38ยอดนายหนัง

ยอดนายหนัง


     กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพและเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน (จะใช้ตัวหนังตะลุงในการนำเสนอครับ)
เมื่อกล่าวถึงการเดี่ยวไมโครโฟนกันแล้วนั้น.. ครับทุกคนต้องนึกถึงโน้ตครับ อุดม แต้พานิช ผมคนหนึ่งที่ชื่นชอบคุณอุดมมากทีเดียวครับ แต่นั่นก็มิได้หมายความว่าอุดมจะประทับใจผมเสียทุกอย่าง แล้ววันนี้ผมจะพูดถึงใครกันเล่าดีเอ่ยที่เขาน่าประทับใจและน่าชื่นชม
ครับมีบุรุษผู้หนึ่งที่ใครในที่นี้ก็ไม่เคยพบไม่เคยได้ยินผมว่าอย่างนั้น ท่านคือ อาจารย์ ณรงค์ ตะลุงบัณฑิตอดีตครูสอนในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดตรังบ้านเกิดบ้านนายชวน หลบภัย ท่านเป็นคนที่มีความสามารถมาตั้งแต่เด็กในการเชิดและเล่นหนังตะลุงได้เป็นอย่างดีและเป็นที่ยอมรับของคนปักษ์ใต้ในปัจจุบัน จึงได้ลาออกจากเป็นครูมาเป็นนายหนังแทนครับและท่านยังเป็นแกนนำในการอนุรักษ์หนังตะลุงเกลงว่ามันจะสูญสลายหายไปจึงตั้งชมรมหนังตะลุงขึ้นมาเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของตน
ท่านเก่งอย่างไร ? ผมรับประกันได้เลยครับว่าคนธรรมดา และขี้เกียจอย่างผมนี้รับรองเล่นหนังตะลุงไม่ไหรอกครับ มันยากมากครับ ..ยากจริง ผมเคยลองฝึกตามที่เขาเล่นมาครับ แต่แย่ครับ ไม่ไหว ฟังดีกว่า ข้างต้นผมบอกว่าไม่ธรรมดาสำหรับคนเล่นหนังตะลุงไม่ธรรมดอย่างไรเรามากันนะครับเพื่อง่ายแก่การเข้าใจผมขอแยกเป็นข้อๆๆครับ ออ (สำคัญครับสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับวิชาการพูดได้นะครับ)
1. เสียง เสียงนก เสียงกา ..เล่นหนังตะลุงไม่ได้ครับอย่างดีไปรับจ้างกรี๊ดได้ครับ เสียงจะต้องดัง ฟังชัดเสนาะหูเมื่อฟัง และที่สำคัญจะต้องมีความสามาถรเปลี่ยนเสียงตัวเองให้หลากหลายครับไม่ว่าเสียงเด็ก พระเอก นางเอก คนแก่ที่เป็นชายและหญิง ตัวโกง ที่ผมเคยดูมาตัวหนังตะลุงของท่านมีอย่างน้อย 30-50ตัวครับ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเมือ ทหาร ฤาษี ตัวตะลกก็ต้องพากษ์ไปตามเสียงของตัวละครแต่ละตัวครับ
แน่นอนครับว่าเสียงนั้นสำคัญถ้าเป็นพูดมาก (แหกปาก) สัก 30 นาทีก็ไปแล้ว แต่ท่านและนายหนังอื่นๆต้องพูด อยู่ประมาณอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมครับ ถ้ามีการจัดการแข่งขันเพื่อความเป็นเลิศกันแล้วนั้น จะต้องเล่นแข่งพร้อมกันเป็น 10ชั่งโมงเลยทีเดียวจนกว่าจะเดี่ยงกันไปข้างหนึ่ง(ยกตัวอย่างประกอบ)
2. มีศิลปะกับการเชิดมากครับ เช่นว่าเราพูดเรื่องเศร้าๆเราก็ต้อง อิน กับเรื่องที่เราพูดบางครั้งน้ำตาเราก็ไหลออกมา ฮือๆๆๆ การพากษ์หนังตะลุงก็เช่นกันครับจะต้องสวมวิญญาณของตัวหนังแต่ละตัวและต้องเข้ากับลักษณะนิสัยและภูมิปัญญาด้วยตัวหนังแต่ละตัวด้วย (ยกตัวอย่าง)ยิ่งกว่าการแสดงละครในโทรทัศน์ช่องเจ็ดสีเสียอีกครับ อย่าลืมว่าใน 1 โรงจะมีนายหนัง 1 คนเป็นส่วนใหญ่
3. ความรอบรู้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาการ เช่น กฎหมาย วรรณคดี ศาสนาเหตุบ้านการเมืองเพื่อมาใช้ในบทสนทนา เช่นตอนนี้นายกฯทำอะไรอยู่ ใครที่เป็นข่าวดังในปัจจุบัน มาแบบว่าเป็นคนทันโลกก็ว่าได้ครับ
4. มีไหวพริบปฏิภาณเป็นเลิศครับ ส่วนหนึ่งไว้ใช้ในการขับกลอน และเล่นมุขตลกเมื่อสนทนากันครับเพื่อมิให้เกิดความ เงียบขึ้นหรือความเบื่อหน่ายของคนดูนั่นเอง ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการใช้ปฏิภาณในการให้แง่คิดคติเตือนใจให้เข้ากับเรื่องที่แสดงด้วยเป็นสำคัญ
5. ประการสุดท้าย เพื่อนๆคิดว่าอะไรครับ..ใช่ครับต้องเป็นคนอารมณ์ขันตลกด้วยครับอย่าลืมว่าคนดูแต่ละครั้งมีเป็นร้อยมานั่งถ้าเขาหลับกันหมดก็แสดงถึงความห่วยไม่มีคุณภาพของนายหนังเลย แต่ความจริงนั้นตรงข้ามครับเพราะความขันนี่แหละทำให้คนนั่งูได้ยันฟ้าสางเลยครับ ผมเคยหลายครั้งที่ขำจนจุกไปเลยครับมันยากที่จะบอกนะ ผมคิดว่าถ้าเกิดประยุกต์หนังตะลุงมาอู้คำเมืองรับร้องที่ผมโม้มาทั้งหมดคือเรื่องจริงครับ
ครับทั้งหมดที่กล่าวนี้คือความชื่นชอบในความสามารถของอาจารย์ณรค์และนายหนังอื่นๆด้วยสุดท้ายขอฝากกลอนอันน่ารักให้ฟังครับ

จงดูหนังดีที่มีศีลธรรมคมขำตลกลามกที่ไหน
เขามีอยู่บ้างอำพรางไว้ในผู้ใหญ่ชอบดูเด็กไม่รู้ฟัง

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘