13ดีเจผู้มีจมูกบาน

ดีเจผู้มีจมูกบาน

      ถ้าหากจะเอ่ยถึงนักจักรายการวิทยุหรือดีเจผู้ที่มีรูจมูกบานใหญ่เป็นสัญลักษณ์นั้น เพื่อน ๆ ก็คงจะต้องร้องอ๋อไปตาม ๆ กันซึ่งน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเขา ไม่ว่าจะเป็นในนามดีเจชื่อดัง พิธีกร นักร้อง ดารา หรือจนกระทั่งได้กลายเป็นนักเขียนเมื่อไม่นานมานี้เอง เป็นเรื่องยากที่หลายคนจะทำได้อย่างเขาและทำให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว ด้วยเพราะความสามารถและความพยายามบวกกับวิธีการของเขาจึงทำให้เขาประสบกับความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งในชีวิตของเขา
เมื่อกล่าวกันมาจนถึงขั้นนี้แล้วเพื่อน ๆ หลายคนที่ยังไม่ทราบว่าเขาคนที่เราได้พูดถึงคนนี้เป็นใครก็คงจะอยากให้เราบอกเร็ว ๆ แล้วใช่รึเปล่าคะ เขาคนนั้น ก็คือ คุณไก่ สมพล ปิยพงษ์ศิรินั่นเอง
     จากการที่เราได้ติดตามผลงานของดีเจไก่คนนี้มาก็ทำให้เราได้ประทับใจและรู้สึกอารมณ์ดีเมื่อได้ยินหรือได้ฟังเขาพูด วิธีการพูดของเขาจะเป็นกันเองมากฟังแล้วรู้สึกว่าได้เป็นคนรู้จักสนิทสนมหรือคุ้นเคยกับเขามานาน ทำให้เราสนใจที่จะฟังเขาพูดและรู้สึกเป็นกันเองกับเขาทำให้เรื่องที่เขาเล่าเรื่องที่เขาพูดถ่ายทอดออกมานั้นคนสนใจฟัง ประกอบกันเขาเป็นคนที่มีมุขตลก ๆ อยู่เสมอผู้ที่ได้รับฟัง อ่าน หรือชมผลงานของเขาก็จะผ่อนคลายเพราะพี่ไก่แกจะมีมุขเด็ด ๆ มาเล่าให้ได้หัวเราะงอหงายกันไปตามๆกัน
     เรื่องตลกที่เขาเอามาเล่าก็เกิดจากประสบการณ์ของตัวเขาเอง ที่เขาสมมารถนำมาถ่ายทอดเขียนเป็นหนังสือคือ เรื่องของสะมะ ซึ่งก็ได้เขียนออกมาเป็นเล่มที่ 2 แล้ว และขายดิบขายดีเป็นที่นิยมของบุคคลต่าง ๆ โดยเฉพาะวัยรุ่น เพราะเป็นหนังสือที่คลายเครียดอ่านแล้วต้องหัวเราะ เราชอบคำนำของเขาในหนังสือของสะมะระลอก 2 ที่เขาได้บอกว่า “ ถ้าใครหวังจะเสพภาษาที่งดงามหรือความเป็นวรรณกรรมชั้นสูงหรือชั้นดีจากหนังสือเล่มนี้ ผมต้องขออภัยด้วยครับที่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน แต่ถ้าใครต้องการงานไร้สาระแต่แฝงมุขของคนตาตี่และสำนวนภาษาที่ขำบ้าง ไม่ขำบ้างของนายสะมะผู้มีจมูกเบ่งบานคนนี้แล้วละก็ ท่านหยิบถูกเล่มแล้วละครับ เรื่องของสะมะระลอก 2 คงทำให้ท่านยิ้มออกสองสามแหมะก็ยังดี “ เขาได้สื่อสารกับคนอ่านอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่อ้อมค้อม ว่าหนังสือที่เขาเขียนต้องการจะสื่อและให้อะไรกับคนอ่านหรือผู้รับสาร แต่เราออกจะค้านอยู่นิด ๆ ที่เขาพูดว่างานของเขานั้นไร้สาระ เราอยากจะบอกว่างานเขียนของเขาไม่ได้ไร้สาระไปเลยทีเดียวหรอกเพียงแต่ว่าสาระมันมี แต่น้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง
หนังสือทุกประเภทก็ย่อมมีคุณค่าของตัวมันเองอยู่ที่ว่าใครจะมองเห็นและนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์มากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้นพี่ไก่ หรือ ดีเจสะมะ คนนี้ยังเป็นบุคคลที่จุดประกายความฝันทางด้านต่าง ๆ ในวงการบันเทิงของใครอีกหลายคน เพราะเขาเป็นบุคคลที่มีความสามารถที่จะนำจุดด้อยของตัวเองมาทำให้กลายเป็นจุดเด่นเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวที่ทุกคนจะต้องร้องอ๋อเมื่อเอ่ยถึง เขาไม่ได้เอาปมด้อยของตัวเองไปทำให้เกิดเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตของเขาเลยแต่กลับนำจุด ๆ นี้นำออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์กลายเป็นจุดขายของตัวเขาเองจนทำให้เตนเองกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้อีกวิธีที่เขาได้นำมาถ่ายทอดในงานของเขาคือ นอกจากเขาจะจับจุดของตัวเองได้แล้วยังเล่าเรื่องของบุคคลที่เขารู้จักและจับจุดเด่นของคนอื่น ๆ ซึ่งถือว่าคน ๆ นั้นที่จะทำได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่รู้จักสังเกตและจะจำ รวบรวมข้อมูลได้เป็นอย่างดีแล้วนำมาเขียน นำมาเล่าถ่ายทอดให้ผู้อื่นฟัง ซึ่งนายสะมะ คนนี้ทำได้ ด้วยความที่เขาเป้นคนช่างพูดช่างเจรจาอยู่แล้วจึงเป็นเรื่องไม่อยากเลยที่เขาจะสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเพราะการช่างพูดนั่นเองเป็นการเก็บข้อมูลและเป็นการฝึกซ้อมใช้มุขตลกของเขาไปเรื่อย ๆ แล้วนำกลับมาเขียนเป็นหนังสือของเขาเอง
     จากการที่เราได้พูดมานี้พอที่จะสรุปได้ว่า พี่ไก่ ดีเจไก่ หรือนักเขียนไก่คนนี้ เป็นคนที่มีหลักในการพูดที่ทำให้จับใจคนฟัง ก็คือ การให้ความเป็นกันเองกับผู้ฟังหรือผู้อ่านของเขา ทำให้เรารู้สึก In ไปกับการที่เขาเล่าเรื่องหรือพูดให้เราฟัง เรื่องที่จะเอามาถ่ายทอดต้องตรงประเด็นและชัดเจนไม่อ้อมค้อม เช่น เขาเขียนหนังสือไว้อ่านก็เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ไม่ใช่หนังสือภาษาสวยหรือวรรณกรรมชั้นยอด เขาก็บอกไปตรง ๆ ดังที่เราได้กล่าวไว้ในข้างต้น และผู้ถ่ายทอดเรื่องราวเองจะต้องหัดเป็นคนที่รู้จักสังเกต รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ แล้วนำมาประมวลให้เป็นข้อมูลที่กระทัดรัดและมีวิธีนำเสนอที่น่าสนใจ และท้ายที่สุดซึ่งนับว่าสำคัญมากก็คือจะต้องหัดพูดหัดฝึกปรือมุขตลกที่จะพูดออกไปว่าตลกหรือไม่อย่างไร จะได้นำมาถ่ายทอดให้อื่นที่รอชมผลงานของเขาต่อไปได้อย่างไม่ผิดหวังกับแนวหนังสือที่เขาเขียนขึ้น ถ้าเราต้องการที่จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการถ่ายทอดเรื่องเราสิ่งต่าง ๆ อย่างพี่ไก่ สมพล คนนี้แล้วละก็ ให้ลองนำหลักการดังกล่าวไปใช้ดูก็ได้นะคะเผื่อว่าในอนาคตข้างหน้า ดีเจและนักเขียนแนวอ่านเล่นชื่อดังอาจจะเป็นเพื่อน ๆ ก็ได้ใครจะไปรู้.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘