สืบ นาคะเสถียร

สืบ นาคะเสถียร
หากจะพูดถึงการทำงานอย่างอุทิศได้แม้กระทั่งชีวิต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมโดยไม่สนใจว่างานนั้นจะยากลำบากสักเพียงใดหรือ จะต้องทำไปโดยใครจะรู้ว่างานที่เราทำไปนั้นจะเพื่อใคร เพียงหวังว่างานที่ทำไปนั้นเป็นความสุขอันเกิดขึ้นจากความต้องการของตัวเราเท่านั้น กับความต้องการทางใจเพียงเท่านี้  อีกทั้งปณิธานหนึ่งที่น่าสนใจของเขา คือ
ข้าฯ จะอุทิศชีวิตของข้า    เพื่อปกป้องดงป่า   และชีวิตสัตว์
    ผ่านมาแล้ว 10 ปีจากเสียงดังอันแผดลันจากกระสุนอันกึกก้องไปทั้วทั้งป่าอันเขียวชอุ่ม ของป่าใหญ่เขาเขียว เหมือนกับการปลุกคนที่นอนหลับใหลให้ลุกขึ้นมารับรู้ในเรื่องของความรักอันยิ่งใหญ่ ที่มีต่อธรรมชาติแห่งนี้ เขาย่อมเสียสละตัวเองเพื่อที่จะให้ทุกคนได้รับรู้ความเป็นจริงทั้งหมดมากการอ่านหนังสือทั่วไป แต่นี้เป็นเรื่องจริงที่ เขาต้องการจะถ่ายทอดออกมาด้วยชิวิตเขา    สืบ  นาคะเสถียร  กับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง  ผู้ที่ทำงานอย่างไม่เคยท้อต่ออุปสรรคใด อีกทั้งหัวใจที่เต็มไปด้วยอุดมการอันแรงกล้า  ในงานที่เขารัก ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยการต่อสู้ที่หน้าสนใจตั่งแต่เล็กจนโต
    ในตอนเด็กนั้นชิวิตของเขานั้นคลุกคลิ่อยู่กับ ธรรมชาติอันเนื่องมาจากการที่เขาเป็นเด็กบ้านนอก ชื่อของเขาในตอนเด็กนั้นคือ สืบยศ (ชื่อจริง) เขาเป็นลูกชายคนโตของอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดที่จังหวัดปราจีนบุรี   เขามีพี่น้องอยู่กันสองคน นิสัยอย่างหนึ่งที่ติดตัวของเขามาตลอดชีวิตของเขาคือเป็นคนที่ทำสิ่งใดต้องทำให้ได้ดี แม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยก็ตามเขาได้อาศัยอยู่กับครอบครัวจนกระทั้งเขาจบจากชั้นการศีกษาชั้นปี ที่4หลังจากนั้นเขาก็ย้ายมาเรียนต่อที่โรงเรียนเซนหลุย์ จังหวักฉะเชิงเทรา การออกจากบ้านตั้งแต่เด็กๆ ทำให้เขาเป็นคนที่พึ่งตัวเองสูง มักจะตัดสินใจด้วยตนเองอยู่เสมอ
ภายหลังจากสำเร็จการศึกกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว เขาไม่เคยคิดว่าจะเรียนป่าไม้เลย เขาอยากเรียนสถาปัตย์มากกว่าเพราะเป็นคนที่ชอบวาดรูป  เขาวาดรูปการ์ตูนได้เก่งมาก ลายเส้น เฉียบขาดมากและยังเขียนการ์ตูนเป็นเล่มเอามให้เพื่อนอ่านกันสมัยตอนเป็นนักเรียน  ในตอนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นเขาสอบไม่ติดคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ไม่ได้ กลับไปติดคณะวนศาสตร์ แทนเขาคิดที่จะสอบรอบที่สอง แต่เนื่องมาจากคุณแม่แย้งว่ากลัวจะเสียเวลา ดังนั้นเขาจึงเริ่มเรียนป่าไม้อย่างจริงจัง  ผลการเรียนของเขานั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดีสมำเสมอ  หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้วก็ว่างงานอยู่ 2 ปี เพราะกรมป่าไม้ยังไม้ มีอัตราว่าง เขาจึงตัอสินใจมาทำงานที่การเคหะแห่งชาติ  มีหน้าที่ปลูกต้นไม้ตามบ้านจัดสรร แต่ทำได้ไม่นานก็ขอลาออกด้วยเหตุผลที่ว่า “ ผมไม่ชอบที่เขาเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับงาน ” จากนั้นก็ไปเรียนต่อปริญญาโท สาขาวนวัฒน์วิทยา ที่คณะวนศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลังจากที่ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะตั้งใจศึกษาวิชาด้านนี้ให้ได้ดีที่สุด  ในที่สุดเขาก็สามารถเข้ารับราชการกรมป่าไม้ได้ โดยไปประจำที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ จังหัวชลบุรี  หลังจากเขารับราชการแล้ว  เขาจึงขอเปลียนชื่อจาก  สืบยศ มาเป็น  สืบ  หลังจากนั้นมาไม่นานเขาก็สามารถที่จะสอบชิงทุนไปเรียนต่อในระดับปริญญาโท สาขาอนุรักษ์วิทยา ที่มหาวิทยาลัยลอนดอย  ประเทศอังกฤษ เป็นเวลาหนึ่งปี และกลับมารับตำแหน่งหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระ จนกระทั้งขอย้ายตัวเองเข้ามาเป็นนักวิชาการกองอนุกรักษ์ สัตว์ป่าทำหน้าที่วิจัยสัตว์ป่าเพียงอย่างเดียว  จนกระทั่งปลายปี พ.ศ 2532 เขาได้รับทุนไปเรียนต่อวิชาเอกที่ประเทศอังกฤษ แต่แล้วเมื่อมีเสียงเรียกร้องให้เขามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ด้วยความเหมาะสมทุกประการ เขาจึงมิอาจปฎิเสธได้  เขาบอกเสมอว่าห้วยขาแข้งคือบ้านของเขา และเขาก็ได้กลับบ้านแล้ว ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งมีพื้นที่ประมาณ 1 ล้านไร่เศษ ตั้งอยู่ในอำเภอบ้านไร่และอำเภอบานสักจังหวัดอุทัยธานี เป็นป่าอนุรักษ์ผืนเดียวในเมืองไทยที่ไม่มีราษฎรเข้าไปบุกรุกอาศัยอยู่เป็นป่าธรรมชาติที่รวมไว้ซึ่งความหลากหลายของพืชและสัตว์ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ยังพอมีสัตว์หายากในธรรมชาติที่พอจะเห็นอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกระทิง วัวแดง ควายป่า นกยูง ช้าง เสือ ค่างคำ ฯลฯ  เขาตั้งใจที่จะรักษาป่าพื้นนี้ให้ได้ เมื่อตอนแรกที่มารับตำแหน่งเขาได้พบกับทีมงานเขาตื่นเต้นดีใจอยางที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  เขารู้สึกว่าเขาเข้ากันได้กับลูกทีม จึงทำให้เขามีความเชื่อมั้นว่าความหวังของเขาต้องสำเร็จ    ลุล่วงไปได้ด้วยดี และเขาก็ต้องพบว่าป่าจำนวน 1 ล้านไร่อยู่ในความรับผิดชอบของข้าราชการ 12 คน เจ้าพนักงานพิทักษ์ป่า 30 คน และลูกจ้างชั่วคราว 120 คน แต่ละหน่วยจะต้องรับผิชอบพื้นที่ป่าถึงหน่วยละ 1 แสนกว่าไร่  หน่วยพิทักษ์ป่าแต่ละแห่งอยู่ลึกเข้าไปในป่ามาก อย่างหน่วย องทั่ง อยู่ในป่าทางตอนใต้ ต้องนั่งรถเข้าไปแล้วต่อเรืออีกทอด ใช้เวลาเดินทาง 3วัน  กว่าจะถึงที่ทำการหน่วย หากเป็นหน้าฝนก็ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก  อีกทั้งยังต้องตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงของการที่จะถูกทำร้ายได้ง่าย  จากพวกมิชาชิพต่างที่ต้องการผลประโยชน์จากป่า   ดังนั้นเขาจึงได้พยายามที่สร้างความมั้นคงในการที่จะทำให้บุคคลที่ทำงานด้วยกันมีสวัสดีการและการประกันชีวิตให้แก่เจ้าหน้าที่พนักงาน  สืบไม่เคยย่อท้อต่อปํญหาที่เกิดขึ้นเขาไม่เคยเรียกร้องให้เพื่อนร่วมงานต้องทำงานหนักเท่ากับเขา เขาทุ่มเทความพยายามตลอดเวลาเพื่อพิสุจน์ให้องค์การยูเนสโกเห็นว่าป่าทั้งสองแห่งนี้มีความหมายเหมาะที่จะเป็น “ เขตมรดกทางธรรมชาติของโลก ”เพื่อให้ชาวโลกช่วยกันปกป้อง ไม่ใช่คนไทยเท่านั้น โดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้านเมืองนี้ที่ไม่เคยมีความจริงใจต่อการแก้ใขปัญหา ป่าไม้เมืองไทย เขาเป็นคนมุ่งมั่น และเชื่อมั่นใความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น เขาเป็นคนมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า จะทำอะไรต้องทำให้ได้ดีและรวดเร็ว  เมื่อความมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อห้วยขาแข้ง  ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับจากระบบราชการและผู้มีอำนาจในเมืองไทย เมื่อคนของเขากำลังจะตาย โดยที่เขาไม่สามารถอาจปกป้องชีวิตคนเหล่านั้นได้ เขาเคยปราภว่าจะลาออกแล้วออกไปบวช แต่เขาก็ไม่ลาออก เพราะเขาต้องรับผิดชอบต่อความเชื่อของเขา การลาออกเป็นการทรยศต่อตัวเอง ทรยศต่อห้วยขาแข้ง  และทรยศต่อลูกทีมของเขาเอง  ก่อนรุ่งสางของวันที่ 1 กันยายน  2533  สืบ นาคะเสถียร  ก็ได้ใช้ปืนพกประจำตัวฆ่าตัวตาย  การมีชีวิตอยู่ต่อไปของเขา ไม่สามารถทำให้ ความมุ่งมั่น  ความเชื่อของเขาเป็นจริงได้  การมีชีวิตของเขาไม่อาจจะช่วยเหลือคนของเขาได้   เขาเป็นคนที่ไม้เคยทรยศต่อหลักการและความมุ่งมั่นของตนเอง
    ที่ผมนำเรื่องนี้มาเป็นตัวอย่างบุคคลที่แสดงให้เราเห็นว่าการที่คนเรานั้นมีความเสียสละให้กันก็จะทำให้  เราอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขโดยที่เราจะไม่ต้องเสียคนดีๆ ที่ทำประโยชน์ให้กับสังคม   ซึ่งน้อยคนนักในปัจจุปันที่จะทำได้อันเนื่องมาจากระบบ ทุนนิยมที่เขามามีบทบาททำให้เรานั้นเป็นคนที่เห็นแก่ตัวไม่ย่อมเป็นผู้ให้ ส่วนมากมักจะเป็นผู้รับ เสียมากว่ารวมทั้งการที่เรานั้นไม่ย่อมสนใจใจธรรมชาติแต่เราจะเน้นวัตถุนิยมซะมากกว่า      ส่วนในการทำลาย ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ หรือว่าการเข้ามา ล่าสัตว์ ซึ่งในการทำอย่งนี้แสดงให้เห็นว่า  เป็นการทำอะไรที่เห็นแก่ตัวมากเกินไป  โดยที่ไม่มองดูว่าจะเกิดผลกระทบอะไรตามมาสิ่งที่เขาแสดง สื่อออกมานั้นคือการที่เรานั้นรักกับธรรมชาติให้มาก เหมือนกับว่าเรารักษาตัวเราเอง รวมทั้งการทำงานใดก็ควรจะเป็นคนที่มุ่งมั่นที่จะทำงานให้เต็มที่เพื่อ  ไม่ใช่การทำงานที่สักแต่จะทำ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘