18จุฑามาศ ศิริวรรณ
จุฑามาศ ศิริวรรณ
การทุ่มเททั้งกายและกำลังใจ ผนึกกับความตั้งมั่นในผลสัมฤทธิ์แห่งงาน ทำให้จุฑามาศ
ศิริวรรณ ผู้หญิงคนแรกและคนเดียวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่งรองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แต่หนทางใช่จะไร้ซึ่งขวากหนาม วันเวลาเกือบ 30 ปีของชีวิตการทำงาน สร้างบทพิสูจน์มากมายให้ท่านผู้นี้ได้แสดงศักยภาพ โดยมีโจทย์สำคัญที่ต้องแก้ไขมากมาย เพื่อให้เกิดการยอมรับในความสามารถของการทำงานที่ผ่านมาวันแล้ววันเล่า
วัยอายุ 53 ปี เป็นอายุของผู้หญิงเก่งท่านนี้ ซึ่งหากมองในด้านการทำงานของบริษัทเอกชน ตำแหน่งหน้าที่การงานระดับนี้กับอายุเท่านี้คงไม่น่าตื่นเต้นนัก ดูจะช้าไปด้วยซ้ำ แต่มองอีกด้านหนึ่งแล้วกลับไม่ใช่… ททท.ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าองค์กรแห่งนี้ใหญ่โตแค่ไหน และมีบุคลากรมากมายเพียงใด ดังนั้นการจะก้าวถึงบันไดขั้นนี้…ไม่ง่ายอย่างแน่นอน ท่านรองผู้ว่าการฯหญิงจึงต้องพบอุปสรรคนานัปการ ดังได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว และหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ท่านยอมแพ้ไม่ได้ คือ ข้อกังขาที่ว่า “ท่านมีวันนี้ไม่ได้เป็นเพราะความสามารถ แต่เพราะเป็นผู้หญิงต่างหาก” ในเมื่อท่านมีความสามารถเรียนหนังสือมาก็ตั้งเยอะแยะ การกล่าวหาก็ยังเป็นการกล่าวหา ย่อมพิสูจน์ไม่ได้บางครั้งเรื่องบางเรื่องต้องให้เวลามาช่วยในการตัดสินเหมือนกัน แต่ถ้าว่ากันไปก็เป็นความโชคดีของท่านที่ได้เรียนรัฐศาสตร์ คณะนี้สอนให้ผู้หญิงไม่ค่อยเป็นผู้หญิง ทำให้ท่านมีบุคลิกลุยๆ ไม่ได้ดูบอบบาง ประกอบกับประสบการณ์และวิธีการเป็นสิ่งสำคัญที่ท่านเองได้นิสัยความกล้ามาจากคุณแม่ ซึ่งค่อนข้างเด็ดขาด มีความเป็นนักเลง กล้าคิด กล้าตัดสินใจ ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ความมาดมั่นในการทำงานของท่านรองผู้ว่าการฯหญิงคนนี้จึงดูเฉียบขาด และเด่นชัดถึงความเป็นผู้นำระดับสูง เพราะท่านสนิทชิดเชื้อกับคุณแม่ของท่านมากมายเสียจนแทบจะถ่ายทอดบุคลิกความเด็ดเดี่ยวของท่านได้ราวกับพิมพ์เดียวกัน
เมื่อมองย้อนกลับไปในโลกของวัยเยาว์ เด็กหญิงจุฑามาศ เกิดและเติบโตในจังหวัดเพชรบุรีมีคุณพ่อ คุณแม่ และพี่น้องอีก 4 คน จนกระทั่งเข้าม.1ที่โรงเรียนสตรีวิทยา ที่กรุงเทพฯจนจบม.8ในสมัยนั้น จากนั้นเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย โดยเลือกรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เพราะท่านเกิดความรู้สึกอยากเป็นฑูต และวิชาที่ทำคะแนนดีที่สุดจะเป็นทางด้านภาษา ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส ยิ่งทำให้อยากเรียนมากขึ้น แต่พอเข้าไปเรียนแทนที่จะเรียนรัฐศาสตร์การฑูตกลับไปเรียนการคลังแทน อาจเป็นเพราะตอนนั้นนิสัยยังเด็กๆ เข้าไปเรียนปี 1 ก็เจอกลุ่มเพื่อนสนิทซึ่งไม่มีใครเรียนการฑูตเลย มีแต่เรียนการคลังทั้งนั้น ชีวิตของท่านจึงหักเหจากที่ตั้งใจ แต่ก็สามารถเรียนจนจบได้ และทันทีที่ท่านจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เป้าหมายทางด้านการศึกษาต่อไปก็คือ บริหารธุรกิจทางด้านการเงินที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา กระทั่งจบปริญญาโท ก็กลับมาทำงานที่บ้านเกิดเมืองนอน ชีวิตการทำงานเริ่มต้น ณ สำนักงบประมาณ ทำไปได้ 5-6 ปี ผู้หญิงที่ไม่เคยหยุดนิ่งกับความก้าวหน้าในการทำงานคนนี้ได้เล็งเห็นแล้วว่า ตัวเองไม่เหมาะสมกับงานที่ทำอยู่สักเท่าไรนัก พอดีช่วงนั้นพันเอกสมชาย หิรัญกิจ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการอ.ส.ท.(องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)ชวนท่านมาทำงานด้วย และท่านก็ได้ทำงานด้านงบประมาณ แต่บรรยากาศเปลี่ยนไป เพราะเปลี่ยนองค์กร ระเบียบ และระบบการทำงาน ระหว่างสำนักงบประมาณกับที่ทำงานใหม่มีความต่างกันมาก การทำงาน ในระบบราชการมีกฎ มีกติกาหลายอย่าง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกำหนด จริงๆ แล้วในแง่ระเบียบวินัยท่านยินดีทำตามทุกอย่าง แต่ในแง่ของการบังคับด้านความคิดคนเราจะบังคับความคิดกันไม่ได้หรอก ต้องทำอย่างที่ตัวคิดและตัวเองชอบถึงจะทำได้ดี และท่านก็เป็นคนที่ใครมาบังคับความคิดกันไม่ได้ ชีวิตใหม่ในททท.ดูเหมือนว่าจะถูกอกถูกใจท่านเสียเหลือเกิน มิฉะนั้นหญิงผู้รักการทำงานเป็นชีวิตจิตใจคนนี้ คงไม่อยู่ที่นี่ ทำงานที่นี้กระทั่งถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน
ประมาณปี 2530 ท่านเริ่มเปลี่ยนมาทำฝ่ายแผนการท่องเที่ยว ซึ่งกลายเป็นว่า งานนี้แหละเป็นงานค้นพบในตอนหลังว่าเป็นสิ่งที่ท่านชอบมากที่สุด ด้วยความชอบนี้เอง ท่านจึงทำงานไปได้อย่างมีความสุขและสนุกที่จะทำผลงานทุกอย่างจึงออกมาได้ดีดังใจคิดและประสความสำเร็จเรื่อยมา ก้าวย่างในตำแหน่งผู้บริหารในวันนี้ ทำให้หน้าที่รับผิดชอบของรองผู้ว่าการฯ มีงานเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวทีเดียว แต่ท่านก็สู้ไม่ถอยอยู่แล้ว งานหลักๆ ทุกวันนี้ ท่านก็ดูแลในเรื่องการบริหารการจัดการ ดูแลเรื่องบุคลากร โดยการบริหารองค์กรก็จะดูแลเรื่องเงินที่เป็นงบประมาณ จัดหางบประมาณทางด้านการพัฒนาตลาด และโครงการพิเศษในด้านของการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังดูแลในเรื่องการปรับปรุงองค์กรในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ อีกส่วนที่รับผิดชอบและค่อนข้างเป็นงานที่ใหญ่ก็คือ เรื่องของงานที่ทำเกี่ยวกับทางด้านของการพัฒนาด้วยเงินกู้ นี่แหละคืองานหลักที่ท่านต้องรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งใช่ว่าจะหมดแค่นี้ ในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวก็ยังมีอีกมากมาย และผลงานที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นฝีไม้ลายมือได้เป็นอย่างดี งานระดับโลกอย่าง “โครงการอะเมซิ่งไทยแลนด์” ท่านก็เป็นฟันเฟืองสำคัญให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงเช่นกัน ซึ่งการประสบความสำเร็จในครั้งนี้มีองค์ประกอบสำคัญๆ ที่เป็นส่วนผลักดันคือ หนึ่ง ท่านได้มีการวางแผนเรื่องการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้านานพอควร เพราะท่านรู้วาจะมีเอเชี่ยนเกมส์ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ 72 พรรษา คงจะเป็นปีที่มีการเฉลิมฉลองตลอด ถือเป็นโอกาสที่จะโฆษณาประเทศได้ สอง คือ ความร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดีของทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งงานโครงการอย่างอะเมซิ่งไทยแลนด์นี้ท่านต้องคิดเองทำเอง ถ้าเป็นงานประจำก็จะมีลูกน้องและเจ้าหน้าที่ประจำที่เขาชำนาญและทำได้อยู่แล้ว เมืองไทยต้องการคนที่มาช่วยกันคิด เพราะฉะนั้นถ้าท่านอยู่ในตำแหน่งที่จะช่วยคิดสร้างสรรค์งานได้ ก็จะเป็นที่จะต้องใช้
และจากการที่ท่านเองมีประสบการณ์ในการเดินทางมามาก ได้เห็นประเทศต่างๆ และได้ดูเรื่องการท่องเที่ยวจากนานาประเทศ ท่านก็พยายามเอาความดีและไม่ดีของแต่ละประเทศมาปรับใช้ในบ้านเรา ในส่วนของงานประจำทางด้านการท่องเที่ยว ท่านถือว่าททท.มีเจ้าหน้าที่ทำอยู่แล้ว แต่งานบางงานก็ต้องการความสนใจเป็นพิเศษ หรือต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษและต้องการความคิด
ในเรื่องการปรับตัวเองในการทำงานแต่ละงาน โดยส่วนตัวแล้วท่านไม่ค่อยได้ปรับอะไรมากมาย เพราะท่านรู้หน้าที่ของท่าน แต่เวลาทำงานก็ต้องความรอบรู้ด้วยและต้องมีไหวพริบที่จะทำ และถือเป็นความโชคดีที่ท่านได้ทำงานกับนายเก่งๆ มาตลอด อีกอย่างการใกล้ชิดผู้ใหญ่ทำให้รู้ว่าเวลามีปัญหา เวลาตัดสินใจอะไร ท่านผู้ใหญ่เหล่านั้นทำกันอย่างไรบ้าง ถือเป็นวิธีการเรียนรู้จากผู้ใหญ่ทุกท่านที่ท่านอยู่ด้วย สำหรับการมองตัวของท่านเอง ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจไว้อยู่อย่างหนึ่งว่า จะให้เปลี่ยนคนอื่นนั้นยาก ถ้าจะปรับต้องปรับที่ตัวเองก่อน เพราะแต่ละคนนั้นย่อมรู้จักตัวเองดีกว่าใคร ซึ่งท่านก็จะมีจุดอ่อนก็คือ ชีวิตครอบครัว ท่านยอมรับข้อนี้ดี เพราะแต่ละวันท่านหมดเวลาไปกับการทำงาน ตั้งแต่สมัยสาวๆ จนแต่งงานท่านก็ยังทุ่มเทให้กับการทำงาน จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนทุกคนที่เกิดมาแล้วมีชีวิตสมบูรณ์พูนสุขโดยไร้ทุกข์หรือไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เลย ความสุขต่างหากที่จะทำให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง ยิ่งเป็นความสุขบนทางที่ตนเองได้เลือกเองด้วยแล้ว กำลังใจในการสู้ชีวิตต่อไปย่อมเกิดขึ้นกับบุคคลนั้นอย่างแน่นอน และบนเส้นทางการทำงานของคนทุกคน ย่อมต้องมีจุดหมายแห่งความก้าวหน้าและความสำเร็จ รองผู้ว่าการฯหญิงคนเดียวของททท.คนนี้ก็เช่นกัน
สุดท้ายเป้าหมายในการทำงานของท่าน ก็คือ อยากทำเรื่องการท่องเที่ยวให้ดีที่สุด โดยตอนนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยที่เรียกว่า มีรากฐานมั่นคง แข็งแรงแล้ว มีคนดูแลรักษาอย่างดี สามารถดำเนินงานไปได้ ท่านก็อยากคิดงานใหม่ ด้วยการสร้างองค์กรใหม่ เพราะเป็นประโยชน์กับประเทศ ดูเหมือนว่าลมหายใจเข้าออกของผู้หญิงผู้นำท่านนี้เป็นเรื่องงานมาโดยตลอด ทุกความคิด ทุกการทำงาน คนที่ได้รับประโยชน์ล้วนแล้วแต่เป็นคนไทยทุกคน ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยกย่องในความเก่งกล้าสามารถของท่านรองผู้ว่าการฯ หญิงคนแรกและคนเดียวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนี้
การทุ่มเททั้งกายและกำลังใจ ผนึกกับความตั้งมั่นในผลสัมฤทธิ์แห่งงาน ทำให้จุฑามาศ
ศิริวรรณ ผู้หญิงคนแรกและคนเดียวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่งรองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แต่หนทางใช่จะไร้ซึ่งขวากหนาม วันเวลาเกือบ 30 ปีของชีวิตการทำงาน สร้างบทพิสูจน์มากมายให้ท่านผู้นี้ได้แสดงศักยภาพ โดยมีโจทย์สำคัญที่ต้องแก้ไขมากมาย เพื่อให้เกิดการยอมรับในความสามารถของการทำงานที่ผ่านมาวันแล้ววันเล่า
วัยอายุ 53 ปี เป็นอายุของผู้หญิงเก่งท่านนี้ ซึ่งหากมองในด้านการทำงานของบริษัทเอกชน ตำแหน่งหน้าที่การงานระดับนี้กับอายุเท่านี้คงไม่น่าตื่นเต้นนัก ดูจะช้าไปด้วยซ้ำ แต่มองอีกด้านหนึ่งแล้วกลับไม่ใช่… ททท.ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าองค์กรแห่งนี้ใหญ่โตแค่ไหน และมีบุคลากรมากมายเพียงใด ดังนั้นการจะก้าวถึงบันไดขั้นนี้…ไม่ง่ายอย่างแน่นอน ท่านรองผู้ว่าการฯหญิงจึงต้องพบอุปสรรคนานัปการ ดังได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว และหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ท่านยอมแพ้ไม่ได้ คือ ข้อกังขาที่ว่า “ท่านมีวันนี้ไม่ได้เป็นเพราะความสามารถ แต่เพราะเป็นผู้หญิงต่างหาก” ในเมื่อท่านมีความสามารถเรียนหนังสือมาก็ตั้งเยอะแยะ การกล่าวหาก็ยังเป็นการกล่าวหา ย่อมพิสูจน์ไม่ได้บางครั้งเรื่องบางเรื่องต้องให้เวลามาช่วยในการตัดสินเหมือนกัน แต่ถ้าว่ากันไปก็เป็นความโชคดีของท่านที่ได้เรียนรัฐศาสตร์ คณะนี้สอนให้ผู้หญิงไม่ค่อยเป็นผู้หญิง ทำให้ท่านมีบุคลิกลุยๆ ไม่ได้ดูบอบบาง ประกอบกับประสบการณ์และวิธีการเป็นสิ่งสำคัญที่ท่านเองได้นิสัยความกล้ามาจากคุณแม่ ซึ่งค่อนข้างเด็ดขาด มีความเป็นนักเลง กล้าคิด กล้าตัดสินใจ ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ความมาดมั่นในการทำงานของท่านรองผู้ว่าการฯหญิงคนนี้จึงดูเฉียบขาด และเด่นชัดถึงความเป็นผู้นำระดับสูง เพราะท่านสนิทชิดเชื้อกับคุณแม่ของท่านมากมายเสียจนแทบจะถ่ายทอดบุคลิกความเด็ดเดี่ยวของท่านได้ราวกับพิมพ์เดียวกัน
เมื่อมองย้อนกลับไปในโลกของวัยเยาว์ เด็กหญิงจุฑามาศ เกิดและเติบโตในจังหวัดเพชรบุรีมีคุณพ่อ คุณแม่ และพี่น้องอีก 4 คน จนกระทั่งเข้าม.1ที่โรงเรียนสตรีวิทยา ที่กรุงเทพฯจนจบม.8ในสมัยนั้น จากนั้นเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย โดยเลือกรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เพราะท่านเกิดความรู้สึกอยากเป็นฑูต และวิชาที่ทำคะแนนดีที่สุดจะเป็นทางด้านภาษา ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส ยิ่งทำให้อยากเรียนมากขึ้น แต่พอเข้าไปเรียนแทนที่จะเรียนรัฐศาสตร์การฑูตกลับไปเรียนการคลังแทน อาจเป็นเพราะตอนนั้นนิสัยยังเด็กๆ เข้าไปเรียนปี 1 ก็เจอกลุ่มเพื่อนสนิทซึ่งไม่มีใครเรียนการฑูตเลย มีแต่เรียนการคลังทั้งนั้น ชีวิตของท่านจึงหักเหจากที่ตั้งใจ แต่ก็สามารถเรียนจนจบได้ และทันทีที่ท่านจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เป้าหมายทางด้านการศึกษาต่อไปก็คือ บริหารธุรกิจทางด้านการเงินที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา กระทั่งจบปริญญาโท ก็กลับมาทำงานที่บ้านเกิดเมืองนอน ชีวิตการทำงานเริ่มต้น ณ สำนักงบประมาณ ทำไปได้ 5-6 ปี ผู้หญิงที่ไม่เคยหยุดนิ่งกับความก้าวหน้าในการทำงานคนนี้ได้เล็งเห็นแล้วว่า ตัวเองไม่เหมาะสมกับงานที่ทำอยู่สักเท่าไรนัก พอดีช่วงนั้นพันเอกสมชาย หิรัญกิจ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการอ.ส.ท.(องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)ชวนท่านมาทำงานด้วย และท่านก็ได้ทำงานด้านงบประมาณ แต่บรรยากาศเปลี่ยนไป เพราะเปลี่ยนองค์กร ระเบียบ และระบบการทำงาน ระหว่างสำนักงบประมาณกับที่ทำงานใหม่มีความต่างกันมาก การทำงาน ในระบบราชการมีกฎ มีกติกาหลายอย่าง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกำหนด จริงๆ แล้วในแง่ระเบียบวินัยท่านยินดีทำตามทุกอย่าง แต่ในแง่ของการบังคับด้านความคิดคนเราจะบังคับความคิดกันไม่ได้หรอก ต้องทำอย่างที่ตัวคิดและตัวเองชอบถึงจะทำได้ดี และท่านก็เป็นคนที่ใครมาบังคับความคิดกันไม่ได้ ชีวิตใหม่ในททท.ดูเหมือนว่าจะถูกอกถูกใจท่านเสียเหลือเกิน มิฉะนั้นหญิงผู้รักการทำงานเป็นชีวิตจิตใจคนนี้ คงไม่อยู่ที่นี่ ทำงานที่นี้กระทั่งถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน
ประมาณปี 2530 ท่านเริ่มเปลี่ยนมาทำฝ่ายแผนการท่องเที่ยว ซึ่งกลายเป็นว่า งานนี้แหละเป็นงานค้นพบในตอนหลังว่าเป็นสิ่งที่ท่านชอบมากที่สุด ด้วยความชอบนี้เอง ท่านจึงทำงานไปได้อย่างมีความสุขและสนุกที่จะทำผลงานทุกอย่างจึงออกมาได้ดีดังใจคิดและประสความสำเร็จเรื่อยมา ก้าวย่างในตำแหน่งผู้บริหารในวันนี้ ทำให้หน้าที่รับผิดชอบของรองผู้ว่าการฯ มีงานเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวทีเดียว แต่ท่านก็สู้ไม่ถอยอยู่แล้ว งานหลักๆ ทุกวันนี้ ท่านก็ดูแลในเรื่องการบริหารการจัดการ ดูแลเรื่องบุคลากร โดยการบริหารองค์กรก็จะดูแลเรื่องเงินที่เป็นงบประมาณ จัดหางบประมาณทางด้านการพัฒนาตลาด และโครงการพิเศษในด้านของการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังดูแลในเรื่องการปรับปรุงองค์กรในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ อีกส่วนที่รับผิดชอบและค่อนข้างเป็นงานที่ใหญ่ก็คือ เรื่องของงานที่ทำเกี่ยวกับทางด้านของการพัฒนาด้วยเงินกู้ นี่แหละคืองานหลักที่ท่านต้องรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งใช่ว่าจะหมดแค่นี้ ในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวก็ยังมีอีกมากมาย และผลงานที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นฝีไม้ลายมือได้เป็นอย่างดี งานระดับโลกอย่าง “โครงการอะเมซิ่งไทยแลนด์” ท่านก็เป็นฟันเฟืองสำคัญให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงเช่นกัน ซึ่งการประสบความสำเร็จในครั้งนี้มีองค์ประกอบสำคัญๆ ที่เป็นส่วนผลักดันคือ หนึ่ง ท่านได้มีการวางแผนเรื่องการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้านานพอควร เพราะท่านรู้วาจะมีเอเชี่ยนเกมส์ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ 72 พรรษา คงจะเป็นปีที่มีการเฉลิมฉลองตลอด ถือเป็นโอกาสที่จะโฆษณาประเทศได้ สอง คือ ความร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดีของทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งงานโครงการอย่างอะเมซิ่งไทยแลนด์นี้ท่านต้องคิดเองทำเอง ถ้าเป็นงานประจำก็จะมีลูกน้องและเจ้าหน้าที่ประจำที่เขาชำนาญและทำได้อยู่แล้ว เมืองไทยต้องการคนที่มาช่วยกันคิด เพราะฉะนั้นถ้าท่านอยู่ในตำแหน่งที่จะช่วยคิดสร้างสรรค์งานได้ ก็จะเป็นที่จะต้องใช้
และจากการที่ท่านเองมีประสบการณ์ในการเดินทางมามาก ได้เห็นประเทศต่างๆ และได้ดูเรื่องการท่องเที่ยวจากนานาประเทศ ท่านก็พยายามเอาความดีและไม่ดีของแต่ละประเทศมาปรับใช้ในบ้านเรา ในส่วนของงานประจำทางด้านการท่องเที่ยว ท่านถือว่าททท.มีเจ้าหน้าที่ทำอยู่แล้ว แต่งานบางงานก็ต้องการความสนใจเป็นพิเศษ หรือต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษและต้องการความคิด
ในเรื่องการปรับตัวเองในการทำงานแต่ละงาน โดยส่วนตัวแล้วท่านไม่ค่อยได้ปรับอะไรมากมาย เพราะท่านรู้หน้าที่ของท่าน แต่เวลาทำงานก็ต้องความรอบรู้ด้วยและต้องมีไหวพริบที่จะทำ และถือเป็นความโชคดีที่ท่านได้ทำงานกับนายเก่งๆ มาตลอด อีกอย่างการใกล้ชิดผู้ใหญ่ทำให้รู้ว่าเวลามีปัญหา เวลาตัดสินใจอะไร ท่านผู้ใหญ่เหล่านั้นทำกันอย่างไรบ้าง ถือเป็นวิธีการเรียนรู้จากผู้ใหญ่ทุกท่านที่ท่านอยู่ด้วย สำหรับการมองตัวของท่านเอง ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจไว้อยู่อย่างหนึ่งว่า จะให้เปลี่ยนคนอื่นนั้นยาก ถ้าจะปรับต้องปรับที่ตัวเองก่อน เพราะแต่ละคนนั้นย่อมรู้จักตัวเองดีกว่าใคร ซึ่งท่านก็จะมีจุดอ่อนก็คือ ชีวิตครอบครัว ท่านยอมรับข้อนี้ดี เพราะแต่ละวันท่านหมดเวลาไปกับการทำงาน ตั้งแต่สมัยสาวๆ จนแต่งงานท่านก็ยังทุ่มเทให้กับการทำงาน จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนทุกคนที่เกิดมาแล้วมีชีวิตสมบูรณ์พูนสุขโดยไร้ทุกข์หรือไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เลย ความสุขต่างหากที่จะทำให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง ยิ่งเป็นความสุขบนทางที่ตนเองได้เลือกเองด้วยแล้ว กำลังใจในการสู้ชีวิตต่อไปย่อมเกิดขึ้นกับบุคคลนั้นอย่างแน่นอน และบนเส้นทางการทำงานของคนทุกคน ย่อมต้องมีจุดหมายแห่งความก้าวหน้าและความสำเร็จ รองผู้ว่าการฯหญิงคนเดียวของททท.คนนี้ก็เช่นกัน
สุดท้ายเป้าหมายในการทำงานของท่าน ก็คือ อยากทำเรื่องการท่องเที่ยวให้ดีที่สุด โดยตอนนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยที่เรียกว่า มีรากฐานมั่นคง แข็งแรงแล้ว มีคนดูแลรักษาอย่างดี สามารถดำเนินงานไปได้ ท่านก็อยากคิดงานใหม่ ด้วยการสร้างองค์กรใหม่ เพราะเป็นประโยชน์กับประเทศ ดูเหมือนว่าลมหายใจเข้าออกของผู้หญิงผู้นำท่านนี้เป็นเรื่องงานมาโดยตลอด ทุกความคิด ทุกการทำงาน คนที่ได้รับประโยชน์ล้วนแล้วแต่เป็นคนไทยทุกคน ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยกย่องในความเก่งกล้าสามารถของท่านรองผู้ว่าการฯ หญิงคนแรกและคนเดียวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนี้