วิชาการพูด 22

นักพูดที่อยู่ในอุดมคติ

    นักพูดสาวพราวเสน่ห์  อีกคนหนึ่งของวงการ  ได้มีข่าวลือหลายกระแสว่าท่านจะละทิ้งวงการ  และละทิ้งอาชีพนักพูดแต่หันไปครองตำแหน่งแม่บ้าน  แม่ศรีเรือนที่แสนดีเหมือนที่นักแสดงหลายคนนิยมกันเขาคือ  อาจารย์นันทนา  นันทวโรภาส  ซึ่งท่านเป็นคนสมุทรปราการ  จบมัธยมที่  สตรีสมุทรปราการ  จบมัธยมปลายที่  สายปัญญา  แล้วก็ได้เข้ามาเรียนปริญญาตรีศิลปศาสตร์ที่ธรรมศาสตร์  แล้วก็ปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ที่ธรรมศาสตร์เช่นเดียวกัน  สมัยที่เรียนธรรมศาสตร็เป็นประธาน  ชมรมโต้วาทีและปาฐกถาที่มหาวิทยาลัย  อยู่ 2 สมัย  นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการพูดอย่างแท้จริง  ตอนนี้ท่านก็สอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย  รังสิต  แล้วก็ผลิตรายการทีวี
    ผู้ที่ฝึกฝนให้อาจารย์
    คือชุมนุมปาฐกถาและโต้วาที  จะมีการฝึกอบรมให้  นักศึกษาฟรีอยู่แล้ว  ใครสนใจก็เดินเข้าไปชุมนุม  แล้วก็ฝึกไปด้วยทำกิจกรรมไปด้วย  และก็มีอาจารย์หลายๆท่านมาช่วยกันฝึกให้ถูกหลักการด้วย  จากนั้นอาจารย์นันทนา  ได้ไปออกรายการเวทีวาที  เมื่อปี  2527  นั่นคือรายการแรกออกในฐานะศิษย์เก่าธรรมศาสตร์  ไปยอวาทีเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง  พอรายการออกอากาศไปแล้วฟีคแบคกลับมาค่อนข้างดี  ก็มีคนถามถึงจากนั้นทางรายการได้เชิญมาอีกครั้งหนึ่งถึงจะไม่ใช่วันธรรมศาสตร์  และก็เริ่มได้ไปรายการบ่อยๆ  คนก็จะเริ่มค้นหน้ามากขึ้นและเริ่มจำได้ในที่สุด  และสุดท้ายก็เริ่มเป็นแขกประจำของทางรายการ  ประกอบกับอาจารย์ได้สอนหนังสือตามมหาวิทยาลัยต่างๆ  หลายมหาวิทยาลัย  ก็เริ่มการฝึกอบรมด้วย  เพราะเริ่มมีคนเชิญไปบรรยายมากขึ้น  แล้วก็มีกิจกรรมการพูดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  รวมทั้งการไปเป็นพิธีกรรายการต่างๆ  ด้วย
    รูปแบบการพูดของอาจารย์นันทนา  นันทวโรภาส
    อาจารย์เป็นตัวของตัวเองมาก  ใส่ความเป็นตัวของตัวเองไปร้อยเปอร์เซ็นต์  คือการที่อาจารย์เปล่งเสียงออกไปเต็มร้อย  เพราะฉะนั้นจึงจะไม่มีนันทนา  เอฟ.เอ็ม  คือเสียงจะไม่นุ่มไม่นิ่ม  เสียงนี้จะเป็นเสียงร้อยเปอร์เซ็นต์  ออกไปเพื่อให้คนฟังชัดเจน  ลักษณะของเนื้อหาจะออกในลักษณะที่ค้นคว้ามาแล้วก็ใส่ความรู้ลงไปด้วย  ส่วนลีลาอยู่ในร่วมสมัย   ทำให้อยู่ในสมัยคนนิยมอะไรพูดเรื่องนั้น  จะได้ลุยตามยุคตามสมัยได้  เพราะจะได้เข้าไปในหูผู้ฟังแล้วจะได้สนุกตามได้  แล้วอาจารย์ก็เป็นคนพูดเสียดสีนิดๆ  มีลักษณะถากถางหน่อยๆ  จะไม่ใช่พูดจาหวานแหวว  แต่ติดประชดประชันนิดหน่อย  เป็นผู้หญิงออกจะห้าวๆ  นิดๆ  เป็นคนกล้า  เพราะมั่นใจในตนเอง  ไม่ค่อยกลัวว่าพูดออกไปแล้วจะกระทบใคร  ถ้าพูดกระทบใครแปลว่าเจตนาแล้ว  เพราะได้กลั่นกรองแล้ว

หลักการพูดของอาจารย์
    อาจารย์พูดไว้เสมอว่า  การเป็นนักพูดทีดีนั้น  จะต้องเป็นคนชอบฟังก่อน  ถ้าเป็นคนไม่ฟังใครเลย  จะพูดดีไม่ได้เพราะจะไม่รู้ว่าคนที่พูดดีเขาพูดกันอย่างไร  คนที่พูดเก่งต้องฟังเก่ง  ขณะเดียวกันต้องเป็นนักอ่านด้วย  อาจารย์บอกว่าอาจารย์เก็บข้อมูลได้มากมาย  มาจากการอ่านเอง  อาจารย์เป็นคนประยุกต์ใช้ได้ทุกสถานการณ์  รู้อะไรมาก็เอามาประยุกต์  ให้ข้อมูลไม่ใช่ข้อมูลดิบ  มันจะต้องเป็นข้อมูลที่ผ่านการกลั่นกรองและดัดแปลงแล้ว  ที่สำคัญบุคลิกของอาจารย์  ซึ่งคิดว่าสำคัญที่สุดเลยดูแล้วสวยมั่นใจ  ออกสู่สายตาประชาชนแล้วไม่เคอะเขินมั่นใจ  เชื่อถือได้ไม่ดู
มะล่อก  มะแล่ก  อุบาทว์  ซ๊กม๊ก  หรือแต่งตัวยั่วยวน  ดูลักษณะของอาจารย์พร้อมทุกๆ  ด้านเฮฮาตลอดของการพูด  มันเป็นตลกปัญญาชน  มันไม่ใช่ตลกที่ตีหัว  สิ่งที่ผ่านออกมาจากตัวนักพูดคนนี้เป็นความพร้อมทั้งสมองและบุคลิกภาพของอาจารย์นั่นเอง 
    อาจารย์มีการออกเสียงและอักขระได้ถูกต้อง
    อาจารย์เป็นคนที่มีเชื้อสายจีน  แต่ขณะที่พูดภาษาไทยกลับชัดถ้อยชัดคำ  ออกเสียชัดเจนออกเสียง  ร.เรือ  ล.ลิง  พูดแต่ละคำแม้แต่  กบว.  ยังไม่กล้าตัดแต่คำใดเลยแม้แต่การเว้นวรรคตอนยังทำได้ดี  คงเป็นเพราะว่าอาจารย์ได้ฝึกฝนมาเป็นอย่างดงีและได้มีประสบการณ์จากการที่ตนเองได้พูดในที่บรรยายต่างๆ  ทำให้พัฒนาตัวเองและทำให้ดีขนาดนี้เลย  บางครั้งอาจารย์ได้มีบทกลอนเล็กๆ  น้อยๆ  ก่อนจะขึ้นเรื่องมีข้อคิด  สุภาษิตมากมาย  ขณะพูดมีจังหวะให้คนฮาและคนซึ้งได้ตามที่ตนเองกำหนด  พูดได้ตรงตามเนื้อหา  จะพูดสไตล์ดำเนินรายการหรือบรรยายก็ได้  คงต้องยอมรับทั้งวาทะ  แนวคิด  ทัศนคติ  หรือแม้แต่บุคลิกภาพของสถภาพสตรีท่านนี้แรงและกร้าวสมกับที่ท่านได้ให้นนิยาม  ตนเองไว้ว่าผู้หญิงอย่าง  อาจารย์นันทนา  นันทโรภาสนั้นเป็นคนกล้าและกร้าวร้าวหลังจากอ่านจบทุกคนคงคิดเช่นเดียวกับผม 

สรุปย่อความรูปแบบการพูดของ อ. นันทนา
    นักพูดสาวพราวเสน่ห์  อีกคนหนึ่งของวงการนักพูดในเมืองไทยขณะนี้  ได้มีข่าวลือว่าจะออกจากวงการไปเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก  เป็นแม่ศรีเรือนก็คือ  อาจารย์นันทนา  นันทวโรภาส  ตอนนี้ท่านก็สอนหนังสืออยู่หลายมหาวิทยาลัยด้วยกัน  อาจารย์ได้ฝึกฝนการพูดมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่แล้ว  จนถึงปัจจุบันได้เป็นนักพูดอาชีพอย่างเต็มตัว
      รูปแบบการพูดของอาจารย์
    อาจารย์พูดครั้งใดจะใส่ความเป็นตัวของตัวเองไปร้อยเปอร์เซ็นต์  อาจารย์จะใส่เสียงไปเต็มร้อยจะไม่มีนันทนา  เอฟ.เอ็ม  คือเสียงจะนุ่มนิ่ม  พูดแต่ละครั้งพูดออกไปชัดเจนพูดตรงตามเนื้อหาที่ค้นคว้ามา  ส่วนลีลาร่วมสมัย  อาจารย์เป็นคนที่ติดพูดเสียดสีนิดๆ  ถากถางหน่อยๆ  เพราะเข้าหูคนฟังเมือใดก็ได้อารมณ์สนุกตาม  อาจารย์เป็นห้าว  ไม่พูดจาหวานแหวว  เป็นคนกล้ามั่นใจในตนเอง  ไม่ค่อยกลัวว่าพูดออกไปจะกระทบใครบ้าง  บางครั้งอาจารย์จะพูดเรื่องความรู้แล้ว สอดแทรกมุขตลกที่ออกจะนอกเรื่องไปบ้างเพื่อสีสันคลายเครียด  เวลาอาจารย์พูดมุขตลก  อาจารย์ไม่ใช่มุขตลกตีหัวแต่เป็นตลกปัญญาชน  สิ่งที่ผ่านออกมาจากตัวอาจารย์ ได้กลั่นกรอง  เป็นความพร้อมของสมองแล้ว  เวลาที่อาจารย์อยู่บนเวที บุคลิกลักษณะมั่นใจในตัวเอง  ลีลาการย่างก้าวด้วยความมั่นใจ  ทั้งความพร้อม  พูดแต่ละครั้งอักขระชัดเจน  ตัว ล.ลิง  ร. เรือ   ชัดเจนจน กบว. ไม่กล้าตัดออกเลย  ทั้งๆ  ที่ท่านมีเชื้อจากจีนแผ่นดินใหญ่แท้ๆ  ยังพูดได้ชัดเจนขนาดนี้  น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง  แม้บางเวลาที่พูดผิดไปในบางจังหวะ  แต่ด้วยความคิดอันฉับไวและรวดเร็ว  แก้ไขสถานะการณ์ไปได้ด้วยดีเสมอคงต้องยอมรับว่า  ทั้งวาทะ  แนวคิด  ทัศนคติ  หรือ  แม้แต่บุคลิกภาพของสุภาพสตรีท่านนี้  แรงและ กร้าวสมกับนิยามที่ท่านให้กับตัวเองไว้ว่า  ผู้หญิงอย่างอาจารย์นันทนา  นันทวโรภาส  เป็นคนกล้าและกร้าว  แต่ไม่ใช่กร้าวร้าว  หลังจากได้ฟังที่เล่ามาคงมีความคิดเช่นเดียวกันนะครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘