11แพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์

แพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์

      แพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เป็นชาวกรุงเทพ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย แล้วสอบเข้าศึกษาต่อในคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี จนจบแพทย์ศาสตร์บัณฑิตเมื่อปี 2522 หลังจากนั้นได้เริ่มงานเป็นพยาธิแพทย์มาโดยตลอด และได้รับวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญพยาธิวิทยาและอนุมัติบัตรผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ จากคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีเมื่อปี2525
      ปัจจุบัน คุณหมอปฏิบัติงานด้านบริการในตำแหน่งหัวหน้าหน่วยนิติเวชและหัวหน้าหน่วยตรวจศพ ภาควิชาพยาธิวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดีและเป็นสมาชิกสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล และเมื่อล่าสุดนี้ คุณหมอได้รับการแต่งตังให้เป็นกรรมการแพทยสภา ประจำปี 2542 และ 2544 อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย และยังเป็นอาจารย์ระดับ 7 ภาควิชาพยาธิวิทยา ทำหน้าที่ให้ความรู้และดูแลนักศึกษาแพทย์แห่งรามาธิบดี และได้รับโล่สดุดีเกียรติคุณการส่งเสริมจริยธรรมนิสิตนักศึกษาแพทย์ เมื่อปี 2540-2441 และเมื่อปลายเดือนพฤษจิกายน 2542 คุณหมอได้รับทุนให้ไปเข้าอบรมหลักสูตรนิติเวชของหน่วยงานทหารในอเมริกาซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2
     ในด้านชีวิตส่วนตัว คุณหมอแต่งงานกับคุณวิชัย โรจนสุนันท์ แห่งธนาคารไทยพาณิชย์ มีบุตรหญิง 1 คนขณะฝึกงานในฐานะแพทย์ฝึกหัด หากใครที่ต้องการเรียนต่อก็จะเลือกได้เฉพาะสาขาขาดแคลนหรือส่งเสริมพิเศษ จริงๆแล้วคุณหมอไม่ได้เบื่อการพบคนไข้แต่เบื่อการทำอะไรที่จำเจ ดังนั้นจึงเลือกสาขาพยาธิวิทยา เพราะเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการ ตรวจเลือด ปัสสาวะ ฯ และที่สำคัญ คือ ไม่อดแต่งตัวสวย เพราะไม่ต้องเปลี่ยนชุด ใส่หมวก คาดผ้าปิดปาก จมูกตลอดเวลาก็มองในลักษณะว่าไม่มีอะไรที่ไม่ชอบจึงตกลงใจเอาสาขานี้
     เริ่มแรกคุณหมออยู่โรงพยาบาลพุทธชินราช แล้วย้ายมาอยู่โรงพยาบาลรามาธิบดี ด้วยเหตุผลหลายอย่างคือ เป็นคนชอบทำงานในลักษณะบุกเบิก เพราะมันท้าทาย และในระหว่างการทำงาน มีแนวโน้มที่แพทย์จะพากันออกจากระบบราชการไปอยู่ในระบบเอกชน เพราะผลตอบแทนที่ดีกว่ามากและเบื่อระบบงานราชการ หมอดีๆหลายคนก็ลาออกกัน คุณหมอจึงมีความคิดว่าอยากจะมาอยู่ในโรงเรียนแพทย์ เพื่อเข้ามาถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตจริงและปลุกจิตสำนึกที่ดีต่อการบริการ มากกว่าการรอรับผลตอบแทนเป็นจำนวนมาก และเหตุผลสุดท้ายก็คือ คุณหมอไม่ชอบระบบของกระทรวงสาธารณสุข ที่ไม่สามารถสรรหาคนที่มีคุณภาพมาดูแลบริหารงานได้
      ช่วงที่คุณหมอย้ายกลับมาจากพิษณุโลกมาอยู่รามาธิบดีใหม่ๆ คุณหมอก็มักถูกมองในเรื่องของทรงผมที่ฟู แต่งตัวเปรี้ยว ทำให้หัวหน้าภาคไม่ค่อยพอใจและถูกต่อว่าอย่างรุนแรง คุณหมอจึงพยายามหลบๆมากกว่าเปลี่ยน เพราะคิดว่ามันเป็นสิทธิส่วนบุคคล อีกทั้งไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียต่องานและความสุขเล็กๆน้อยๆในการแต่งกายมันๆ ก็มาชดเชยความเหน็ดเหนื่อยจากงานได้และในขณะนั้นคุณหมอเป็นอาจาย์ที่ปรึกษาของนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายที่อยากจะเรียนวิชานิติเวชเป็นวิชาเลือก จึงนำมาสู่คดีเจนจิรา ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของคุณหมอ คดีการตายของเจนจิรานี้ คุณหมอเป็นทั้งผู้ตรวจดีเอ็นเอและสำรวจอวัยวะต่างๆของเจนจิราเอง อีกทั้งยังเป็นผู้คัดค้านคำให้การของนายเสริมด้วย อีกคดีหนึ่งที่คุณหมอต้องทำหน้าที่พิสูจน์ดีเอ็นเอให้ก็คือ คดีของมนต์สิทธิ์ คำสร้อย ที่มาพิสูจน์ดีเอ็นเอของตนกับเด็กทารก ว่าใช่ลูกเขาไหมคุณหมอได้บอกว่า “ ชีวิตการเป็นหมอผ่าศพให้อะไรมากมาย ให้สัจธรรมแห่งชีวิตและเราคงมิอาจรู้ได้ถึงอดีตอันเป็นตัวกำหนดปัจจุบัน อีกทั้งงานด้านนี้ยังบอกเราว่าปัจจุบันเป็นตัวกำหนดอนาคตได้ “ จึงทำให้คุณหมอสามารถตั้งมั่นในความดี ความถูกต้อง ระมัดระวัง ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต ไม่เคียดแค้นเมื่อมีผู้ใส่ร้าย “ และเห็นว่าการชันสูตรศพนี้เป็นศาสตร์ที่สำคัญมาก ต้องละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะศพคดี เป็นการค้นหาความจริง ความถูกต้อง แพทย์นิติเวชนี้แหละที่สำคัญที่สุดในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ตายได้ดีที่สุด โดยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์นี้แหละที่จะใช้เป็นเกณฑ์ในการลงโทษได้ดีที่สุด ดีกว่าพยานลักษณะอื่นๆที่ต้องใช้เวลาสืบนานและจากลักษณะการทำงานของคุณหมอ ทำให้หลายครั้งต้องไปเป็นพยานขึ้นศาล การเป็นนักสืบเอง รวมถึงการทำงานร่วมกันกับมูลนิธิการกุศลต่างๆ มากที่สุดก็คือร่วมกตัญญูและป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเหล่านี้ที่ทำให้คุณหมอได้รับทราบข้อมูลการตาย และส่วนใหญ่คุณหมอยังต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ต้องทำงานกับตำรวจ
     จากประสบการณ์การทำงานของคุณหมอที่ผ่านมากว่า 20 ปี ดิฉันคิดว่าคุณหมอคงมีความสุขความภูมิใจที่ได้ทำงานเพื่อสังคม คงไม่มีใครที่อยากทำงานหรือคลุกคลีอยู่กับสิ่งที่น่ากลัว สยดสยอง น่าขยะแขยง ดังนั้นหากไม่มีบุคลากรที่มีคุณภาพอย่างคุณหมอแล้ว คงจะหาคนอื่นมาทำหน้าที่แทนคุณหมอได้ลำบาก เพราะการทำงานด้านชันสูตรศพนี้ ต้องอาศัยทั้งความกล้า การเสียสละเวลา ผลตอบแทนที่น้อย การทำงานที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ ไม่ได้รับคำชม การสนับสนุนที่ดีเท่าไรนักและการทำงานที่หนัก เนื่องจากมีแพทย์ด้านนี้น้อยมากที่สนใจ แต่สำหรับคุณหมอแล้ว งานด้านนี้คุณหมอทำด้วยใจรัก ทำอย่างมีความสุขและตั้งมั่นอยู่ในความถูกต้องและความดี มองเห็นสัจธรรมชีวิต ซึ่งคุณหมอก็นำมาใช้กับตนเองหลากหลายศพที่ผ่านการชันสูตรจากคุณหมอ ในบางคดีตำรวจก็ไม่สามารถหาสาเหตุการตายได้ ก็ได้คุณหมอพรทิพย์นี้แหละที่ช่วยวินิจฉัยและหาร่องรอยต่างๆจากศพที่ส่งมา เป็นแนวทางในการหาสาเหตุการตายต่อไป อีกทั้งการทำงานของคุณหมอยังทำให้ผู้บริสุทธิ์หลายๆคนรอดพ้นจากการตกเป็นผู้ต้องหา รวมถึงการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ตายด้วยการเป็นหมอที่ดีนั้นไม่เพียงแต่ต้องมีความแม่นยำในการรักษาเท่านั้น ยังต้องมีจรรยาบรรณของการเป็นแพทย์ที่ดี การทำตนให้เป็นกลางในการทำงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ดิฉันคิดว่าคุณหมอคงยึดเป็นหลักในการทำงาน จึงทำให้คุณหมอเป็นแพทย์ที่ดีได้
ดิฉันประทับใจจากการที่คุณหมอเป็นผู้หญิงและยังต้องทำงานอยู่กับศพ อยู่กับความตายทำให้คุณหมอเข้าใจชีวิต เข้าใจตนเองมากขึ้น ความยึดมั่นถือมั่นในหลายสิ่งที่ไม่ดีก็หายไป และมองว่าความสุขจะเกิดขึ้นอยู่ที่ใจของเรา ไม่ใช่อยู่ที่สิ่งรอบตัว อะไรที่จะทำให้มีความสุขก็ต้องไม่เบียดเบียนผู้อื่น ต้องรู้จักทำเอง และสิ่งเหล่านี้รวมถึงประสบการณ์ในการทำงานที่ผ่านมา คุณหมอก็ยังนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการสอนนักศึกษา เพื่อให้เข้าใจถึงสัจธรรมของชีวิตมากยิ่งขึ้น.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘