วิชาการพูด 40

ป๋วย คนของความรู้สึก
ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเพื่อน ๆ มีแบบอย่างของบุคคลที่เพื่อน ๆ รู้สึกเคารพ ยกย่อง นับถือได้อย่างสนิทใจ และมีความคิดที่ยึดถือเอาเยี่ยงอย่างบุคคลคนนั้นบ้างหรือเปล่าคะ สำหรับดิฉันนั้น “มีค่ะ” และบุคคลคนนี้เองที่ทำให้ดิฉันเชื่อมั่นว่าการทำสิ่งที่ดีนั้นไม่ได้เป็นการสูญเปล่า เหมือนกับเป็นเครื่องยืนยันว่าความดีและคนดีนั้นมีอยู่จริงในโลกนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งที่วางเทินไว้บนหัว เพื่อการยกย่องด้วยสินบนและลมปากเท่านั้น บุคคลคนนั้นก็คือ ศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ้งภากรณ์ ยังไงล่ะคะ
กิตติศัพท์ของท่านเป็นที่กล่าวขวัญกันมากไม่ใช่แต่เพียงความซื่อสัตย์สุจริตและมีสติปัญญาความสามารถเท่านั้น คุณสมบัติอีกประการหนึ่งของท่านก็คือความรักสิทธิเสรีภาพและความยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวดิฉันที่ไม่ชอบระบอบเผด็จการเป็นอย่างมาก จึงทำให้ดิฉันยิ่งยกย่องนับถือท่านมากขึ้น ๆ ข้อเขียนของท่านหลังรัฐประหาร ๒๕๑๔ จนถึงเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ถือได้ว่าเป็นหนทางไปสู่สิทธิเสรีภาพที่ประชาชนคน “ไทย” เสาะแสวงหากัน “จดหมายของนายเข้ม เย็นยิ่ง เรียนนายทำนุ เกียรติก้อง ผู้ใหญ่บ้านไทยเจริญ” จึงมีอิทธิพลมากในทางความคิดต่อผู้รักสิทธิเสรีภาพทุกผู้ทุกคน
หลังจากเหตุการณ์ ตุลาคม ๒๕๑๔ ความชื่นชมในตัวท่านจากเหล่านักศึกษาประชาชนพุ่งขึ้นสูงยิ่งกว่าเดิมจนได้รับความคาดหมายให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ท่านกลับปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ท่านได้สาบานไว้แล้วว่าจะไม่รับตำแหน่งการเมืองใด ๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการเข้าเป็นเสรีไทยของท่าน ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
ถ้าจะถามว่าอะไรคือแก่นแท้ของดร.ป๋วย คำตอบของดิฉันก็คือ ความรักสัจจะ ความรักสัจจะทำให้ท่านใฝ่แสวงหาความจริง เมื่อเรียนหนังสือก็เรียนเพื่อรู้ไม่ได้เรียนเพื่อสอบ จึงเป็นที่รู้จักกันว่าท่านเรียนเก่งมาตั้งแต่เป็นนักเรียนจนกระทั่งจบปริญญาเอก และเพราะความรักสัจจะนี้เองท่านจึงดำรงชีวิตอย่างเปิดเผย ไม่ปิดบังอำพราง แม้กระทั่งกำพืดของตนเองก็เปิดเผยให้ทุกคนได้รู้ว่าท่านเป็น “ลูกเจ๊ก” คำว่า “เจ๊ก” เป็นคำดูหมิ่นดูแคลนที่ลูกคนจีนในไทยไม่ชอบกันทั้งนั้น แต่สำหรับดร.ป๋วย ท่านไม่เพียงแต่จะยอมรับความเป็นลูกคนจีนเท่านั้น ท่านยังรักและเชื่อมั่นในความเป็นไทยของท่านมากพอที่จะบอกว่า ท่านเป็นลูกคนจีน
ความรักสัจจะเมื่อนำไปสู่การแสวงหาความจริงที่ลุ่มลึก ในที่สุดดิฉันก็พบว่า ความงามและความดีก็คือส่วนหนึ่งของความจริงในโลกนี้ ชีวิตนี้มีความงามที่เราสัมผัสได้ ความงามที่ประณีตลึกซึ้งได้ยกจิตใจของคนคนหนึ่งให้สูงขึ้นจนเข้าถึงความจริงที่ทุกคนยอมรับ     และสิ่งที่ดร.ป๋วยทำทุกอย่างจึงเพื่อให้เป็นของขวัญแก่ทุกสรรพชีวิต เป็นเพราะดร.ป๋วยรักความจริง ท่านจึงรักความงามและความดีด้วย ท่านเป็นผู้นำในการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตยและความยุติธรรมในสังคม ดังนั้นเมื่อชนชั้นนำมีอภิสิทธิ์เหนือใคร สังคมขาดความยุติธรรมและไม่เปิดโอกาสให้คนส่วนใหญ่มีสิทธิเสรีภาพ ดร.ป๋วยจึงต้องยืนหยัดต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมดังกล่าว การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการท้ายระเบียบเดิมของสังคมเท่านั้น หากยังเป็นการก้าวเข้าไปคุกคามสถานภาพของชนชั้นำในสังคมไทย ผลก็คือ ท่านถูกหมายหัวว่าเป็น “หัวหน้าคอมมิวนิสต์” มีคำกล่าวหาในทางเสียหายของหน่วยโฆษณาชวนเชื่อ
คนจำนวนมากเข้าใจว่าดร.ป๋วยซ่องสุมและยุยงนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อเตรียมโค่นล้มระบอบการปกครองของบ้านเมือง
ยศและการเสื่อมยศ คำสรรเสริญและการติเตียน เป็นธรรมดาของโลก ดร.ป๋วยรู้ซึ้งในสัจธรรมนี้ดี ท่านจึงไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งอันสูงส่งในราชการ เมื่อได้รับการยกย่อง จึงไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มจนลืมตน ดังนั้นเมื่อถึงคราวที่ถูกติเตียน ท่านจึงไม่หวั่นไหวหรือคลอนแคลนในอุดมคติ แต่ยังคงยืนหยัดในสิ่งที่ท่านเห็นว่าเป็นความถูกต้อง และพร้อมเสมอที่จะลาออกหากหลักการใด ๆ ถูกละเมิด
สำหรับคนที่อุทิศตนเพื่อบ้านเกิดเมืองนอนมาโดยตลอด การที่ต้องถูกขับไล่ไสส่งจากแผ่นดิน มิหนำซ้ำยังประสบกับโรคร้ายจนไม่สามารถใช้สติปัญญาให้เป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศได้เหมือนก่อน นับเป็นความทุกข์ที่แสนสาหัส แต่ดร.ป๋วยกลับทำใจได้ สามารถยอมรับสภาพของตนอย่างไม่ทุกข์ร้อน ธรรมะที่ท่านบำเพ็ญอยู่คือการเรียนรู้เท่าทันความเป็นจริงของชีวิตซึ่งมีความผันแปรเป็นธรรมดา และสิ่งที่ทำให้ท่านอยู่ได้อย่างผาสุกก็คือ ความสุขจากชีวิตที่สันโดษนั่นเอง สิ่งที่ดร.ป๋วยสอนให้ดิฉันได้คิดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความสุขที่ท่านได้รับอยู่นั้นสามารถเข้าถึงได้โดยไม่จำเป็นต้องครอบรองวัตถุ ความสุขของท่านเกิดจากการทำให้ผู้อื่นมีความสุขด้วยใจจริง ท่านจึงเป็นตัวอย่างของคนที่ร่ำรวยด้วยความสุขคนหนึ่ง
ในยุคโลกาภิวัตน์ บุคคลอย่างดร.ป๋วยมีความหมายอ่างไรบ้างคะในความคิดของเพื่อน ๆ ถ้ามองกันจริง ๆ แล้ว เพื่อน ๆ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ายุคสมัยของดร.ป๋วยนั้นต่างจากยุคสมัยของพวกเรา ท่านเกิดและเติบโตในยุคที่ทุ่งนาและป่าเขามีอยู่เต็มประเทศ รายได้ของประเทศมาจากการขายข้าวและตัดไม้ส่งออก จัดได้ว่าเป็นประเทศ “ล้าหลัง” เศรษฐกิจไม่มีระบบระเบียบและปราศจากเสถียรภาพจนวางแผนได้ยาก ส่วนระบอบการเมืองก็ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของทหาร ประชาธิปไตยเป็นไปอย่างขึ้น ๆ ลง ๆ ในยุคเช่นนี้ความคิดของคนทั่วไปคือ การเป็นข้าราชการ ดร.ป๋วยเป็นผู้หนึ่งที่ทุ่มเทชีวิตให้แก่ระบบราชการด้วยเชื่อมั่นว่าเป็นการรับใช้ประเทศชาติที่ดีที่สุด
ปัจจุบันเมืองไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรม ระบบเศรษฐกิจทั้งระบบเป็นเหมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่กำลังทำงานขับเคลื่อนประเทศไปอย่างรวดเร็ว “ไทย” ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วประเทศหนึ่งของโลก เจ้าของกิจการและนักธุรกิจกลายเป็นกลุ่มคนสำคัญของประเทศเข้ามาแทนที่ข้าราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางการเมือง คนที่มีสิตปัญญาความสามารถพากันมุ่งหน้าสู่ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมทิ้งระบบราชาการไว้ให้ “ล้าหลัง”
ดร. ป๋วย เป็นตัวแทนของข้าราชการที่ซื่อสัตย์และมีความสามารถเป็นอย่างมาก ความเป็นผู้รักสัจจะในทุก ๆ ด้าน ทำให้ท่านมีคุณค่าเป็นที่ยอมรับ คนทุกยุคทุกสมัยสามารถเรียนรู้และซึมซับเอามาเป็นแรงบันดาลใจได้อย่างไม่มีวันหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา นักธุรกิจ ข้าราชการ นักการเมืองหรือแม้แต่ศิลปิน เพราะชีวิตของเราล้วนต้องการเข้าถึงความจริงเพื่อนำไปสู่ความสุขอันละเอียดอ่อนอย่างแท้จริงกันทุกคน
ในยุคที่เงินมีอำนาจเหนือสิ่งอื่นใด วัฒนธรรมทางด้านวัตถุได้ครอบงำจนจิตใจโหยหาแต่ทรัพย์สมบัติและความสนุกสนานเพลิดเพลิน มนุษย์ถูกลดค่า เป็นเพียงก้อนชีวิตที่คอยหาแต่สิ่งบำเรอความอยากชั่วครั้งชั่วคราว ในยุคเช่นนี้แหละค่ะ ที่ความรักสัจจะและใฝ่แสวงหาความจริงยิ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นเพราะสามารถฟื้นฟูจิตวิญญาณและความเป็นมนุษย์ให้กลับมีความหมายขึ้นใหม่ในตัวคน ชีวิตต้องการความหมาย ชีวิตและงานของดร.ป๋วยสามารถให้ความหมายแก่เราได้ เพราะเราก็ได้เห็นกันแล้วว่า ดร.ป๋วยเป็นผู้ที่มีวิญญาณแห่งการใฝ่หาความจริงที่มีความสุขทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นเป็นรางวัล
คำสั่งเสียครั้งสุดท้ายของดร.ป๋วยได้ระบุถึงทรัพย์สินที่มีอยู่แต่เพียงว่า “เมื่อตายแล้ว ยังมีสมบัติเหลืออยู่ เก็บไว้ให้เมียผมพอใช้ในชีวิตของเธอ ถ้าลูกยังเล็กอยู่ก็เก็บไว้เลี้ยงให้โต แต่ลูกที่โตแล้วไม่ให้ นอกจากนั้นรัฐบาลควรเก็บไปหมด จะได้ใช้เป็นประโยชน์ในการบำรุงชีวิตของคนอื่น ๆ บ้าง ตายแล้วเผาผมเถิด อย่าฝัง คนอื่นจะได้มีที่ดินอาศัยและทำกิน"
นี่แหละค่ะคือการพัฒนาที่ทุก ๆ คนควรจะทำให้เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้เสียประโยชน์ที่มีโอกาสได้เกิดมาเป็นคน และนี่คือความหมายแห่งชีวิตของคนดี ๆ คนหนึ่งที่ชื่อ “ป๋วย อึ้งภากรณ์”

วิสัยบัณฑิตผู้    ทรงธรรม์
ไป่เปลี่ยนไป่แปรผัน     ไป่ค้อม
ไป่ขึ้นไป่ลงหัน   กลับกลอก
กายจิตวาทะพร้อม    เพียบด้วยสัต

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘