ใช่หมายความแต่เพียงการเรียนรู้ทฤษฎีตามตำราต่างๆ  หากแต่หมายรวมถึงการเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวที่ไม่มีบรรจุในตำราเรียน  หากจะเปรียบผู้หญิงคนนี้เป็นเหมือนนกคงไม่ผิด เพราะเธอพร้อมที่จะออกบินเพื่อเสาะแสวงหาอาหารสมองอยู่เสมอ เมื่อโอกาสเอื้ออำนวย  หรือหากจะเปรียบเธอเหมือนหนอนตัวเล็กๆ ที่คอยซอกซอนในรายละเอียดจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ  ซึ่งน้อยคนนักจะมองเห็นก็ย่อมได้
การหาอาหารให้สมองก็สำคัญพอๆ กับการหาอาหารให้กับร่างกาย  ถ้าสมองขาดอาหารก็คงจะบอกได้ว่าคนๆ นั้น  คงไม่มีความคิดที่จะไปทำประโยชน์อะไรให้กับตัวเองและคนอื่นได้   ถ้าร่างกายขาดอาหาร คนๆ นั้น ก็คงไม่มีแรงไปทำอะไรให้เป็นประโยชน์ได้เช่นกัน  การเรียนรู้จึงต้องเป็นไปควบคู่กับการดำเนินชีวิตเสมอ 
อีกความประทับใจที่ดิฉันรู้สึกอิจฉาเธอนิดๆ  คือ การได้ทำในสิ่งที่เธอเองรัก  และเมื่อรักจะทำแล้วเธอก็ทำได้ดีด้วย    คนเรามีสิ่งที่รักและสิ่งที่อยากจะทำ อยากจะเป็นหลายต่อหลายอย่างและบางคนก็ได้มีโอกาสทำในสิ่งเหล่านั้น  แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่มีโอกาสจะทำตรงนั้นได้  คำว่า  "โอกาส"  คำเดียวทำให้คนที่มีสิ่งที่คิดจะทำเหมือนๆ กัน  แต่ได้ทำในสิ่งที่แตกต่างกันได้ คนที่มีโอกาส  แม้ว่างานที่เลือกทำนั้นจะยังความเหน็ดเหนื่อยมาให้แค่ไหน แต่ในความเหน็ดเหนื่อยนั้นก็มีความสุขที่ได้ทำในสิ่งเหล่านั้นซุกซ่อนอยู่   คนที่ไม่มีโอกาสก็เฝ้าแต่จะฝันหาโอกาสและความสุขนั้นอยู่เสมอ จึงอยากจะบอกว่าถ้ามีโอกาสทำในสิ่งที่รักแล้ว จงทำให้ได้ดีที่สุดให้สมกับที่อยากทำ  และเผื่อคนที่อยากจะทำแต่ขาดโอกาสด้วย
"ความสุข" นับวันจะหายากขึ้นทุกที  ด้วยจำนวนเงินมากมายที่ใช้จ่าย   มิได้หมายถึงการจะได้ครอบครอง "ความสุข" ทว่า "ความสุข"  ก็ยังคงมี…..มันเริ่มที่ "ใจข้างใน" เป็นสำคัญ  การดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอันวุ่นวายสับสน คนหลายคนก็มี  "ความสุข"  อย่างมิพักต้องค้นหาใหญ่หลวง  นิรมล  เมธีสุวกุล เป็นหนึ่งในนั้น  ผลงานของเธอคงบอกได้ว่า "การทำงาน" และ  "ความสุข"  นั้นอยู่ไม่ไกลกันเลย 

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘