8ชาลี

ชาลี แชปปลิน

      ผู้สร้างความหวังให้โลกด้วยเสียงหัวเราะในชีวิตของคนเราแต่ละคนคงจะต้องมีบุคคลในดวงใจกันอย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีซักคนแน่นอน คน ๆ นั้นอาจจะเป็นคนใกล้ตัวเรา เช่น คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ พี่ ป้า น้า อา ญาติ ๆ เรา ที่เราเห็นแล้วชื่นชม ประทับใจมาแต่เด็ก ๆ หรือไม่ก็คนไกลตัวไปเลย มีทั้งแบบอยู่ประเทศเดียวกัน อยู่ต่างประเทศกัน เสียชีวิตไปแล้วบ้าง ยังมีชีวิตอยู่บ้าง ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ มีคุณงามความดี หรือทำความดีความชอบจนเป็นที่รู้จักนับถือกันไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นดารา นักร้อง นักแสดง นักเขียน นักพูด นักการเมือง ( ที่หลายคนอาจจะเกลียดนักเกลียดหนา แต่ก็ยังมีอีกหลายคนเห็นว่าดี ) กษัตริย์ราชวงศ์ต่าง ๆ พระสงฆ์องค์เจ้า หรือแม้กระทั่งตัวการ์ตูน หรือบุคคลสมมติบนแผ่นฟิล์ม ที่หลาย ๆ คนลงความเห็นว่าเป็นสิ่งไร้สาระ แต่กับอีกหลาย ๆ คนกลับมองเห็นความสำคัญ
     และแน่นอนที่สุดที่ตัวข้าพเจ้าเองก็ต้องมีบ้างเช่นกันและก็ยังมีอยู่หลายคนเสียด้วยแต่คนที่จะกล่าวถึงนี้มันเป็นความประทับใจที่เริ่มจากการได้มีโอกาสไปดูหนังเงียบซึ่งเป็นหนังขาวดำเป็นครั้งแรก
     ในหนังนั้นผู้คนเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วกว่าปกติ ทำให้นึกขำอยู่ในใจ แต่เมื่อได้ดูต่อไปอีกซักพักก็ได้เห็นตัวแสดงชายหน้าแปลก ๆ ท่าทางแปลก ๆ ลักษณะของเค้า คือ สวมกางเกงพองเหมือนถุง ใส่เสื้อคับติ้ว สวมหมวกทรงกะลา รองเทาคู่ยักษ์ และไว้หนวดจิ๋ม แล้วเดินด้วยท่าทางที่เดินลากโดยปลายเท้าหันออกด้านข้าง ซึ่งต่อมาข้าพเจ้าได้ทราบว่าลักษณะเหล่านี้เป็นลักษณะของคนจรจัดในสมัยนั้น ( สมัยวิกตอเรีย ) นั่นเอง เมื่อได้เห็นลักษณะท่าทางต่าง ๆ นั้นแล้วทำให้ข้าพเจ้าเก็บความขำไว้เพียงในใจไม่ได้อีกต่อไป จนต้องหัวเราะออกมา ตั้งแต่นั้นมาก็รู้สึกประทับใจบุคคลผู้นั้นตลอดมา มีอยู่หลายต่อหลายครั้งที่ข้าพเจ้าเคยใช้ลักษณะท่าทางของเค้าแสดงเล่นให้เพื่อนดูและก็มักจะเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อน ๆ ได้เสมอ ๆ เค้าช่างเป็นคนที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้คนได้มากมายจริง ๆ ถึงแม้ว่าในวันนี้เค้าจะไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วก็ตาม แล้วก็มาถึงวันที่ข้าพเจ้าได้รู้ว่าเค้าคนนั้นเป็นใครเมื่อเก็บความสงสัยไว้ในใจต่อไปไม่ได้จึงไปถามพ่อของข้าพเจ้าดู
     และข้าพเจ้าก็ได้รู้ว่าเค้าคนนั้น ก็คือ ชาลี แชปปลิน ดาราตลกเงียบผู้ยิ่งใหญ่ ข้าพเจ้าจึงไปค้นหาประวัติของเค้ามาศึกษาและได้รู้ว่าชีวิตของชาลี แชปปลินนั้นน่าสนใจมาก เค้าไม่ใช่คนที่มีฐานะร่ำรวยมาแต่กำเนิด ชาลี แชปปลินมีชื่อเต็ม ๆ ว่า ชาร์ลส สเปนเซอร์ แชปปลิน เค้ามีพี่ชายอยู่ 1 คน ชื่อ ซิดนีย์ พ่อและแม่ของชาลีนั้นมีอาชีพเป็นนักแสดงในโรงละครซึ่งสิ่งนี้คงจะเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นมาสู่ชาลีและพี่ชายของเขาในเวลาต่อมานั่นเอง
     ถึงแม้ว่าพ่อ แม่ของชาลีจะไม่มีชื่อเสียงดีเด่นอะไรนัก แต่พวกเขาก็ตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี ทำให้ครอบครัวแชปปลินมีชีวิตสุขสบายตามอัตภาพ ความสุขมักอยู่กับเราไม่นานเมื่ออาชีพศิลปินทำให้พ่อของชาลีขยับฐานะการดื่มเพื่อมิตรภาพไปสู่โรคแอลกอฮอลิซึ่ม
     ชีวิตแต่งงานของพ่อแม่ของชาลีจึงจบลงซึ่งมันทำให้แม่ของเขาลำบากขึ้นมากที่ต้องดูแลลูกทั้ง 2 ตอนนั้นซิดนีย์ 8 ขวบ และชาลีเพียง 3 ขวบเท่านั้นซึ่งมันทำให้พวกเขายากจนลงอีกมากแต่ด้วยความรักลูกมาก เธอจึงไม่เคยเอ่ยปากบ่น เธอพยายามดูแลลูก ๆ ของเธออย่างดีที่สุดและนั่นก็เป็นเหตุผลเดียวที่ไม่ทำให้ชาลีกลายเป็นเด็กเหลือขอ
     มีปัญหาอย่างที่ควรจะเป็น แม่ของชาลีมักจะนั่งที่หน้าต่างคอยดูคนผ่านเดินผ่านไปผ่านมา คาดเดาบุคลิก หรือล้อเลียนทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเห็น ชาลีดูการแสดงของแม่และซึมซับมันเอาไว้ซึ่งมันก็เป็นผลดีต่อเขาในภายหลัง หลังจากนั้นแม่ของชาลีป่วยจนต้องถูกส่งเข้าโรงพยาบาล ทั้งสองพี่น้องได้รับการบอกเล่าว่าแม่ของพวกเขานั้นจิตวิปลาส เพราะปัญหารุมเร้า พวกเขาจึงถูกส่งไปอยู่กับพ่อ ได้เรียนหนังสือบ้างนิดหน่อยและเขาก็ไม่ชอบที่จะเรียนเท่าใดนัก เมื่อแม่หายจึงกลับมาอยู่กับแม่อีกและก็ยากจนเหมือนเดิม แม่และพี่ทำงานหาเงินอย่างหนักชาลีจึงคิดที่จะช่วยบ้าง พ่อพาชาลีและพี่ชายไปฝากที่วงหนุ่มน้อยทั้งแปดแห่งแลงคาสเชียร์ ซึ่งเป็นคณะละครเร่ที่เล่นโดยเด็กนักเต้นระบำที่สวมเกือกไม้ ก้าวแรกของชาลีในโลกแห่งการแสดงประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่เพียงแค่ 2 ปี ชีวิตของเขาในคณะก็สิ้นสุดลง ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ยังพยายามทำงานอย่างอื่นแทนในตอนนั้นเขามีอายุเพียง 11 ปีเท่านั้น แล้วโชคร้ายก็ยังมีไม่จบสิ้นเมื่อแม่ต้องเข้าโรงพยาบาลอีก พี่ชายก็ไปทำงานไกลบ้าน และตอนนี้เขาก็เหลือตัวคนเดียว ด้วยวัยเพียง 14 ปี และหน้าตาน่ารัก เมื่อเขาไปยังสำนักงานนายหน้า เขาก็ได้รับการเสนอให้รับเล่นละคร แม้จะอ่านหนังสือไม่ได้แต่เขาเรียนรู้เร็ว
     แล้วเขาก็ประสบความสำเร็จด้วยวัยเพียง 26 ปี ต่อมาเส้นทางสู่การเป็นราชาหนังเงียบก็อ้าแขนรับเขาเมื่อได้รับข้อเสนออีกครั้งให้เล่นภาพยนต์แทนดาราประจำบริษัทสร้างภาพยนต์คนหนึ่ง
     เขาใช้เวลาสังเกตและเรียนรู้อยู่พักนึงแล้วจึงตัดสินใจที่จะสร้างภาพยนต์เอง เขาทำเองทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการเขียนบท กำกับ แสดงนำ ไปจนถึงตัดต่อด้วยสิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งเงินทอง ความสำเร็จ เกียรติยศและชื่อเสียง แต่เขาก็ยังไม่ได้รับความสุขอย่างที่ทุกคนคาดไว้ เขาแต่งงานถึง 4 ครั้ง ด้วยความที่เป็นคนรูปหล่อ ร่ำรวย และตกหลุมรักใครต่อใครได้ง่าย ๆ สาว ๆ จึงจ้องเขาตาเป็นมัน และเหตุผลสำคัญคือเขารักงานมากเกินไป งานสำหรับชาลีเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง เขากล่าวว่า “การทำงาน คือ การมีชีวิต ผมรักที่จะมีชีวิต “ เขาจึงไม่เคยหยุดทำงาน ดังนั้นชีวิตครอบครัวเขาจึงไม่ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น จนมาถึงการแต่งงานครั้งที่ 4 เขาแต่งงานกับเด็กสาวอายุเพียง 18 ในขณะที่เขา 54 ท่ามกลางเสียงคัดค้าน แต่พวกเขาก็รักกันมาก ชีวิตของชาลีแชปปลินจึงมีความสุขมากในช่วงบั้นปลาย เขาได้รับการแตะดาบโดยพระราชินีอลิซาเบทที่2ได้รับรางวัลมากมายและมีครอบครัวที่น่ารัก
     ไม่เพียงการแสดงที่เรียกเสียงหัวเราะและประวัติชีวิตที่น่าสนใจนี้เท่านั้นที่ทำให้ข้าพเจ้าประทับใจชาลี  แชปปลินผู้นี้ แต่การศึกษาประวัติของเขาทำให้ได้รู้ว่า ผู้ชายคนนี้เขาได้สอนอะไรไว้ให้มากมาย
     ข้อแรก ประทับใจมากที่เขาเป็นคนที่รักแม่มาก ๆ เขาไม่เคยลืมแม่เลยไม่ว่าเวลาใด และก็ไม่รังเกียจที่แม่ของตัวเองมีจิตวิปลาส หรือเป็นบ้านั่นเอง เมื่อเขามีชื่อเสียง มีเงินทองก็ไม่ลืมที่จะไปรับแม่มาอยู่ด้วย เขากล่าวถึงแม่ของเขาเอาไว้ว่า “ ผมรู้สึกเหมือนกับว่าแม่ของผม คือ ผู้หญิงที่มีสง่าราศีที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จักผมได้พบกับผู้คนมากมายทั่วโลก แต่ผมก็ไม่เคยได้รู้จักกับผู้หญิงที่ประเสริฐเท่าแม่ของผมเลย ไม่ว่าผมจะมีเงินทองเท่าไรทุกอย่างผมจะยกให้เธอ “
     ข้อสอง เป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มั่นใจ และกล้าหาญ เขาไม่พอใจกับบทตลกที่มีคนเขียนให้ก็ดื้อรั้นไม่ยอมเล่นจนได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ เขาจึงดูแลเขียนบทและกำกับเองตามความคิดและความชอบส่วนตัวโดยไม่หวาดหวั่นว่า จะได้รับความนิยมหรือไม่
ซึ่งการทำเช่นนี้ส่งผลต่อมาให้เขาถูกกล่าวหาว่า เป็นคอมมิวนิสต์ในประเทศประชาธิปไตยอย่าง
สหรัฐอเมริกาจากหนังของเขาเอง แต่เขาก็ออกมารับอย่างกล้าหาญว่า “ ผมไม่ใช่คอมมิวนิสต์ผมเป็นนักค้าสันติภาพ ผมเกลียดคอมมิวนิสต์ แต่ชื่นชมความกล้าหาญของทหารรัสเซีย “ เป็นเหตุให้เขาต้องถูกเนรเทศออกจากสหรัฐอเมริกาเป็นระยะเวลาหนึ่ง
     ข้อที่สาม ชาลีเป็นคนที่มีความอดทนดีในบางเรื่อง มีความพยายาม และมีการฝึกฝนสม่ำเสมอซึ่งถือเป็นคุณสมบัติของศิลปินทุกแขนง มีความอดทน และความพยายาม เริ่มตั้งแต่ยังเด็ก เขาพยายามหางานทำช่วยแม่และพี่หาเงินซึ่งล้วนแต่เป็นงานซึ่งหนักมากด้วยสำหรับเด็ก
เมื่อเข้าวงการก็พยายามเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ แม้ว่าจะอ่านหนังสือไม่ได้ แต่ด้วยความที่เรียนรู้เร็วและช่างสังเกตบวกกับความพยายามที่มีอยู่มากในตัวทำให้เขาประสบความสำเร็จทั้งด้านการแสดงการสร้างหนังและด้านธุรกิจซึ่งเขาไม่เคยมีความรู้พื้นฐานมาก่อนเลย
     ข้อที่สี่ ขยัน ตั้งใจทำงานเป็นอย่างมาก เขามีความคิดและต้องการสร้างงานใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งความขยันมากเกินไปของเขาทำให้ชีวิตเขาเองไม่มีความสุขแต่การตั้งใจทำงานของเขาก็เป็นสิ่งสอนใจที่ดี    ไม่มีงานชิ้นไหนที่เขายังไม่เห็นว่ามันดีเยี่ยมมาก ๆ เสียก่อนจะถูกนำออกมาฉายได้ เขาเคยเทคฉากเดียวถึงกว่า 700 ครั้งแล้วมันก็ได้ออกฉายเพียงไม่กี่นาที เขายังถ่ายทำโดยใช้ฟิล์มถึง 314,256 ฟุต แต่ตัดต่อออกฉายแล้วเหลือเพียง 8,093 ฟุตเท่านั้น
     ข้อที่ห้า เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการ และมีมุมในการสร้างสรรค์ที่แปลกและแตกต่าง เช่น เพียงแค่เคยอ่านพบเรื่องความทุกข์ของนักขุดทองต่อมามันก็กลายมาเป็นหนังเรื่อง The Gold Rush ( นักขุดทอง ) ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เป็นต้น
     ข้อที่หก ไม่เป็นวัวลืมตีนเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จบางคน ไม่เคยถือตัวว่าเขาเป็นอัจฉริยะ เป็นมหาเศรษฐีต้องเหนือกว่าคนอื่นเสมอ แต่เขามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างง่าย ๆ มีข้าวของส่วนตัวเพียง2-3ชิ้นอย่างที่เคยเป็นมา
     สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ข้าพเจ้ายิ่งประทับใจเขามากยิ่งขึ้นจะขอยืนยันว่าจะรับและจดจำสิ่งดี ๆ จากเขา ที่ได้พยายามสร้างสรรค์เอาไว้มาใช้ให้ประโยชน์อย่างแน่นอน ชาลี แชปปลิน คือ ผู้สร้างความหวังให้โลกด้วยเสียงหัวเราะอย่างแท้จริง ในเวลาที่ความเครียดกลายเป็นโรคร้ายที่มวลมนุษยชาติกำลังเผชิญไม่มีแพทย์คนใดรักษาได้
     เรามาหัวเราะกันเถอะแม้วันละนิดก็ยังดี.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘