วิชาการพูด 44

วิธีการชนะใจคน
เรียนเอาจารย์ที่เคารพ   และสวัสดีเพื่อนนักศึกษาทุกคน 
ปีเก่าไปปีใหม่เข้ามาเพื่อน ๆ  เคยลองทบทวนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาบ้างหรือเปล่าคะ  ว่าได้ประสบพบเจออะไรมาบ้าง  สิ่งที่ดิฉันอยากให้เพื่อน ๆ ลองทบทวนเป็นพิเศษก็คือ  คำพูดของเพื่อน ๆ เองแหละค่ะว่าปีที่ผ่านมาคำพูดของเราได้สร้างประโยชน์อะไรไว้บ้าง  คำพูดของเราทำให้ผู้ฟังรู้สึเป็นอย่างไร  คำพูดของเราทำร้ายจิตใจใครหรือเปล่า  คำพูดของเราสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นหรือไม่ ดิฉันเองก็ลองทบทวน การกระทำคำพูดของดิฉันเช่นกันค่ะว่าดิฉันก็กระทำสิ่งไม่ดีมากมาย พูดจาไม่สุภาพบ้างละ  ล้อเล่นจนเกิน พอดีบ้างหล่ะ  พูดก่อนคิดบ้าง  อื่น ๆ อีกมากมายเลย จนดิฉันได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง
ดิฉันพบหนังสือเล่มนี้โดยบังเอิญค่ะ  ซึ่งครั้งที่อาจารย์ส่งงานดิฉันไม่คิดว่าจะอ่านเล่มนี้หรอกนะคะ  แต่มัน เป็นเรื่องของความบังเอิญจริง ๆ ค่ะ  เพราะว่าดิฉันช่วยเพื่อนหาหนังสือทำรายงานปรัชญาค่ะ ซึ่งได้หัวข้อ มาว่า  "การจูงใจคน"  ค้น ๆ หนังสือบนชั้นหนังสือห้องสมุด ม.ช.นี่แหละค่ะก็เจอหนังสือเล่มนี้  ชื่อว่า  "การพูดชนะอารมณ์และจูงใจคน"  ของ ม.ร.ว.ชนม์สวัสดิ์  ชมพูนุท  ดิฉันไม่ทราบประวัติของนักเขียนท่าน นี้เลยค่ะ  แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นคนที่เข้าใจผู้อื่นได้ดีมิเช่นนั้นคงจะเขียนหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ เมื่อดิฉันอ่าน ชื่อหนังสือก็แหม...ตรงกับงานที่อาจารย์สั่งพอดีเลยละค่ะ  หนังสือเล่มนี้ก็เกี่ยวกับการพูด  ดูจากปกที่เขียน ไว้ดิฉันก็เข้าใจว่าคงจะมีเทคนิคการพูดชนะอารมณ์และจูงใจคนตามที่เขียนไว้พอเปิดอ่านดูก็มีจริง ตามที่ได้คาดได้ไว้ละค่ะ    แต่มีมากกว่าที่คิดค่ะก็คือ   วิธีชนะรัก    อ่ะแฮม...   วิธีนี้ หลาย ๆ คนคงสนใจ  แทบไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าหนังสือเล่มนี้จะมีเรื่องรัก ๆ ให้เราอ่านกันด้วย  หนังสือเล่มนี้ก็เต็มไปด้วยสาระน่า รู้ต่าง ๆ มากมาย  และก็มีหลายประเด็นที่สนใจด้วยค่ะ  ขณะที่ดิฉันอ่าน ๆ ไปดิฉันก็คิดไปตลอดว่าจะจัดการ เนื้อหาที่เต็มไปด้วยข้อคิดนี้อย่างไร  เพื่อจะถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ  ได้รู้ว่าหนังสือเล่มนี้ดีจริง ๆ
ในที่สุดดิฉันก็ได้ค้นพบประเด็นหลัก ๆ ของหนังสือเล่มนี้ที่ผู้เขียต้องการเสนอให้ผู้อ่านได้รับรู้ และดิฉัน ก็ต้องการจะถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ  ได้เข้าใจเช่นกัน  อย่างแรกก็คือ  วิธีชนะรัก  อย่างที่สองก็คือ  วิธีชนะอารมณ์  และสุดท้ายก็คือ  วิธีเอาชนะใจผู้อื่น  ซึ่งเป็นประเด็นที่ดิฉันล้วนแต่ได้ข้อคิดทั้งนั้น
เรามาฟังวิธีชนะรักกันก่อนเลยนะคะ  เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้วว่า ความรักนั้นนับว่าเป็นรากฐาน อันสำคัญที่สุดที่จะทำให้เรามีความสุข  จิตใจเบิกบานแจ่มใส  แต่ในบางครั้งความรักก็ทำให้มนุษย์อย่างเรา ๆ  ต้องทุกข์ทรมานเช่นกันค่ะ  เช่น  อกหัก  รักไม่สมหวัง  ความรักจึงทำให้เรามีทั้งสุขและทุกข์  เราจึงควรต้องเรียนรู้เข้าใจความรัก  แก้ไขให้รักดีนั้น  รู้จักวิธีที่จะเอาชนะใจชนะรักก็คือทำให้คนที่เรา รักนั้นมีความรักเรา  ซื่อสัตย์ต่อเราพาเราไปพบความสุข  แล้วจะทำอย่างไรละคะ  หนังสือเล่มนี้ได้ให้ หลักการว่า การที่เราจะชนะรักคือได้รับความรักจากคนอื่นด้วยความจริงใจ เราจะต้องรักเขาอย่าง จริงใจเสียก่อน  แล้วเขาผู้นั้นก็จะรักเราตอบอย่างจริงใจ  ยกตัวอย่างง่าย ๆ  ก็คือ  ความรักของพ่อแม่ ได้เองโดยไม่ต้องมีใครมาบอก  เห็นไหมหล่ะคะว่าต่างก็รักกันด้วยใจจริง
อย่างไรก็ตามทุกข์จากความรักก็มีค่ะ  เช่น ความห่วง  ความหวง ความกลัว  ว่าสิ่งที่ตนรักจะเป็นอันตราย  เราก็แก้ไขได้ด้วยการปล่อยวางซะเถอะค่ะ  ว่าเขาไม่ใช่คู่เรา  แหม...ยากจังเลยนะคะวิธีนี้ แต่ดิฉันเชื่อว่า คงไม่ยากเกินความสามารถของเพื่อน ๆ หรอกค่ะ
นอกจากนี้ยังมีอีกอย่างหนึ่ง  ก็คือ  "อย่าไปจริงจังต่อความรักให้มากนัก"  ซึ่งก็คือความพอดียังไงคะ  จะรักใครก็เผื่อใจไว้บ้างนะคะ  และที่สำคัญที่สุดก็คือ  การเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน ทำแล้วใจเรา มีความสุข และเราก็ได้ความรักจากผู้อื่นตอบ  นั่นคือเราชนะรักโดยสมบูรณ์แล้วค่ะ
เรามาฟังวิธีชนะอารมณ์กันต่อเลยนะคะ  เพราะก่อนที่เราจะชนะใจผู้อื่นได้ เราจะต้องชนะใจเราให้ได้ก่อน นะคะ  หลักสำคัญที่หนังสือเล่มนี้กล่าวไว้ก็คือ  ละชั่วทำแต่ความดีและทำใจให้บริสุทธิ์  ยกตัวอย่างง่าย ๆ  เลยนะคะ  ถ้าเพื่อนถูกคุณพ่อคุณแม่ดุ  ว่ากล่าวตักเตือน  ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม  แล้วทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกโมโห  อยากเถียง  อยากปริปากพูด  หยุดความคิดนั้นไว้ก่อนค่ะ  เปลี่ยนความคิดว่าท่านกำลังสั่งสอนเราอยู่  เราคือลูก  ไม่ควรเถียงพ่อแม่  นิ่งรับฟังทบทวนคำพูดของท่านดูสิคะ  เห็นไหมค่ะว่าละชั่วทำความดี  ทำใจให้บริสุทธิ์นั้นไม่ยากเลยค่ะ  ดังนั้นก่อนที่เพื่อน ๆ จะทำอะไรลงไปคิดไตร่ตรองเหตุผลสักนิด  แล้วเพื่อน ๆ ก็จะกลายเป็นผู้ที่ชนะอารมณ์  ชนะใจตัวเองได้อย่างแท้จริงค่ะ
ประเด็นสุดท้ายก็คือ  วิธีเอาชนะใจคนอื่น  ทั้งการเอาชนะใจคู่สนทนา  เอาชนะใจคนทั่วไป  จูงใจคนนั้น คนนี้  ซึ่งขึ้นอยู่กับการพูดทั้งสิ้น  แต่ละวิธีก็จะะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน จะต่างกันก็แค่รายละเอียดปลีกย่อย เท่านั้นะค่ะ  ดิฉันจึงได้รวบรวมแนวคิดการเอาชนะใจผู้อื่นไว้เป็นหัวข้อเดียวกัน  เพื่อที่เพื่อน ๆ จะได้เข้าใจ ง่าย  ก็คือ 
หนึ่ง  บุคลิกท่าทางและการแต่งกาย  ซึ่งต้องสง่างาม  ยิ้มแย้มแจ่มใส  อ่อนโยน  การแต่งกาย ที่สะอาด เรียบร้อยจะช่วยเสริมให้ดูดีขึ้น 
สองก็คือ  การเริ่มต้นด้วยไมตรีจิต  ประธานาธิบดี  อับราฮัม  ลินคอล์น  ได้กล่าวไว้ว่า  "น้ำผึ้งหยดเดียว จับแมลงวันได้มากกว่าน้บรเพ็ดหนึ่งแกลลอน"   ซึ่งแสดงว่าไมตรีย่อมเป็นที่ปรารถนาของคนทั่วไป  ใบหน้าที่ ยิ้มแย้ม  ถ้อยคำที่สุภาพอ่อนหวาน  ใคร ๆ ก็ต้องการทั้งนั้นแหละค่ะ 
อย่างที่สามคือ  ให้ความสนใจใส่ใจคนอื่น  เพราะโดยพื้นฐานแล้วมนุษย์ต้องการเด่นอยู่ในตัว  อยากให้ สนใจตนเองมากกว่าผู้อื่น  ดังนั้นถ้าเพื่อนต้องการให้คนฟังสนใจเพื่อน ๆ ก็ต้อง สนใจฟังคำพูดเรื่องของเขา เสียก่อนค่ะ 
ประการที่สี่นี้นับว่าสำคัญมากก็คือ  การเคารพและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น  โดยเมื่อเขาพูด เราก็ตั้งใจฟัง  ถ้าเรารู้สึกขัดแย้งก็อย่าโต้เถียงหรือค้านทันที  แต่จงรับฟังคิดใคร่ครวญตามเหตุตามผล  แต่ถ้าหาก เพื่อน ๆ รู้สึกว่า  "ยัยนี่พูดมากเหลือเกิน"   ความรำคาญเกิดขึ้น อารมณ์อึดอัดก็มีอย่าให้ อารมณ์มาชนะ ใจเรานะคะ  นั่งฟังเสีย  ปล่อยให้เขาพูดไปอย่าไปขัดคอเชียวนะคะ  แม้จะรู้สึกฝืนก็ตาม พยายามแต่ง ใบหน้าว่าชอบฟังไว้ค่ะ  เพราะเราอยากชนะใจเขานี่ 
ประการสุดท้ายก็คือ  การมองคนอื่นในแง่ดี ซึ่งจะทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกสบายใจค่ะ  เช่น ควรให้อภัยในความผิด พลาดของผู้อื่น  เข้าใจเขาสักนิด  หากเพื่อต้องการให้เขาหยุดทำ  เปลี่ยนพฤติกรรม  ดิฉันขอบอกไว้เลยค่ะ ว่าอย่าห้ามค่ะแต่เลี่ยง ๆ เป็นว่าแนะนำ  เพราะยิ่งห้ามก็ยิ่งยุค่ะ  แสดงความคิดเห็นของเพื่อน ๆ เอง  และให้กำลังใจว่าเขาจะต้อง ทำได้ดีอย่างแน่นอน  อย่าไปติเตียนเป็นอันขาดนะคะ  คนเราชอบให้ผู้อื่น ยกย่องชมเชย ไม่ชอบให้ใครมา วิจารณ์หรอกค่ะ  เพียงเท่านี้เขาก็จะชื่อและปฏิบัติตามที่เพื่อน ๆ บอกค่ะ
นอกเหนือจาก 5 ประการที่ดิฉันกล่าวมาแล้ว  เพื่อน ๆ อย่าลืมจุดประสงค์ที่แน่นอนของเพื่อน ๆ ด้วยนะคะว่า  ต้องการเอาชนะใจคนนั้นเพื่ออะไร  ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักเพื่อน  แม้กระทั่งคนรัก 5 วิธีนี้รับรองค่ะว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
นอกจากที่ดิฉันกล่าวมาข้างต้นนี้  หนังสือเล่มนี้ยังมีวิธีการฝึกเป็นนักพูดที่ดีอีกด้วย ซึ่งก็มีสาระตรงกับที่ อาจารย์สอนอยู่แล้วดิฉันจึงไม่ได้หยิบมาพูดให้เพื่อน ๆ ฟัง
ทั้งหมดนี้คือข้อคิดคือสิ่งที่ดิฉันได้รับจากหนังสือเล่มนี้ค่ะ  ทั้งวิธีชนะรัก  วิธีชนะอารมณ์  วิธีชนะใจผู้อื่น ซึ่งทำให้ดิฉันอยากถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ฟัง  ดิฉันคงบอกได้เพียงเสี้ยวหนึ่งของหนึ่งเล่มนี้เท่านั้น  จึงอยากให้เพื่อน ๆ ได้ลองอ่านดูค่ะ.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘