วันรุ่นพันล้าน#1

มีน้องคนหนึ่งเป็นสมาชิกใน fanpage เขียน email มาคุยเรื่องหุ้น น้องคนนี้มีความรู้สึกว่า กำลังจะเรียบจบ ม.ปลาย แต่เขาไม่อยากทำงานประจำ อยากเล่นหุ้นอยู่บ้าน โดยน้องเขามีวิธีคิดที่เหมือนใครหลายคนที่ผมรู้จักมาคือ คิดจะเล่นหุ้นเก็งกำไรให้ได้ผลตอบแทนวันละ 300 - 500 บาทให้พอเป็นค่าใช้จ่าย และเป็นเหมือนช่วงการฝึกเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเป็นเทรดเดอร์ พันล้านในอนาคตต่อไป




ผม ชอบแนวคิดของน้องคนนี้จัง มันมีความฝันความทะเยอทะยานและความสดซ่อนอยู่ในข้อความที่เขียนมาปรึกษา นึกถึงเรื่องของเถ้าแก่น้อย ในหนังวัยรุ่นพันล้าน เรื่องราวของคนที่อยากรวย อยากก้าวหน้า ตั้งแต่วัยรุ่นกระทง มันเป็นเรื่องที่ดีน่ายกย่อง แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องสำเนียกคือ ชีวิตจริงมันไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ก่อนจะประสบความสำเร็จ ยังไงก็ต้องมีโอกาสลิ้มรสความล้มเหลวได้เสมอ ผมขอนำเอาข้อเสนอแนะที่ผมเขียนตอบน้องคนนี้ไปมาเรียบเรียงไว้ในบล๊อคของผม เพื่อว่าจะมีวัยรุ่นคนไหนที่อยากได้คำแนะนำแนวนี้ไปลองปรับใช้ดู


ความกดดันจากคนรอบข้าง
ผม ว่าการที่เราอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ทำงานนี้ เราอาจจะต้องหาคำตอบให้กับครอบครัว เพื่อนบ้าน ตลอดจนคนอื่นๆที่มักถามเราว่าทำงานอะไร เพราะบรรทัดฐานของสังคมโดยทั่วไปเราต้องออกจากบ้านทำงานแลกเงิน การที่จะมา work@home คุณเองก็ต้องหนักแน่นและพิสูจน์ให้ได้ว่ามันสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้จริง แต่ทว่าในช่วงแรกๆแบบนี้การตอบคำถามคนรอบข้าง อาจจะยากสักหน่อย และยิ่งไปเจอคำแนะนำหรือคำถากถางจากคนรอบข้างความกดดันก็จะยิ่งเพิ่มทวีคูณ กลับมาหาเราอีก คล้ายดังกับบูมเมอร์แรง ขว้างไปยิ่งแรงยิ่งกลับมาเร็ว ตรงนี้แหละบททดสอบแรกของคนที่จะเล่นหุ้นอยู่บ้าน


ทำใจกับความล้มเหลวที่จะต้องเจอ
จริงๆ ทุกคนนั้นมักคิดเสมอว่าการเทรดหุ้นโดยหวังผลตอบแทนไม่มากแค่ 1-2% นั้นเป็นเรื่องง่าย โดยหารู้ไม่ว่า การที่ท่านจะชนะในเกมส์นี้ไม่ว่าจะ 1% หรือ 10% มันก็คือชนะ ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าคนส่วนใหญ่มักจะแพ้ เพราะยังไม่สามารถเขาถึงชุดความคิดหรือองค์ความรู้ที่จะทำให้ชนะได้ การชนะแบบสุ่มเพียงครั้งสองครั้ง แต่ระยะยาวแพ้หมดตัวก็ไม่ได้ทำให้ท่านร่ำรวยหรืออยู่รอดในสนามรบนี้ได้ ดังนั้นกำไรมากหรือน้อยไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ว่าทำอย่างไรถึงจะมีกำไรต่างหาก


กว่า จะกำไร กว่าจะได้ชุดความคิดที่สร้างกำไรนั้นแสนยาก อย่าไปคิดว่าจะหาอ่านได้จากหนังสือ หรืออบรมครอสสองครอสจะได้มา สิ่งที่ได้นั้นคือพื้นฐานที่คนเกือบ 80% รู้!!! ดังนั้นเมื่อทุกคนรู้แล้วเราจะใช้มันเพื่อชนะคนอื่นได้อย่างไร ดังนั้นถ้าจะเจ๋งจริง ถ้าจะอยู่รอดต้องเรียนรู้ที่จะพัฒนาต่อยอด เพื่อสร้างองค์ความรู้เฉพาะที่เหมาะกับจริตของเรา เหมาะกับการทำกำไรในแบบของเราเอง รวมถึงต้องสร้างสัญชาติญาณในการเก็งกำไรให้ได้ก่อน กว่าจะไปถึงจุดนั้น เราอาจจะต้องพบกับความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งตรงนี้จะเป็นบททดสอบและเป็นแบบฝึกหัดที่ดีเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ กับจิตใจของตัวเราต่อไป


เอาชนะจินตนาการแห่งความโลภ
การ เล่นหุ้นเก็งกำไร ส่วนใหญ่เรามักเอาความโลภ ความอยากได้เงินมาเป็นตัวนำในการซื้อ โดยเฉพาะการใช้จิตนาการแห่งความโลภ การตีความด้านบวกจากข่าว จากดัชนีต่างประเทศ จากคำพูดของคนอื่นๆ รวมถึงการตีความจากยอดซื้อสุทธิของ NDVR ผมว่ามันเป็นเรื่องของการจิตนาการ ที่บางครั้งปราศจากการพิสูจน์ ว่าค่าความสัมพันธ์ของราคาหุ้นกับปัจจัยเหล่านั้นมีความสัมพันธ์มากน้อยขนาด ไหน แต่คนส่วนใหญ่ก็พร้อมจะเชื่อ หรือไม่ก็พยายามจับสิ่งที่เกิดมาอธิบายราคาหุ้นที่เกิดขึ้น


ปัญหา คือเมื่อคิดไม่ออกเราก็พยายามใช้ตรรกะเบื้องต้นคือซื้อหุ้นที่มีข่าวดี โดยหวังว่าราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นดีตามไปด้วย ชอบที่เสพข่าวดี เสพความหวังที่มีคนคอยมากระตุ้นให้จับจ่ายซื้อหุ้นอยู่เสมอ แน่นอนว่าถ้าแนว โน้มราคาเป็นขาขึ้น คุณก็ win แต่ถ้าเป็น sideway หรือขาลง คุณก็เน่า เมื่อชนะไม่ได้ แนวโน้มที่เราจะมองหาหุ้นแจ๊กพอต เหมือนการหาหุ้นเด็ดก็จะมีมากขึ้น พยายามหาหุ้นที่บวกวันละ 5%-10% เพื่อจะเข้าเกาะขบวนรถไปด้วย หวังกำไรเล็กน้อยจากไม้ปลายๆ และบ่อยครั้งก็จะกลายเป็นเหยื่อติดดอยโดยไม่รู้ตัว


ดัง นั้นถ้าจะอยู่ในสนามนี้นานๆ สิ่งที่จะต้องมีไม่ใช่ดวง แต่ต้องเป็นฝีมือ ซึ่งเราต้องมุ่งมั่นจะพัฒนาขีดความสามารถและองค์ความรู้ตรงนี้ขึ้นมาเอง อย่าใช้ความโลภนำทางแต่จงใช้ความอยากประสบความสำเร็จในการนำทางให้ไปสู่จุด หมาย ส่วนความโลภ ความกลัวนั้นเป็นอารมณ์ที่เราต้องควบคุมไม่ให้มารบกวนจิตใจในขณะช่วงเวลาเท รด


จริงๆ วลีคลาสสิคของ Gordon Gekko ที่ว่า "Greed is good" ไม่ใช่ว่าเราต้องโลภมากๆแล้วจะดี แต่เราต้องหาประโยชน์จากความโลภของคนอื่นๆ แน่นอนว่าไม่ต้องกลัวที่จะหากำไรจากตลาดหุ้นไม่ได้ ตราบใดที่ผู้เล่นคนอื่น ยังมีความโลภและไม่สามารถควบคุมมันได้


ลงสนามซ้อมก่อนเข้าสนามจริง
ข้อ นี้สำคัญที่สุด คนที่คิดอยากเล่นหุ้นมักอยากรีบเปิดพอร์ตลงทุน เร่งคืนเร่งวันให้ได้ซื้อหุ้นเข้าพอร์ต และแน่นอนก็ขาดทุนตามระเบียบ เพราะซื้อจากแรงเชียร์ของมาร์ ,ของเพื่อน หรือไม่ก็ลอกการบ้านคนอื่นๆทำให้ขาดการยั้งคิด และไตร่ตรอง ที่สำคัญไม่ได้มองจังหวะของราคา ว่ามันเพิ่งขึ้น หรือใกล้จบรอบ


สิ่ง หนึ่งที่ผมเน้นมากสำหรับน้องคนนี้ ลองใช้เวลาสัก 3 เดือนเทรดลมด้วยโปรแกรม trading simulation ที่มีในโปรแกรมเทรดทั่วไป ใช้ข้อมูลจริง ตลาดจริง แต่เงินปลอม ลองทำความรู้จักตลาด รู้จักหุ้น เข้าใจจิตวิทยาตลาด และเรียนรู้ที่จะหาระบบเทรดของตนเอง เรียนรู้ถึงระบบคิดของตลาดเก็งกำไรให้ดีเสียก่อนแล้วค่อยลุยจริง จำไว้เสมอว่าตลาดหุ้นไม่หนีไปไหน เราควรจะเข้าตลาด เมื่อเราพร้อม ที่สำคัญคือต้องมีระบบเทรดหุ้นเสียก่อน


ระบบ เทรด ก็คือเงื่อนไขของการซื้อ ขายหุ้นที่เป็นตรรกะ ไม่ใช้อารมณ์ บวกกับส่วนของการบริหารจัดการเงิน(money management) สำหรับทำให้เราใช้เงินซึ่งเปรียบดังกระสุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด


รวม ถึงควรฝึกหัดควบคุมจิตใจให้นิ่ง พยายามรักษาวินัยในการลงทุนให้ได้ โดยทดลองทำกับการเทรดจำลอง แล้วลองดูผลลัพธ์การลงทุนที่ได้ในเวลา 3 เดือน ลองประเมินผลและประเมินจุดด้อยจุดอ่อนของตนเอง ถึงเวลานั้นผมเชื่อว่าเราจะเข้าใจในสิ่งที่เราอยากทำมากยิ่งขึ้น เข้าใจตลาดเก็งกำไร เข้าใจเกมส์ล่าส่วนต่างระยะสั้น และจะมองเห็นความน่าจะเป็นของสิ่งที่เราคิดได้ชัดเจนและดียิ่งขึ้น ถ้าเรายังมั่นคงและคิดว่ามันไปได้เหมาะกับจริตของเราก็ลุยต่อ พัฒนาตนเองต่อโดยสักวันถ้าเราทำมันอย่างเต็มที่ทำด้วยใจที่รัก โอกาสแห่งความสำเร็จก็จะเป็นของเราเองครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘