วิชาการพูด 29

คนเก่งเราเองก็เป็นได้
ถ้าเรานึกไปในสมัยที่เรายังเป็นเด็ก เราคงคุ้นเคยกับคำว่า “เก่ง” หรือ “คนเก่ง” มากกว่าปัจจุบันนี้ใช่ไหมคะ ไม่ว่าขณะที่คุณแม่กำลังป้อนข้าว เราก็จะได้ยินแล้วว่า “ทานข้าวหน่อยนะคนเก่ง” หรือว่าแค่ การเขียนตัว ก. ไก่ให้ดูเป็นรูปเป็นร่าง เราก็จะได้ยินคำชมจากคุณครูแล้วนะคะว่า “อืม…เก่งจังเลย เขียน ก. ไก่ สวยเชียว” แต่ขณะนี้คำว่า “เก่ง” ที่เราสามารถจะได้จะยินได้ไม่ใช่แค่ ก. ไก่ หรือแค่การอ้าปากทานข้าวแล้วนะคะ แต่คำว่า “เก่ง” นั่นคือ การที่เราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างดีต่างหากล่ะคะ แล้วเราจะทำอย่างไรให้เราเป็นคนเก่ง… ดิฉันมีคำแนะนำอยู่ ๕ ข้อด้วยกันค่ะ
ข้อแรกเลยก็คือ การมีวิสัยทัศน์และสร้างมโนภาพที่ชัดเจนนั่นเองค่ะ จินตนาการยังไงล่ะคะที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในตัวคุณเอง เช่น นักเทนนิสเมือเอกของโลก เขาจะมีภาพชัยชนะของตัวเองอยู่ในใจตลอดเวลา เห็นไหมคะว่านี่คือการคว้าชัยชนะมาครองตั้งแต่ยังไม่ลงสนามเลยนะคะ เพียงแค่เรานึกภาพที่เราอยากจะเห็นเอาไว้ลึก ๆ ในใจ เราก็ได้ยืนอยู่บนบันไดขขั้นแรกแล้วแหละค่ะ
ข้อที่ ๒ คือ การมีความคิดในทางบวกพร้อมกับการกระตือรือล้นที่จะทำด้วยนะคะ เพราะสองสิ่งนี้แหละค่ะที่จะเป็นตัวตัดสินได้ว่า สิ่งที่เรานั้นมันเป็นแค่การทำได้ดีหรือว่าเป็นการทำได้อย่างยอดเยี่ยม ดิฉันเชื่อนะคะว่า ไม่มีใครหรอกค่ะที่น่ากลัวไปกว่าคนที่ทุ่มเททำในสิ่ง ๆ หนึ่งอย่างเต็มกำลัง และก็ทำสิ่งนั้นด้วยรอยยิ้มที่สดใส มันทำให้คิดต่อค่ะว่า ถ้าหากเรามีความคิดที่สร้างสรรค์พร้อมกับการกระทำอย่างกระตือรือร้นแล้วนี่น่ะ ความสำเร็จที่ว่ายากเย็นแค่ไหนก็จะไม่พ้นมือเราอย่างแน่นอนค่ะ
ข้อ ๓ ก็คือ การมีความพากเพียรและพร้อมที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด ยังจำได้ไหมคะว่า คุณพ่อเคยพูดอย่างไรเวลาที่สอนเราทำการบ้านหารเลขและเราก็หารไม่ลงตัวสักที ท่านก็จะบอกกับเราว่า ให้เราพากเพียรและพยายามทำให้สำเร็จ และเก็บสิ่งผิดพลาดนั้นเป็นบทเรียน ความจริงแล้วมันก็เหมือนกับการเดินทางแหละนะคะ ระหว่างทางอาจหกล้มและหลงทางไปบ้าง แต่ถ้าเรามีความพากเพียรจะมุ่งสู่ปลายทางนั่น ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกินกำลังของความเป็นคนใช่ไหมคะ อาจฟังดูว่านี่เป็นบทเรียนที่ไม่สนุกเลย แต่นี่คือสัจธรรมค่ะ
ข้อ ๔ ก็คือ การขอกำลังใจและความช่วยเหลือ หลายคนอาจคิดว่าการขอยืมมือคนอื่นนี่นะ ที่จะเรียกว่าคนเก่งได้…. แต่อยากให้ลองคิดดูนะค่ะว่า ความเป็นจริงแล้วไม่มีใครหรอกค่ะที่จะสามารถทำทุกอย่างได้คนเดียว ไม่ว่าเราจะมีความตั้งใจมากแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่เพิ่มพลังให้กับใจ คงไม่พ้นกำลังใจจากครอบครัว คนรัก หรือเพื่อน ๆ ใช่ไหมคะ
และข้อที่ ๕ นั่นก็คือ พลังและความแข็งแรงของร่างกาย ทราบไหมคะว่าบุคคลที่จะประสบความสำเร็จนี่น่ะ เขาจะมีแรงคึกเหมือนกับมีคาเฟอีนอยู่เต็มร่างกายเลยนะคะ และเมื่อมีพลังใจและพลังกายที่สมบูรณ์แล้ว เราก็จะทำสิ่งต่าง ๆ โดยการปลดปล่อยพลังในตัวของเราได้อย่างเต็มที่ และสุดท้ายสิ่งที่ได้มาก็คือความสำเร็จนั่นเองค่ะ
ถึงตอนนี้ ถ้าเราทุกคนนับข้อดีของวิธีทั้ง ๕ ข้อได้แล้ว ก็ตกลงใจมาทำสิ่งเหล่านี้เพื่อการเป็นคนเก่งสำหรับเราเองได้แล้วละค่ะ.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘