วิชาการพูด 38

ผู้ชายคนนี้ ไม่ได้มีดีแค่ตลก
ผู้ชายอารมณ์ดีที่ดิฉันจะพูดถึงในวันนี้ ทุกคนรู้จักเขาดีค่ะ เพราะด้วยความเป็นตลกหน้าตายกับจมูกลูกโตที่เป็นเอกลักษณ์ และความไม่เหมือนใครอีกแล้วบนโลกนี้ แน่นอนค่ะ ผู้ชายคนนี้คือ พี่โน้ต อุดม แต้พานิช และด้วยความที่ตลกแบบพี่โน้ตมีอะไรให้น่าล้วงลึงถึงชีวิตและวิธีการมองโลกที่สื่อออกมาอย่างไม่ธรรมดา ผู้ชายคนนี้จึงกลายมาเป็นฮีโร่ในดวงใจของดิฉัน ซึ่งเราจะได้ทำความรู้จักกับเขาในแง่มุมชีวิตต่าง ๆ ที่ทำให้เขาได้กลายมาเป็นพี่โน้ตในดวงใจใครอีกหลายคนค่ะ
ใครจะรู้ว่า จมูกลูกโตที่แปะเป็นสัญลักษณะอยู่บนหน้าของโน้ต กับความที่มีแม่ขายส้มตำ เคยเป็นปมด้อยที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมาแล้วในอดีต ชีวิตในวัยเด็กเขามักจะถูกล้อว่า ไอ้จมูกชมพู่ ไอ้จมูกบาน ไอ้จมูกโต ถึงขนาดว่าเวลาเดินไปไหนก็ต้องเอามือปิดจมูกบังไว้ตลอดด้วยความอับอาย
แต่สิ่งที่เขาอายมากที่สุดตอนนั้นคือ การที่มีแม่ขายส้มตำ เพราะสมัยเรียน ม. ๑ มีเพื่อนขี่จักรยานผ่านหน้าบ้านแล้วเห็นเขานั่งสับมะละกอช่วยแม่อยู่ วันรุ่งขึ้นเพื่อนคนนั้นก็เอาไปแซทเทิ่ลไลท์บอกเพื่อนในห้องว่า “ไอ้อุดม บ้านมันขายส้มตำ” ทุกคนในห้องก็เรียก “ไอ้ส้มตำ ๆ” สนุกปากกันใหญ่ เขาอายมากจนไม่กล้าออกไปแสดง ไปพูดหรือไปทำอะไรหน้าชั้นเพราะจะถูกตะโกนล้อตลอด นอกจากนี้ เพื่อนในห้องก็ยังพยายามจะจับให้ได้คาหนังคาเขาว่าที่บ้านเขาขายส้มตำจริงหรือเปล่า ก็เลยขี่จักรยานตามไปดู พี่โน้ตรู้ว่าเพื่อนตามมา เขาอายมากเลยปั่นจักรยานเข้าไปจอดที่ร้านตัดผม แล้วเข้าไปอยู่ในร้าน และบอกเพื่อนว่า “นี่ไงบ้านกู บ้านกูไม่ได้ขายส้มตำ” จนเพื่อน ๆ กลับไปจึงอ้อมหลังบ้านแล้วเข้าบ้านตัวเอง
แต่ทุกวันนี้ เขาอยากประกาศให้โลกได้รับรู้ว่า แม่เขาขายส้มตำเลี้ยงเขามา เพราะส้มตำนี่แหละทำให้เขาได้มีที่เรียน ได้เป็นผู้เป็นคนมาจนถึงทุกวันนี้ หลายครั้งที่เขาเดี่ยวไมโครโฟนหรือเขียนหนังสือ เราก็จะได้เห็นเรื่องแม่ค้าขายส้มตำมือวางอันดับหนึ่งของชลบุรี ปนกับเรื่องจมูกชมพู่ที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นโน้ตไปเสียแล้ว เพราะวันนี้เขาได้ทำให้ปมด้วยในชีวิตกลายเป็นปมเด่นที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับชีวิตเขาแล้ว
ครั้งที่เขายังเป็นวัยรุ่น ผู้ชายคนนี้เคยใช้ชีวิตแบบที่เรียกว่าเกเรสุด ๆ ชนิดที่เคยท้าทายแม่ตัวเองว่า “ถ้าเข้ามา กูจะต่อยให้” เขาใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายอันธพาลทั่วไป จนรู้สึกว่าไปไหนมาไหนไม่เคยมีใครยิ้มให้ เหมือนไม่มีเพื่อนอยู่บนโลกนี้ มีแต่เพื่อนชั่ว ๆ ด้วยกันเท่านั้น
วันหนึ่งเขารู้สึกว่า เขาเลวจนอิ่ม เลวจนเอือมระอาตัวเองแล้ว สำนึกที่ลูกผู้ชายคนนี้ยังมีก็คือ บวช และเหตุการณ์ในครั้งนี้เองที่พลิกผันชีวิต ปรับความคิดเก่า ๆ ให้เป็นโน้ตคนใหม่ จากที่ไม่เคยทำให้แม่สบายใจสักครั้งเดียวจนกลายมาแสดงออกกับแม่อย่างน่ารัก เขาเริ่มกอดแม่ บอกรักแม่ หอมแม่และพูดดี ๆ กับแม่ ควงแม่ออกไปช็อปปิ้ง เขาเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งน่าอายอะไรอีกต่อไป
จากจุดพลิกผันชีวิตตรงนี้เอง ดิฉันคิดว่าเป็นเพราะพื้นฐานวิธีคิดที่เป็นตัวของตัวเอง และกล้าที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองคิด จึงทำให้เขาผ่านวันเหลวไหลอย่างนั้นมาได้ และเริ่มค้นหาตัวเอง ดิฉันประทับใจในผลงานหลายๆ ชิ้นของเขาค่ะ เพราะสิ่งหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในงานเหล่านั้น มันตั้งอยู่บน concept ความคิดที่ว่า “ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย”
ตรงนี้เองที่ทำให้ดิฉันรู้สึกว่า พี่โน้ตสื่อสารกับคนในยุคนี้รู้เรื่อง ทำให้เรารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เหมือนเพื่อน เหมือนพี่ เหมือนญาติสนิทที่คุยกันรู้เรื่อง โดยวิธีการง่าย ๆ ตามแบบฉบับของเขา ซึ่งเราจะเห็นจากผลงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนที่เขาเปรียบเป็นมะละกอ ด้วยมะละกอเป็นยาระบายถ่ายท้องได้ดี งานเขียนของนักวรรณกรรมทั้งหลายที่ใช้ภาษาสละสลวยก็เปรียบเสมือนมะละกอที่แกะสลักอย่างสวยงาม แต่บางทีเด็กที่มาเห็นไม่กล้าจิ้ม เขาจะนึกว่าผู้ใหญ่ทำไว้โชว์ แต่มะละกอของพี่โน้ต เป็นมะละกอที่ถูกสับ ๆ ๆ ๆ เหมือนเขาเข็นขาย จิ้มง่าย กินง่าย กินได้เลย ซึ่งผลออกมาคล้ายกันคือ เพื่อระบาย
อีกหนึ่งผลงานคือ งานศิลปะฉบับเข้าใจง่าย เขาทำให้คนทั่วไปรู้สึกว่างานศิลปะไม่ได้เป็นของศิลปินเพียงคนเดียว แต่เป็นของที่ทุกคนทำได้ แค่อาศัยความคิดกับหัวใจที่ทุกคนมีเหมือนกัน สื่อสิ่งที่เป็นตัวตนออกมา อย่างเช่นภาพนี้ (ภาพแก้วน้ำหลายใบ) ก็เพียงจะสื่อตรง ๆ ไปว่า เราควรจะดื่มน้ำวันละ ๘ แก้ว เพราะมันจำเป็นต่อชีวิต หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการเปรียบว่า งานศิลปะก็เหมือนน้ำ คือศิลปะเป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกับที่เราต้องดื่มน้ำทุกวัน แต่สังคมไทยพยายามทำศิลปะให้ดูสูงส่ง ดูเป็นเรื่องจิตวิญญาณ เข้าใจยาก และทำให้มีราคาสูง ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นความคิดที่ทำให้ศิลปะห่างจากชีวิตประจำวันของคนมากกว่า
วิธีการทั้งหมดนี้อยู่เบื้องหลังความเชื่อที่ว่า การที่เราจะสื่อสารอะไรให้มันได้ผลที่สุดก็คือ ใส่มันลงไปกับอารมณ์ขันและเสียงดนตรี คงไม่แปลกใจเลยใช่ไหมคะว่าทำไมหนังสือของพี่โน้ตถึงขึ้นชาร์ตหนังสือขายดีอันดับหนึ่งเกือบทุกเล่ม และผลงานต่าง ๆ ของเขาก็ได้รับความนิยมตลอดมา   ดิฉันคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากในสังคมไทย แต่เรามักจะมองข้ามมันเสมอ อย่างเช่นเรื่องระบบการศึกษาของพี่ไทยที่เพื่อนๆ คงจะซาบซึ้งกันดีถึงวิธีการเรียนการสอนที่ครูมักจะใช้ลูกไม้เดิม ๆ คงไม่มีใครในที่นี้ใช่ไหมคะที่ไม่เคยรู้สึกเบื่อ รู้สึกไม่อยากเรียนแต่ก็ต้องเรียน บางทีสอบตก บางครั้งเรียนไม่ดี เกรดไม่สวยก็เครียด ก็โทษตัวเองว่าทำไมตัวเราถึงโง่ถึงแย่ต่าง ๆ นานา หนักเข้าก็หาทางออกแบบผิด ๆ จนกลายเป็นปัญหาสังคม แต่ถามจริง ๆ เถอะค่ะ แบบเรียน วิธีการสอน อุปกรณ์ กฎระเบียบเหล่านี้ มันดึงดูดให้เรารู้สึกอยากเข้าหามันหรือเปล่า ดิฉันจึงรู้สึกเห็นด้วยกับวิธีการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายของพี่โน้ตนี่แหละค่ะ
อีกสิ่งหนึ่งที่ดิฉันชอบก็คือ วิธีการมอง ผู้ชายคนนี้มักจะมองเรื่องธรรมดา ๆ ให้ไม่ธรรมดาแต่น่าสนใจ น่าคิดตามได้อยู่เสมอ
ครั้งหนึ่งเขาได้รับเชิญไปพูดเรื่องบวชที่มหาวิทยาลัยหอการค้าในฐานะที่ผ่านชีวิตบวชมาแล้ว ซึ่งขณะนั้นที่มหาวิทยาลัยกำลังรณรงค์ให้นักศึกษาไปบวช โดยที่อาจารย์คงคาดหวังว่าให้มาพูดถึงเรื่องธรรมะหรืออะไรทำนองนี้ แต่เธอไม่ค่ะ เธอกลับพูดเรื่องบวชให้เห็นของสนุกได้ พูดเหมือนชวนให้ไปออกค่าย summer ได้ไปเจอใครบ้าง ได้เดินเท้าเปล่าออกไปตามคันนา มีป้าแก่ ๆ หุงข้าวร้อน ๆ ควันฉุย ได้กลิ่นขี้ควาย เหมือนได้มาเล่นมิวสิก วิดีโอ เวลามีคนตักข้าวใส่บาตร ก็ร้อนมือชิบเป๋งแต่ต้องเก๊กหน้ารักษาภาพพจน์นักบวชผู้สงบเสงี่ยมเจียมตนไว้ เวลาฉี่พระจะยืนฉี่ไม่ได้ ต้องนั่งฉี่แบบผู้หญิง อะไรต่าง ๆ ที่เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่คนเขาไม่พูดถึง ก็เอามาพูด แล้วคนก็สนใจ ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองมองไม่สูญเปล่า
จุดนี้เองทำให้เดี่ยวไมโครโฟนที่มีอุปกรณ์เพียงแค่เวที แสงสี ไมค์และพี่โน้ตกับเรื่องมันส์ ๆ ในมุมมองชีวิตที่แตกต่างของเขาขายได้
สิ่งสุดท้ายที่ดิฉันอยากจะพูดถึงที่สุดก็คือ การใช้ชีวิตแบบเล่น ๆ
พี่โน้ตไม่ได้แยกงานกับชีวิตออกจากกัน เขามีความคิดว่า ไม่ว่าเขาจะสวมบทบาทในงานอะไร ทุกอย่างต้องเป็นการสมัครเล่น เพราะเขาเชื่อว่าทำอะไรไปแล้วเล่นด้วยมันจะดีสำหรับเขา และแน่นอน งานที่เขาทำย่อมเป็นงานที่เขารัก เขาทำแล้วสบายใจ
เขาได้เรียนรู้ชีวิตของใครหลายคนที่อยากจะทำงานอย่างที่ตัวเองต้องการ อยากพักผ่อน ท่องเที่ยว ดูหนังดี ๆสักเรื่อง อยากมีเวลาอยู่กับครอบครัว แต่ในชีวิตจริง ทุกคนก็บ่นว่าไม่มีเวลา งานยุ่ง เงินไม่พอใช้ เสียดายหนังเรื่องนั้น คอนเสิร์ตไม่ได้ไปดู อะไรอย่างนี้เยอะแยะไปหมด เขากลับมามองชีวิตตัวเองแล้วตั้งคำถามว่า “แล้วทำไมอุดมถึงไม่ทำให้มันเกิดขึ้น ณ วันนี้เลยล่ะ” ตั้งแต่นั้นเขาก็เลือกแล้วก็ทำในสิ่งที่เขารัก ที่เขาสบายใจที่จะอยู่กับมัน ถึงแม้รายได้จะไม่แน่นอน แต่เขาก็พอใจที่เขาจะไม่ต้องเอาตัวเองไปผูกมัดกับชีวิตงานประจำ เพราะงานประจำจะทำให้เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้ หลายบริษัทที่หยิบยืนงานดี ๆ เงินดี ๆ มาให้ ทั้งเงิน ทั้งชื่อเสียงต่างก็ลอยอบอวลอยู่เบื้องหน้าเขาตลอดเวลา แต่ทั้งหมดก็หยุดอยู่ตรงสโลแกนชีวิตของเขาว่า “พอดี พอดี พอดี และไม่เป็นหนี้ใคร”
โชคดีของพี่โน้ตที่ได้พบกับวงจรชีวิตเข้าให้แล้วค่ะ คือ ชอบเที่ยวก็ไปเที่ยว เจอเรื่องก็เอาเรื่องมาเล่า แล้วก็เอาตังค์คนดูไปเที่ยว เจอเรื่องเอาเรื่องมาเล่า แล้วก็เอาตังค์คนดูไปเที่ยว เป็นวงจรชีวิตที่เรียบง่ายแต่สบายใจ
ฟังดูแล้วเหมือนชีวิตของผู้ชายคนนี้จะง่าย ๆ สบาย ๆ เลยนะคะ แต่กว่าที่เขาจะได้ใช้ชีวิตแบบที่เขาต้องการ เพื่อน ๆ ก็คงเห็นแล้วว่ามันไม่ได้ง่ายและสบายอย่างที่เป็นอยู่เลย แต่เพราะความที่เขาเป็นตัวของเขาเอง เป็นโน้ต อุดม แต้พานิช ที่มีแบบฉบับความคิดอย่างนี้ มีการตัดสินใจที่จะเลือกทำ ไม่ทำ และเลือกจะเป็นนายของตัวเอง ไม่กลัวที่จะต้องลำบากเพราะมีความพอดีเป็นเพื่อนเตือนตน
สิ่งที่ดิฉันได้เรียนรู้จากผู้ชายคนนี้ที่สำคัญที่สุดคือ ความเป็นตัวของตัวเอง ค้นหาในสิ่งที่ตัวเองถนัดและสานต่อความคิด ความฝันและทำให้มันกลายเป็นชีวิตแห่งความเป็นจริง เคล็ดที่ไม่ลับที่ดิฉันเรียนรู้จากเขาก็คือ ความกล้าที่จะคิดให้ฉีกแนวเดิม ๆ จากที่สังคมส่วนใหญ่มักจะทำอะไรตาม ๆ กัน ผลลัพธ์มันก็อย่างที่พี่โน้ตเป็นอยู่ทุกวันนี้ไงล่ะคะ
ดิฉันว่าหากพวกเรากลับมาค้นหาตัวจริงของเรา และเอาออกมาตบให้มันคม ให้มันใช่ตัวเราที่สุด สังคมเราคงมีสีสัน และคงเกิดคนอย่างพี่โน้ตขึ้นอีกเยอะเลยนะคะ ดิฉันมีข้อเสนอค่ะ แต่พวกเราต้องช่วยกันนะคะ ไม่ยากเลยค่ะ แค่ช่วยกันเป็นตัวของตัวเองจนทำให้กลายเป็นแฟชั่นของยุค ๒๐๐๐ น่าสนุกไหมล่ะคะ ใครอยากเป็น อยากแต่ง อยากทำอะไรก็ทำอย่างนั้น เพิ่มสีสันให้กับสังคมไทย แถมอาจดังเหมือนพี่โน้ต อุดม แต้พานิชอีกคนก็เป็นได้นะคะ.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘