วิชาการพูด 30

สื่อ  มุมมืดของสังคม
เพื่อน ๆ คะ รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เรายืนอยู่ทุกวันนี้ไหมคะ เปลี่ยนจากสังคมเรียบง่าย สู่ความวุ่นวายของยุคสมัยที่ใคร ๆ ต่างก็ชื่นชม เปลี่ยนกันจนคนรุ่นเรากับรุ่นพ่อแม่แทบจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มากจากไหนค่ะ ถ้าไม่ใช่มาจากสื่อ
ในฐานะที่ดิฉันเรียนทางด้านสื่อสารมวลชน ดิฉันจึงต้องขอทำตัวเป็นสื่อเพื่อจะบอกถึงมิติมืดของสื่อ ให้เพื่อน ๆ ได้ตระหนัก รับรู้ อย่างน้อยการเปิดรับข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ ในครั้งต่อไปจะเป็นการเปิดรับที่เพิ่มความพินิจและความระมัดระวังในการเลือกรับสื่อกันมากขึ้นค่ะ
เพื่อน ๆ คะ สื่อที่เราเสพความบันเทิงกันทุกวันนี้แหละค่ะ คือตัวการสำคัญในการสร้างจิตสำนึกแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อตนเองและวัตถุ มากกว่าจิตใจและเพื่อนมนุษย์ในสังคมด้วยกัน
เราจำเป็นต้องรู้ก่อนค่ะว่า ผู้ที่มีอิทธิพลยึดกุมอำนาจสื่ออยู่ทุกวันนี้คือ รัฐและเอกชน จึงไม่แปลกค่ะ ที่สื่อจะทำหน้าที่รับใช้บุพการีทั้งสองผ่านหน้าจอโทรทัศน์และหน้าปัดวิทยุที่เราได้ซึมซับกันอยู่ทุกวัน อาทิเช่น รายการคอนเสิร์ตหลายเลข ๓ ๕ ๗ ๙ ละครน้ำเน่าที่ยังขายดีอย่าง “จำเลยรัก” รายการเกมโชว์ที่แจกกระหน่ำซ้ำเติมสภาพเศรษฐกิจ และอีกสารพัดรายการที่สร้างสรรค์ประเทืองปัญญากันเหลือเกิน
ถามว่า นอกจากความบันเทิงที่เราได้รับอยู่ตลอดเวลาแล้ว เราได้รับประโยชน์อะไรจากรายการเหล่านี้อีกบ้างไหมคะ แท้ที่จริงก็เพื่อดึงความสนใจและดูดเงินรายได้จากเรตติ้งโฆษณาทั้งนั้นค่ะ เทคนิคง่าย ๆ ที่ทำให้เรานิยมชมชอบรายการเหล่านี้ก็คือ กระตุ้นทุกวิถีทางให้เราเกิดความต้องการซ้ำแล้วซ้ำเล่า นานวันเข้าระบบจิตใต้สำนึกของเราก็จะถูกป้อนข้อมูลความต้องการให้มุ่งไปสู่วัตถุสิ่งของเหล่านั้นมากขึ้น แต่จิตสำนึก ความรู้สึก และความสามารถในการรับรู้ถึงความเป็นคนที่จะมีต่อคน สัตว์ และต้นไม้ก็กลับถูกบั่นทอนให้ลดน้อยลงไป
ตัวอย่างที่เห็นง่ายที่สุดก็คือ แฟชั่นการแต่งกายที่มาคู่กับความเปลี่ยนแปลง และมักแสดงตัวตามช่องทางของสื่อนิตยสารแฟชั่นชั้นนำต่าง ๆ เพื่อน ๆ ทราบไหมคะ ในขณะที่เรารู้สึกเป็นสุขกับการได้เสพและเลือกเลียนแบบสไตล์การแต่งตัวตามสื่อเหล่านี้ เรากำลังตกเป็นเหยื่อของระบบธุรกิจที่ใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการดูดเงินค่ะ แต่เราก็คงไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ใช่ไหมคะ เพราะมันกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว ความรู้สึกนี้แหละค่ะยิ่งน่าเป็นห่วง เพราะเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกเคยชินกับการได้ดูได้ทำตามแฟชั่นเหล่านี้แล้ว เมื่อนั้นก็หมายความว่าสื่อสามารถชักนำให้เรากระทำอะไรก็ได้โดยไม่สนใจหรอกค่ะว่า สิ่งนั้นจะถูกหรือผิด เพราะเขาสนใจแค่เงินของเราเท่านั้นแหละค่ะ หากเราสร้างภูมิคุ้มกันตัวเองให้รู้จักยับยั้งและเท่าทันสื่อเหล่านี้สักนิด กรณีนักศึกษาขายตัวเพียงเพราะต้องการเงินมาบำบัดความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก็คงไม่เกิดขึ้นแน่นอนค่ะ
ฟังอย่างนี้แล้ว อย่าเพิ่งหมดความรู้สึกกับสถาบันสื่อสารมวลชนกันไปก่อนนะคะ เพราะขณะนี้รัฐธรรมนูญมาตรา ๔๐ เขาระบุไว้ชัดเจนค่ะว่า คลื่นความถี่ที่ใช้ส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และวิทยุโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ หมายความว่า พวกเราทุกคนมีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของสื่อ มีสิทธิเลือกรับและกำหนดข่าวสารที่จะเป็นประโยชน์ต่อเราและสังคมอย่างแท้จริง และกฏหมายฉบับนี้ก็จะได้ทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเพื่อเป็นกระบอกเสียงสำหรับคนที่เขาไม่ได้กินอิ่นนอนหลับ หรือได้รับการศึกษาสูง ๆ เหมือนอย่างเรา เพราะในขณะที่ดิฉันมีโอกาสได้ออกมายืนพูดถึงสิ่งที่ดิฉันอยากจะพูดอยู่ตรงหน้าทุกคนนี้ ยังมีอีกมุมหนึ่งของสังคมค่ะ ที่เขาต้องการพื้นที่ที่จะได้ยืนและป่าวประกาศร้องบอกถึงปัญหา ความอึดอัดใจจากสภาพความเป็นอยู่ที่เขาเป็น
ตอนนี้มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งค่ะ กำลังต่อสู้กับกระบวนการพิศวงของรัฐบาลที่พยายามจะเล่นกลกับเราในการกีดกันสิทธิที่เราควรจะได้รับอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ดิฉันพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยค่ะว่า กลุ่มคนเหล่านี้ต้องการความช่วยเหลือจากเราทุกคนในการช่วยกันดูแลตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เพื่อผลักดันให้สถาบันสื่อมวลชนเป็นของเราทุกคนอย่างแท้จริง ถึงเวลาแล้วนะคะที่พวกเราต้องหันมาสนใจความเป็นไปของสังคมกันอย่างเป็นจริงเป็นจังเสียที สวัสดีค่ะ.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘