วิชาการพูด 44
วิธีการชนะใจคน
เรียนเอาจารย์ที่เคารพ และสวัสดีเพื่อนนักศึกษาทุกคน
ปีเก่าไปปีใหม่เข้ามาเพื่อน ๆ เคยลองทบทวนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาบ้างหรือเปล่าคะ ว่าได้ประสบพบเจออะไรมาบ้าง สิ่งที่ดิฉันอยากให้เพื่อน ๆ ลองทบทวนเป็นพิเศษก็คือ คำพูดของเพื่อน ๆ เองแหละค่ะว่าปีที่ผ่านมาคำพูดของเราได้สร้างประโยชน์อะไรไว้บ้าง คำพูดของเราทำให้ผู้ฟังรู้สึเป็นอย่างไร คำพูดของเราทำร้ายจิตใจใครหรือเปล่า คำพูดของเราสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นหรือไม่ ดิฉันเองก็ลองทบทวน การกระทำคำพูดของดิฉันเช่นกันค่ะว่าดิฉันก็กระทำสิ่งไม่ดีมากมาย พูดจาไม่สุภาพบ้างละ ล้อเล่นจนเกิน พอดีบ้างหล่ะ พูดก่อนคิดบ้าง อื่น ๆ อีกมากมายเลย จนดิฉันได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง
ดิฉันพบหนังสือเล่มนี้โดยบังเอิญค่ะ ซึ่งครั้งที่อาจารย์ส่งงานดิฉันไม่คิดว่าจะอ่านเล่มนี้หรอกนะคะ แต่มัน เป็นเรื่องของความบังเอิญจริง ๆ ค่ะ เพราะว่าดิฉันช่วยเพื่อนหาหนังสือทำรายงานปรัชญาค่ะ ซึ่งได้หัวข้อ มาว่า "การจูงใจคน" ค้น ๆ หนังสือบนชั้นหนังสือห้องสมุด ม.ช.นี่แหละค่ะก็เจอหนังสือเล่มนี้ ชื่อว่า "การพูดชนะอารมณ์และจูงใจคน" ของ ม.ร.ว.ชนม์สวัสดิ์ ชมพูนุท ดิฉันไม่ทราบประวัติของนักเขียนท่าน นี้เลยค่ะ แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นคนที่เข้าใจผู้อื่นได้ดีมิเช่นนั้นคงจะเขียนหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ เมื่อดิฉันอ่าน ชื่อหนังสือก็แหม...ตรงกับงานที่อาจารย์สั่งพอดีเลยละค่ะ หนังสือเล่มนี้ก็เกี่ยวกับการพูด ดูจากปกที่เขียน ไว้ดิฉันก็เข้าใจว่าคงจะมีเทคนิคการพูดชนะอารมณ์และจูงใจคนตามที่เขียนไว้พอเปิดอ่านดูก็มีจริง ตามที่ได้คาดได้ไว้ละค่ะ แต่มีมากกว่าที่คิดค่ะก็คือ วิธีชนะรัก อ่ะแฮม... วิธีนี้ หลาย ๆ คนคงสนใจ แทบไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าหนังสือเล่มนี้จะมีเรื่องรัก ๆ ให้เราอ่านกันด้วย หนังสือเล่มนี้ก็เต็มไปด้วยสาระน่า รู้ต่าง ๆ มากมาย และก็มีหลายประเด็นที่สนใจด้วยค่ะ ขณะที่ดิฉันอ่าน ๆ ไปดิฉันก็คิดไปตลอดว่าจะจัดการ เนื้อหาที่เต็มไปด้วยข้อคิดนี้อย่างไร เพื่อจะถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ได้รู้ว่าหนังสือเล่มนี้ดีจริง ๆ
ในที่สุดดิฉันก็ได้ค้นพบประเด็นหลัก ๆ ของหนังสือเล่มนี้ที่ผู้เขียต้องการเสนอให้ผู้อ่านได้รับรู้ และดิฉัน ก็ต้องการจะถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ได้เข้าใจเช่นกัน อย่างแรกก็คือ วิธีชนะรัก อย่างที่สองก็คือ วิธีชนะอารมณ์ และสุดท้ายก็คือ วิธีเอาชนะใจผู้อื่น ซึ่งเป็นประเด็นที่ดิฉันล้วนแต่ได้ข้อคิดทั้งนั้น
เรามาฟังวิธีชนะรักกันก่อนเลยนะคะ เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้วว่า ความรักนั้นนับว่าเป็นรากฐาน อันสำคัญที่สุดที่จะทำให้เรามีความสุข จิตใจเบิกบานแจ่มใส แต่ในบางครั้งความรักก็ทำให้มนุษย์อย่างเรา ๆ ต้องทุกข์ทรมานเช่นกันค่ะ เช่น อกหัก รักไม่สมหวัง ความรักจึงทำให้เรามีทั้งสุขและทุกข์ เราจึงควรต้องเรียนรู้เข้าใจความรัก แก้ไขให้รักดีนั้น รู้จักวิธีที่จะเอาชนะใจชนะรักก็คือทำให้คนที่เรา รักนั้นมีความรักเรา ซื่อสัตย์ต่อเราพาเราไปพบความสุข แล้วจะทำอย่างไรละคะ หนังสือเล่มนี้ได้ให้ หลักการว่า การที่เราจะชนะรักคือได้รับความรักจากคนอื่นด้วยความจริงใจ เราจะต้องรักเขาอย่าง จริงใจเสียก่อน แล้วเขาผู้นั้นก็จะรักเราตอบอย่างจริงใจ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ ความรักของพ่อแม่ ได้เองโดยไม่ต้องมีใครมาบอก เห็นไหมหล่ะคะว่าต่างก็รักกันด้วยใจจริง
อย่างไรก็ตามทุกข์จากความรักก็มีค่ะ เช่น ความห่วง ความหวง ความกลัว ว่าสิ่งที่ตนรักจะเป็นอันตราย เราก็แก้ไขได้ด้วยการปล่อยวางซะเถอะค่ะ ว่าเขาไม่ใช่คู่เรา แหม...ยากจังเลยนะคะวิธีนี้ แต่ดิฉันเชื่อว่า คงไม่ยากเกินความสามารถของเพื่อน ๆ หรอกค่ะ
นอกจากนี้ยังมีอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ "อย่าไปจริงจังต่อความรักให้มากนัก" ซึ่งก็คือความพอดียังไงคะ จะรักใครก็เผื่อใจไว้บ้างนะคะ และที่สำคัญที่สุดก็คือ การเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน ทำแล้วใจเรา มีความสุข และเราก็ได้ความรักจากผู้อื่นตอบ นั่นคือเราชนะรักโดยสมบูรณ์แล้วค่ะ
เรามาฟังวิธีชนะอารมณ์กันต่อเลยนะคะ เพราะก่อนที่เราจะชนะใจผู้อื่นได้ เราจะต้องชนะใจเราให้ได้ก่อน นะคะ หลักสำคัญที่หนังสือเล่มนี้กล่าวไว้ก็คือ ละชั่วทำแต่ความดีและทำใจให้บริสุทธิ์ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เลยนะคะ ถ้าเพื่อนถูกคุณพ่อคุณแม่ดุ ว่ากล่าวตักเตือน ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม แล้วทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกโมโห อยากเถียง อยากปริปากพูด หยุดความคิดนั้นไว้ก่อนค่ะ เปลี่ยนความคิดว่าท่านกำลังสั่งสอนเราอยู่ เราคือลูก ไม่ควรเถียงพ่อแม่ นิ่งรับฟังทบทวนคำพูดของท่านดูสิคะ เห็นไหมค่ะว่าละชั่วทำความดี ทำใจให้บริสุทธิ์นั้นไม่ยากเลยค่ะ ดังนั้นก่อนที่เพื่อน ๆ จะทำอะไรลงไปคิดไตร่ตรองเหตุผลสักนิด แล้วเพื่อน ๆ ก็จะกลายเป็นผู้ที่ชนะอารมณ์ ชนะใจตัวเองได้อย่างแท้จริงค่ะ
ประเด็นสุดท้ายก็คือ วิธีเอาชนะใจคนอื่น ทั้งการเอาชนะใจคู่สนทนา เอาชนะใจคนทั่วไป จูงใจคนนั้น คนนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการพูดทั้งสิ้น แต่ละวิธีก็จะะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน จะต่างกันก็แค่รายละเอียดปลีกย่อย เท่านั้นะค่ะ ดิฉันจึงได้รวบรวมแนวคิดการเอาชนะใจผู้อื่นไว้เป็นหัวข้อเดียวกัน เพื่อที่เพื่อน ๆ จะได้เข้าใจ ง่าย ก็คือ
หนึ่ง บุคลิกท่าทางและการแต่งกาย ซึ่งต้องสง่างาม ยิ้มแย้มแจ่มใส อ่อนโยน การแต่งกาย ที่สะอาด เรียบร้อยจะช่วยเสริมให้ดูดีขึ้น
สองก็คือ การเริ่มต้นด้วยไมตรีจิต ประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น ได้กล่าวไว้ว่า "น้ำผึ้งหยดเดียว จับแมลงวันได้มากกว่าน้บรเพ็ดหนึ่งแกลลอน" ซึ่งแสดงว่าไมตรีย่อมเป็นที่ปรารถนาของคนทั่วไป ใบหน้าที่ ยิ้มแย้ม ถ้อยคำที่สุภาพอ่อนหวาน ใคร ๆ ก็ต้องการทั้งนั้นแหละค่ะ
อย่างที่สามคือ ให้ความสนใจใส่ใจคนอื่น เพราะโดยพื้นฐานแล้วมนุษย์ต้องการเด่นอยู่ในตัว อยากให้ สนใจตนเองมากกว่าผู้อื่น ดังนั้นถ้าเพื่อนต้องการให้คนฟังสนใจเพื่อน ๆ ก็ต้อง สนใจฟังคำพูดเรื่องของเขา เสียก่อนค่ะ
ประการที่สี่นี้นับว่าสำคัญมากก็คือ การเคารพและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น โดยเมื่อเขาพูด เราก็ตั้งใจฟัง ถ้าเรารู้สึกขัดแย้งก็อย่าโต้เถียงหรือค้านทันที แต่จงรับฟังคิดใคร่ครวญตามเหตุตามผล แต่ถ้าหาก เพื่อน ๆ รู้สึกว่า "ยัยนี่พูดมากเหลือเกิน" ความรำคาญเกิดขึ้น อารมณ์อึดอัดก็มีอย่าให้ อารมณ์มาชนะ ใจเรานะคะ นั่งฟังเสีย ปล่อยให้เขาพูดไปอย่าไปขัดคอเชียวนะคะ แม้จะรู้สึกฝืนก็ตาม พยายามแต่ง ใบหน้าว่าชอบฟังไว้ค่ะ เพราะเราอยากชนะใจเขานี่
ประการสุดท้ายก็คือ การมองคนอื่นในแง่ดี ซึ่งจะทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกสบายใจค่ะ เช่น ควรให้อภัยในความผิด พลาดของผู้อื่น เข้าใจเขาสักนิด หากเพื่อต้องการให้เขาหยุดทำ เปลี่ยนพฤติกรรม ดิฉันขอบอกไว้เลยค่ะ ว่าอย่าห้ามค่ะแต่เลี่ยง ๆ เป็นว่าแนะนำ เพราะยิ่งห้ามก็ยิ่งยุค่ะ แสดงความคิดเห็นของเพื่อน ๆ เอง และให้กำลังใจว่าเขาจะต้อง ทำได้ดีอย่างแน่นอน อย่าไปติเตียนเป็นอันขาดนะคะ คนเราชอบให้ผู้อื่น ยกย่องชมเชย ไม่ชอบให้ใครมา วิจารณ์หรอกค่ะ เพียงเท่านี้เขาก็จะชื่อและปฏิบัติตามที่เพื่อน ๆ บอกค่ะ
นอกเหนือจาก 5 ประการที่ดิฉันกล่าวมาแล้ว เพื่อน ๆ อย่าลืมจุดประสงค์ที่แน่นอนของเพื่อน ๆ ด้วยนะคะว่า ต้องการเอาชนะใจคนนั้นเพื่ออะไร ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักเพื่อน แม้กระทั่งคนรัก 5 วิธีนี้รับรองค่ะว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
นอกจากที่ดิฉันกล่าวมาข้างต้นนี้ หนังสือเล่มนี้ยังมีวิธีการฝึกเป็นนักพูดที่ดีอีกด้วย ซึ่งก็มีสาระตรงกับที่ อาจารย์สอนอยู่แล้วดิฉันจึงไม่ได้หยิบมาพูดให้เพื่อน ๆ ฟัง
ทั้งหมดนี้คือข้อคิดคือสิ่งที่ดิฉันได้รับจากหนังสือเล่มนี้ค่ะ ทั้งวิธีชนะรัก วิธีชนะอารมณ์ วิธีชนะใจผู้อื่น ซึ่งทำให้ดิฉันอยากถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ฟัง ดิฉันคงบอกได้เพียงเสี้ยวหนึ่งของหนึ่งเล่มนี้เท่านั้น จึงอยากให้เพื่อน ๆ ได้ลองอ่านดูค่ะ.
เรียนเอาจารย์ที่เคารพ และสวัสดีเพื่อนนักศึกษาทุกคน
ปีเก่าไปปีใหม่เข้ามาเพื่อน ๆ เคยลองทบทวนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาบ้างหรือเปล่าคะ ว่าได้ประสบพบเจออะไรมาบ้าง สิ่งที่ดิฉันอยากให้เพื่อน ๆ ลองทบทวนเป็นพิเศษก็คือ คำพูดของเพื่อน ๆ เองแหละค่ะว่าปีที่ผ่านมาคำพูดของเราได้สร้างประโยชน์อะไรไว้บ้าง คำพูดของเราทำให้ผู้ฟังรู้สึเป็นอย่างไร คำพูดของเราทำร้ายจิตใจใครหรือเปล่า คำพูดของเราสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นหรือไม่ ดิฉันเองก็ลองทบทวน การกระทำคำพูดของดิฉันเช่นกันค่ะว่าดิฉันก็กระทำสิ่งไม่ดีมากมาย พูดจาไม่สุภาพบ้างละ ล้อเล่นจนเกิน พอดีบ้างหล่ะ พูดก่อนคิดบ้าง อื่น ๆ อีกมากมายเลย จนดิฉันได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง
ดิฉันพบหนังสือเล่มนี้โดยบังเอิญค่ะ ซึ่งครั้งที่อาจารย์ส่งงานดิฉันไม่คิดว่าจะอ่านเล่มนี้หรอกนะคะ แต่มัน เป็นเรื่องของความบังเอิญจริง ๆ ค่ะ เพราะว่าดิฉันช่วยเพื่อนหาหนังสือทำรายงานปรัชญาค่ะ ซึ่งได้หัวข้อ มาว่า "การจูงใจคน" ค้น ๆ หนังสือบนชั้นหนังสือห้องสมุด ม.ช.นี่แหละค่ะก็เจอหนังสือเล่มนี้ ชื่อว่า "การพูดชนะอารมณ์และจูงใจคน" ของ ม.ร.ว.ชนม์สวัสดิ์ ชมพูนุท ดิฉันไม่ทราบประวัติของนักเขียนท่าน นี้เลยค่ะ แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นคนที่เข้าใจผู้อื่นได้ดีมิเช่นนั้นคงจะเขียนหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ เมื่อดิฉันอ่าน ชื่อหนังสือก็แหม...ตรงกับงานที่อาจารย์สั่งพอดีเลยละค่ะ หนังสือเล่มนี้ก็เกี่ยวกับการพูด ดูจากปกที่เขียน ไว้ดิฉันก็เข้าใจว่าคงจะมีเทคนิคการพูดชนะอารมณ์และจูงใจคนตามที่เขียนไว้พอเปิดอ่านดูก็มีจริง ตามที่ได้คาดได้ไว้ละค่ะ แต่มีมากกว่าที่คิดค่ะก็คือ วิธีชนะรัก อ่ะแฮม... วิธีนี้ หลาย ๆ คนคงสนใจ แทบไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าหนังสือเล่มนี้จะมีเรื่องรัก ๆ ให้เราอ่านกันด้วย หนังสือเล่มนี้ก็เต็มไปด้วยสาระน่า รู้ต่าง ๆ มากมาย และก็มีหลายประเด็นที่สนใจด้วยค่ะ ขณะที่ดิฉันอ่าน ๆ ไปดิฉันก็คิดไปตลอดว่าจะจัดการ เนื้อหาที่เต็มไปด้วยข้อคิดนี้อย่างไร เพื่อจะถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ได้รู้ว่าหนังสือเล่มนี้ดีจริง ๆ
ในที่สุดดิฉันก็ได้ค้นพบประเด็นหลัก ๆ ของหนังสือเล่มนี้ที่ผู้เขียต้องการเสนอให้ผู้อ่านได้รับรู้ และดิฉัน ก็ต้องการจะถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ได้เข้าใจเช่นกัน อย่างแรกก็คือ วิธีชนะรัก อย่างที่สองก็คือ วิธีชนะอารมณ์ และสุดท้ายก็คือ วิธีเอาชนะใจผู้อื่น ซึ่งเป็นประเด็นที่ดิฉันล้วนแต่ได้ข้อคิดทั้งนั้น
เรามาฟังวิธีชนะรักกันก่อนเลยนะคะ เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแล้วว่า ความรักนั้นนับว่าเป็นรากฐาน อันสำคัญที่สุดที่จะทำให้เรามีความสุข จิตใจเบิกบานแจ่มใส แต่ในบางครั้งความรักก็ทำให้มนุษย์อย่างเรา ๆ ต้องทุกข์ทรมานเช่นกันค่ะ เช่น อกหัก รักไม่สมหวัง ความรักจึงทำให้เรามีทั้งสุขและทุกข์ เราจึงควรต้องเรียนรู้เข้าใจความรัก แก้ไขให้รักดีนั้น รู้จักวิธีที่จะเอาชนะใจชนะรักก็คือทำให้คนที่เรา รักนั้นมีความรักเรา ซื่อสัตย์ต่อเราพาเราไปพบความสุข แล้วจะทำอย่างไรละคะ หนังสือเล่มนี้ได้ให้ หลักการว่า การที่เราจะชนะรักคือได้รับความรักจากคนอื่นด้วยความจริงใจ เราจะต้องรักเขาอย่าง จริงใจเสียก่อน แล้วเขาผู้นั้นก็จะรักเราตอบอย่างจริงใจ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ ความรักของพ่อแม่ ได้เองโดยไม่ต้องมีใครมาบอก เห็นไหมหล่ะคะว่าต่างก็รักกันด้วยใจจริง
อย่างไรก็ตามทุกข์จากความรักก็มีค่ะ เช่น ความห่วง ความหวง ความกลัว ว่าสิ่งที่ตนรักจะเป็นอันตราย เราก็แก้ไขได้ด้วยการปล่อยวางซะเถอะค่ะ ว่าเขาไม่ใช่คู่เรา แหม...ยากจังเลยนะคะวิธีนี้ แต่ดิฉันเชื่อว่า คงไม่ยากเกินความสามารถของเพื่อน ๆ หรอกค่ะ
นอกจากนี้ยังมีอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ "อย่าไปจริงจังต่อความรักให้มากนัก" ซึ่งก็คือความพอดียังไงคะ จะรักใครก็เผื่อใจไว้บ้างนะคะ และที่สำคัญที่สุดก็คือ การเสียสละโดยไม่หวังผลตอบแทน ทำแล้วใจเรา มีความสุข และเราก็ได้ความรักจากผู้อื่นตอบ นั่นคือเราชนะรักโดยสมบูรณ์แล้วค่ะ
เรามาฟังวิธีชนะอารมณ์กันต่อเลยนะคะ เพราะก่อนที่เราจะชนะใจผู้อื่นได้ เราจะต้องชนะใจเราให้ได้ก่อน นะคะ หลักสำคัญที่หนังสือเล่มนี้กล่าวไว้ก็คือ ละชั่วทำแต่ความดีและทำใจให้บริสุทธิ์ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เลยนะคะ ถ้าเพื่อนถูกคุณพ่อคุณแม่ดุ ว่ากล่าวตักเตือน ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม แล้วทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกโมโห อยากเถียง อยากปริปากพูด หยุดความคิดนั้นไว้ก่อนค่ะ เปลี่ยนความคิดว่าท่านกำลังสั่งสอนเราอยู่ เราคือลูก ไม่ควรเถียงพ่อแม่ นิ่งรับฟังทบทวนคำพูดของท่านดูสิคะ เห็นไหมค่ะว่าละชั่วทำความดี ทำใจให้บริสุทธิ์นั้นไม่ยากเลยค่ะ ดังนั้นก่อนที่เพื่อน ๆ จะทำอะไรลงไปคิดไตร่ตรองเหตุผลสักนิด แล้วเพื่อน ๆ ก็จะกลายเป็นผู้ที่ชนะอารมณ์ ชนะใจตัวเองได้อย่างแท้จริงค่ะ
ประเด็นสุดท้ายก็คือ วิธีเอาชนะใจคนอื่น ทั้งการเอาชนะใจคู่สนทนา เอาชนะใจคนทั่วไป จูงใจคนนั้น คนนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการพูดทั้งสิ้น แต่ละวิธีก็จะะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน จะต่างกันก็แค่รายละเอียดปลีกย่อย เท่านั้นะค่ะ ดิฉันจึงได้รวบรวมแนวคิดการเอาชนะใจผู้อื่นไว้เป็นหัวข้อเดียวกัน เพื่อที่เพื่อน ๆ จะได้เข้าใจ ง่าย ก็คือ
หนึ่ง บุคลิกท่าทางและการแต่งกาย ซึ่งต้องสง่างาม ยิ้มแย้มแจ่มใส อ่อนโยน การแต่งกาย ที่สะอาด เรียบร้อยจะช่วยเสริมให้ดูดีขึ้น
สองก็คือ การเริ่มต้นด้วยไมตรีจิต ประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น ได้กล่าวไว้ว่า "น้ำผึ้งหยดเดียว จับแมลงวันได้มากกว่าน้บรเพ็ดหนึ่งแกลลอน" ซึ่งแสดงว่าไมตรีย่อมเป็นที่ปรารถนาของคนทั่วไป ใบหน้าที่ ยิ้มแย้ม ถ้อยคำที่สุภาพอ่อนหวาน ใคร ๆ ก็ต้องการทั้งนั้นแหละค่ะ
อย่างที่สามคือ ให้ความสนใจใส่ใจคนอื่น เพราะโดยพื้นฐานแล้วมนุษย์ต้องการเด่นอยู่ในตัว อยากให้ สนใจตนเองมากกว่าผู้อื่น ดังนั้นถ้าเพื่อนต้องการให้คนฟังสนใจเพื่อน ๆ ก็ต้อง สนใจฟังคำพูดเรื่องของเขา เสียก่อนค่ะ
ประการที่สี่นี้นับว่าสำคัญมากก็คือ การเคารพและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น โดยเมื่อเขาพูด เราก็ตั้งใจฟัง ถ้าเรารู้สึกขัดแย้งก็อย่าโต้เถียงหรือค้านทันที แต่จงรับฟังคิดใคร่ครวญตามเหตุตามผล แต่ถ้าหาก เพื่อน ๆ รู้สึกว่า "ยัยนี่พูดมากเหลือเกิน" ความรำคาญเกิดขึ้น อารมณ์อึดอัดก็มีอย่าให้ อารมณ์มาชนะ ใจเรานะคะ นั่งฟังเสีย ปล่อยให้เขาพูดไปอย่าไปขัดคอเชียวนะคะ แม้จะรู้สึกฝืนก็ตาม พยายามแต่ง ใบหน้าว่าชอบฟังไว้ค่ะ เพราะเราอยากชนะใจเขานี่
ประการสุดท้ายก็คือ การมองคนอื่นในแง่ดี ซึ่งจะทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกสบายใจค่ะ เช่น ควรให้อภัยในความผิด พลาดของผู้อื่น เข้าใจเขาสักนิด หากเพื่อต้องการให้เขาหยุดทำ เปลี่ยนพฤติกรรม ดิฉันขอบอกไว้เลยค่ะ ว่าอย่าห้ามค่ะแต่เลี่ยง ๆ เป็นว่าแนะนำ เพราะยิ่งห้ามก็ยิ่งยุค่ะ แสดงความคิดเห็นของเพื่อน ๆ เอง และให้กำลังใจว่าเขาจะต้อง ทำได้ดีอย่างแน่นอน อย่าไปติเตียนเป็นอันขาดนะคะ คนเราชอบให้ผู้อื่น ยกย่องชมเชย ไม่ชอบให้ใครมา วิจารณ์หรอกค่ะ เพียงเท่านี้เขาก็จะชื่อและปฏิบัติตามที่เพื่อน ๆ บอกค่ะ
นอกเหนือจาก 5 ประการที่ดิฉันกล่าวมาแล้ว เพื่อน ๆ อย่าลืมจุดประสงค์ที่แน่นอนของเพื่อน ๆ ด้วยนะคะว่า ต้องการเอาชนะใจคนนั้นเพื่ออะไร ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักเพื่อน แม้กระทั่งคนรัก 5 วิธีนี้รับรองค่ะว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
นอกจากที่ดิฉันกล่าวมาข้างต้นนี้ หนังสือเล่มนี้ยังมีวิธีการฝึกเป็นนักพูดที่ดีอีกด้วย ซึ่งก็มีสาระตรงกับที่ อาจารย์สอนอยู่แล้วดิฉันจึงไม่ได้หยิบมาพูดให้เพื่อน ๆ ฟัง
ทั้งหมดนี้คือข้อคิดคือสิ่งที่ดิฉันได้รับจากหนังสือเล่มนี้ค่ะ ทั้งวิธีชนะรัก วิธีชนะอารมณ์ วิธีชนะใจผู้อื่น ซึ่งทำให้ดิฉันอยากถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ฟัง ดิฉันคงบอกได้เพียงเสี้ยวหนึ่งของหนึ่งเล่มนี้เท่านั้น จึงอยากให้เพื่อน ๆ ได้ลองอ่านดูค่ะ.