18จุฑามาศ ศิริวรรณ

 จุฑามาศ  ศิริวรรณ
    การทุ่มเททั้งกายและกำลังใจ  ผนึกกับความตั้งมั่นในผลสัมฤทธิ์แห่งงาน  ทำให้จุฑามาศ
ศิริวรรณ  ผู้หญิงคนแรกและคนเดียวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  ได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่งรองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  แต่หนทางใช่จะไร้ซึ่งขวากหนาม  วันเวลาเกือบ 30 ปีของชีวิตการทำงาน  สร้างบทพิสูจน์มากมายให้ท่านผู้นี้ได้แสดงศักยภาพ  โดยมีโจทย์สำคัญที่ต้องแก้ไขมากมาย  เพื่อให้เกิดการยอมรับในความสามารถของการทำงานที่ผ่านมาวันแล้ววันเล่า 
    วัยอายุ 53 ปี เป็นอายุของผู้หญิงเก่งท่านนี้  ซึ่งหากมองในด้านการทำงานของบริษัทเอกชน ตำแหน่งหน้าที่การงานระดับนี้กับอายุเท่านี้คงไม่น่าตื่นเต้นนัก  ดูจะช้าไปด้วยซ้ำ  แต่มองอีกด้านหนึ่งแล้วกลับไม่ใช่… ททท.ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าองค์กรแห่งนี้ใหญ่โตแค่ไหน  และมีบุคลากรมากมายเพียงใด  ดังนั้นการจะก้าวถึงบันไดขั้นนี้…ไม่ง่ายอย่างแน่นอน  ท่านรองผู้ว่าการฯหญิงจึงต้องพบอุปสรรคนานัปการ  ดังได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว  และหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ท่านยอมแพ้ไม่ได้ คือ ข้อกังขาที่ว่า “ท่านมีวันนี้ไม่ได้เป็นเพราะความสามารถ  แต่เพราะเป็นผู้หญิงต่างหาก”  ในเมื่อท่านมีความสามารถเรียนหนังสือมาก็ตั้งเยอะแยะ  การกล่าวหาก็ยังเป็นการกล่าวหา  ย่อมพิสูจน์ไม่ได้บางครั้งเรื่องบางเรื่องต้องให้เวลามาช่วยในการตัดสินเหมือนกัน  แต่ถ้าว่ากันไปก็เป็นความโชคดีของท่านที่ได้เรียนรัฐศาสตร์ คณะนี้สอนให้ผู้หญิงไม่ค่อยเป็นผู้หญิง  ทำให้ท่านมีบุคลิกลุยๆ ไม่ได้ดูบอบบาง  ประกอบกับประสบการณ์และวิธีการเป็นสิ่งสำคัญที่ท่านเองได้นิสัยความกล้ามาจากคุณแม่ ซึ่งค่อนข้างเด็ดขาด มีความเป็นนักเลง กล้าคิด กล้าตัดสินใจ  ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า  ความมาดมั่นในการทำงานของท่านรองผู้ว่าการฯหญิงคนนี้จึงดูเฉียบขาด  และเด่นชัดถึงความเป็นผู้นำระดับสูง  เพราะท่านสนิทชิดเชื้อกับคุณแม่ของท่านมากมายเสียจนแทบจะถ่ายทอดบุคลิกความเด็ดเดี่ยวของท่านได้ราวกับพิมพ์เดียวกัน
    เมื่อมองย้อนกลับไปในโลกของวัยเยาว์  เด็กหญิงจุฑามาศ เกิดและเติบโตในจังหวัดเพชรบุรีมีคุณพ่อ คุณแม่ และพี่น้องอีก 4 คน  จนกระทั่งเข้าม.1ที่โรงเรียนสตรีวิทยา ที่กรุงเทพฯจนจบม.8ในสมัยนั้น  จากนั้นเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย โดยเลือกรัฐศาสตร์ จุฬาฯ  เพราะท่านเกิดความรู้สึกอยากเป็นฑูต  และวิชาที่ทำคะแนนดีที่สุดจะเป็นทางด้านภาษา ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส  ยิ่งทำให้อยากเรียนมากขึ้น  แต่พอเข้าไปเรียนแทนที่จะเรียนรัฐศาสตร์การฑูตกลับไปเรียนการคลังแทน  อาจเป็นเพราะตอนนั้นนิสัยยังเด็กๆ เข้าไปเรียนปี 1 ก็เจอกลุ่มเพื่อนสนิทซึ่งไม่มีใครเรียนการฑูตเลย มีแต่เรียนการคลังทั้งนั้น  ชีวิตของท่านจึงหักเหจากที่ตั้งใจ  แต่ก็สามารถเรียนจนจบได้  และทันทีที่ท่านจบการศึกษาระดับปริญญาตรี  เป้าหมายทางด้านการศึกษาต่อไปก็คือ บริหารธุรกิจทางด้านการเงินที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา  กระทั่งจบปริญญาโท ก็กลับมาทำงานที่บ้านเกิดเมืองนอน  ชีวิตการทำงานเริ่มต้น ณ สำนักงบประมาณ  ทำไปได้ 5-6 ปี  ผู้หญิงที่ไม่เคยหยุดนิ่งกับความก้าวหน้าในการทำงานคนนี้ได้เล็งเห็นแล้วว่า  ตัวเองไม่เหมาะสมกับงานที่ทำอยู่สักเท่าไรนัก  พอดีช่วงนั้นพันเอกสมชาย หิรัญกิจ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการอ.ส.ท.(องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)ชวนท่านมาทำงานด้วย  และท่านก็ได้ทำงานด้านงบประมาณ  แต่บรรยากาศเปลี่ยนไป เพราะเปลี่ยนองค์กร ระเบียบ และระบบการทำงาน  ระหว่างสำนักงบประมาณกับที่ทำงานใหม่มีความต่างกันมาก  การทำงาน ในระบบราชการมีกฎ มีกติกาหลายอย่าง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกำหนด  จริงๆ แล้วในแง่ระเบียบวินัยท่านยินดีทำตามทุกอย่าง  แต่ในแง่ของการบังคับด้านความคิดคนเราจะบังคับความคิดกันไม่ได้หรอก  ต้องทำอย่างที่ตัวคิดและตัวเองชอบถึงจะทำได้ดี  และท่านก็เป็นคนที่ใครมาบังคับความคิดกันไม่ได้  ชีวิตใหม่ในททท.ดูเหมือนว่าจะถูกอกถูกใจท่านเสียเหลือเกิน  มิฉะนั้นหญิงผู้รักการทำงานเป็นชีวิตจิตใจคนนี้  คงไม่อยู่ที่นี่  ทำงานที่นี้กระทั่งถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน
    ประมาณปี 2530 ท่านเริ่มเปลี่ยนมาทำฝ่ายแผนการท่องเที่ยว  ซึ่งกลายเป็นว่า งานนี้แหละเป็นงานค้นพบในตอนหลังว่าเป็นสิ่งที่ท่านชอบมากที่สุด  ด้วยความชอบนี้เอง ท่านจึงทำงานไปได้อย่างมีความสุขและสนุกที่จะทำผลงานทุกอย่างจึงออกมาได้ดีดังใจคิดและประสความสำเร็จเรื่อยมา  ก้าวย่างในตำแหน่งผู้บริหารในวันนี้  ทำให้หน้าที่รับผิดชอบของรองผู้ว่าการฯ มีงานเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวทีเดียว  แต่ท่านก็สู้ไม่ถอยอยู่แล้ว  งานหลักๆ ทุกวันนี้ ท่านก็ดูแลในเรื่องการบริหารการจัดการ ดูแลเรื่องบุคลากร โดยการบริหารองค์กรก็จะดูแลเรื่องเงินที่เป็นงบประมาณ  จัดหางบประมาณทางด้านการพัฒนาตลาด  และโครงการพิเศษในด้านของการท่องเที่ยว  นอกจากนี้ยังดูแลในเรื่องการปรับปรุงองค์กรในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ  อีกส่วนที่รับผิดชอบและค่อนข้างเป็นงานที่ใหญ่ก็คือ เรื่องของงานที่ทำเกี่ยวกับทางด้านของการพัฒนาด้วยเงินกู้  นี่แหละคืองานหลักที่ท่านต้องรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งใช่ว่าจะหมดแค่นี้  ในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวก็ยังมีอีกมากมาย  และผลงานที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นฝีไม้ลายมือได้เป็นอย่างดี  งานระดับโลกอย่าง “โครงการอะเมซิ่งไทยแลนด์” ท่านก็เป็นฟันเฟืองสำคัญให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงเช่นกัน  ซึ่งการประสบความสำเร็จในครั้งนี้มีองค์ประกอบสำคัญๆ ที่เป็นส่วนผลักดันคือ หนึ่ง ท่านได้มีการวางแผนเรื่องการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้านานพอควร เพราะท่านรู้วาจะมีเอเชี่ยนเกมส์ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ 72 พรรษา  คงจะเป็นปีที่มีการเฉลิมฉลองตลอด  ถือเป็นโอกาสที่จะโฆษณาประเทศได้  สอง คือ ความร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดีของทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงประชาชนทั่วไป  ซึ่งงานโครงการอย่างอะเมซิ่งไทยแลนด์นี้ท่านต้องคิดเองทำเอง  ถ้าเป็นงานประจำก็จะมีลูกน้องและเจ้าหน้าที่ประจำที่เขาชำนาญและทำได้อยู่แล้ว  เมืองไทยต้องการคนที่มาช่วยกันคิด  เพราะฉะนั้นถ้าท่านอยู่ในตำแหน่งที่จะช่วยคิดสร้างสรรค์งานได้ ก็จะเป็นที่จะต้องใช้      
และจากการที่ท่านเองมีประสบการณ์ในการเดินทางมามาก ได้เห็นประเทศต่างๆ และได้ดูเรื่องการท่องเที่ยวจากนานาประเทศ  ท่านก็พยายามเอาความดีและไม่ดีของแต่ละประเทศมาปรับใช้ในบ้านเรา  ในส่วนของงานประจำทางด้านการท่องเที่ยว  ท่านถือว่าททท.มีเจ้าหน้าที่ทำอยู่แล้ว  แต่งานบางงานก็ต้องการความสนใจเป็นพิเศษ หรือต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษและต้องการความคิด
    ในเรื่องการปรับตัวเองในการทำงานแต่ละงาน  โดยส่วนตัวแล้วท่านไม่ค่อยได้ปรับอะไรมากมาย  เพราะท่านรู้หน้าที่ของท่าน  แต่เวลาทำงานก็ต้องความรอบรู้ด้วยและต้องมีไหวพริบที่จะทำ  และถือเป็นความโชคดีที่ท่านได้ทำงานกับนายเก่งๆ มาตลอด  อีกอย่างการใกล้ชิดผู้ใหญ่ทำให้รู้ว่าเวลามีปัญหา เวลาตัดสินใจอะไร ท่านผู้ใหญ่เหล่านั้นทำกันอย่างไรบ้าง  ถือเป็นวิธีการเรียนรู้จากผู้ใหญ่ทุกท่านที่ท่านอยู่ด้วย  สำหรับการมองตัวของท่านเอง ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจไว้อยู่อย่างหนึ่งว่า จะให้เปลี่ยนคนอื่นนั้นยาก ถ้าจะปรับต้องปรับที่ตัวเองก่อน เพราะแต่ละคนนั้นย่อมรู้จักตัวเองดีกว่าใคร  ซึ่งท่านก็จะมีจุดอ่อนก็คือ ชีวิตครอบครัว ท่านยอมรับข้อนี้ดี  เพราะแต่ละวันท่านหมดเวลาไปกับการทำงาน ตั้งแต่สมัยสาวๆ จนแต่งงานท่านก็ยังทุ่มเทให้กับการทำงาน  จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนทุกคนที่เกิดมาแล้วมีชีวิตสมบูรณ์พูนสุขโดยไร้ทุกข์หรือไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เลย  ความสุขต่างหากที่จะทำให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง  ยิ่งเป็นความสุขบนทางที่ตนเองได้เลือกเองด้วยแล้ว  กำลังใจในการสู้ชีวิตต่อไปย่อมเกิดขึ้นกับบุคคลนั้นอย่างแน่นอน  และบนเส้นทางการทำงานของคนทุกคน  ย่อมต้องมีจุดหมายแห่งความก้าวหน้าและความสำเร็จ  รองผู้ว่าการฯหญิงคนเดียวของททท.คนนี้ก็เช่นกัน
    สุดท้ายเป้าหมายในการทำงานของท่าน ก็คือ อยากทำเรื่องการท่องเที่ยวให้ดีที่สุด  โดยตอนนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยที่เรียกว่า  มีรากฐานมั่นคง แข็งแรงแล้ว มีคนดูแลรักษาอย่างดี สามารถดำเนินงานไปได้  ท่านก็อยากคิดงานใหม่ ด้วยการสร้างองค์กรใหม่  เพราะเป็นประโยชน์กับประเทศ  ดูเหมือนว่าลมหายใจเข้าออกของผู้หญิงผู้นำท่านนี้เป็นเรื่องงานมาโดยตลอด  ทุกความคิด ทุกการทำงาน  คนที่ได้รับประโยชน์ล้วนแล้วแต่เป็นคนไทยทุกคน  ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยกย่องในความเก่งกล้าสามารถของท่านรองผู้ว่าการฯ หญิงคนแรกและคนเดียวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนี้

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘