สัมภาษณ์ โน้ต อุดม แต้พานิช 04

เคยลองแล้ว ด้วยการเป็นช่างศิลป์ทำอาร์ตเวิร์คที่หนังสือไปยาลใหญ่ได้เงินเดือน 2,8000 บาท เผอิญว่า ไปยาลใหญ่ทำละครเวทีด้วย ผมก็ไปเล่น พี่เจี๊ยบ (วัชระ ปานเอี่ยม) ไปดูจึงชวนไปเป็นตัวประกอบในรายการทีวี  ทำให้ผมรู้ว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ทำรายได้เร็วและสูงมาก เข้าฉากสามชั่วโมงเท่านั้นได้มาพันห้าแล้ว และต่อมา พี่อั๋น (วัชระ แวววุฒินันท์) ก็ชวนให้ไปเล่นยุทธการขยับเหงือก
ตอนนั้นคิดไหมว่า วันหนึ่งจะต้องมีมากกว่าที่มีอยู่
เป็นความหวังเลยครับ คนที่มาจากไม่มีอะไรเลยจะมีแรงกระตุ้น ซึ่งผิดกับลูกคนรวยที่ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เขาจะเฉื่อย ๆ ไม่แสวงหาสิ่งใหม่ ๆ แต่สำหรับผมตอนนั้นมีแรงกระตุ้นอยู่เต็มหัวอกเลยว่า สักวันหนึ่งฉันต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้
ภายในสองเดือนต้องทำให้ห้องนอนแม่มีแอร์ให้ได้ แม่ต้องนอนฟูก ฟูกที่ดีต้องไม่ปวดหลัง อันหนึ่งหมื่นเก้า ฉันต้องซื้อให้ได้ พอตั้งเป้าไว้อย่างนั้น ใจก็จะขยันขันแข็งขึ้นมา
ว่าไปแล้ว เมื่อผมเล่นยุทธการขยับเหงือก ผมก็มีรายได้พอที่จะเลี้ยงแม่ได้อย่างสบาย แต่ส้มตำเขาเกิดได้รับความนิยม ขายดีมาก จากอันดับแปดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไต่ชาร์ทขึ้นอันดังหนึ่ง นิวเอ็นทรี (เลียนเสียงของ ดี.เจ.) คนในอำเภอบ้านบึงต่างรู้จักส้นตำแม่ทองสุขเป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าตำอร่อยมากมายหรอกนะ อาศัยแรงโม้และลูกช่วยโปรโมท
แล้วโยกย้ายมากรุงเทพฯตอนไหนคะ
อืม…ณ วันหนึ่งที่ผมรู้สึกว่ามีเงินพอจะดาวน์บ้านสักหลังและอยากให้เขาหยุดขายส้มตำ เพราะพี่ชายหายไปอีก น้องชายต้องมาเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เขาทำอยู่คนเดียว มีคนช่วยก็ต้องเป็นฤดู ถึงฤดูทำนาก็จะหายไป ผมจึงบอกเขาว่า…หยุดขายเหอะ เดี๋ยวเลี้ยงเอง เขาร้องไห้เลย
ทุกวันนี้คุณแม่คงมีความสุขมาก
มีอยู่วันหนึ่งเขาพูดขึ้นมาลอย ๆ ว่า…เป็นฉันนี่ดีนะ หนาวก็มีน้ำอุ่นอาบ อยากเล่นแชร์ก็มีเงินเล่น อยากทำบุญก็มีเงินทำบุญ อยากไปเที่ยวก็มีรถคันใหญ่นั่ง อยากกินอะไรก็ได้กิน ชีวิตฉันนี่ช่างมีความสุขจริง ๆ ผมฟังแล้ว เอ้อ…แม่พูดเพราะจัง เพราะมาก
ผมมีความเชื่อว่า ครอบครัวจะอบอุ่นหรือไม่อยู่ที่ตัวเราเป็นคนสร้างอย่ารังแต่โทษพ่อแม่ไม่รัก อยากให้น้องรักแม่ รักแม่ให้เขาดูก่อน อยากให้น้องเลี้ยงแม่ เลี้ยงแม่ให้เขาดูก่อน ได้เงินมาหนึ่งหมื่น เอาให้แม่ กราบแทบเท้า
ผมกอดแม่ หอมแม่เอาเมื่อผมโตมากแล้ว คิดว่าถ้าไม่ทำตอนนี้ มึงอดทำแน่ ผมกราบแทบเท้าแม่ครั้งแรกวันที่ผมสึกพระออกมา คนนั่งกินส้มตำเต็มร้านเลย แม่กำลังรัวสากอยู่ถึงกับมือสั่น ทำอะไรไม่ถูก
หลังจากนั้นผมไม่เคยเขินอีกเลยที่จะกอดเขา หอมเขา ทีกับแฟนยังเลือกทำได้ ตามตรอกซอกซอยหรือในโรงหนังยังไม่เว้น แล้วนี่กับแม่ ทำไมต้องมาขวยเขิน ตอนแรกน้องก็มองแบบแปลก ๆ แต่หลัง ๆ เขาก็เริ่มทำมั่ง เพราะรู้ว่าทำแล้วสบายใจ มีความสุข
ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตได้ไหมคะ
จริง ๆ คือเลยเวลาดีที่สุดมาแล้ว เพราะสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตที่ผมคาดหวังคือได้อยู่กันพร้อมพน้าพร้อมตา มีงานทำ ไม่มีหนี้สิน ชีวิตทุกวันนี้จึงถือเป็นกำไรอย่างที่บอก
มีหลักในการเลือกรับงานอย่างไรบ้าง
ถ้าเกี่ยวกับโชว์ผิวพรรณ หน้าตา เช่น งานนายแบบ ผมรับหมด เพราะผมมั่นใจ (ทำเสียงหล่อ) ตอนนี้กำลังรอรกของฉีเคอะ กะจะเอามาพอกหน้า คิดว่าน่าจะเวิร์คกว่ารกแกะ (หัวเราะ)
งานที่ไม่รับล่ะ
พิธีกรงานโต๊ะจีน เพราะอาแปะอาซิ้มเขาไม่ดู ผมต้องไปต่อสู้กับหมูหันซึ่งผมไม่เคยชนะได้เลย พอหมูหันลงโต๊ะไม่มีใครดูผมสักคน เกิดเป็นคนแล้วแพ้หมูหันที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะนี่เสียชาติคนจริง ๆ
ด้านงานเขียน โน้ตมีงานระดับเบสท์เซลเลอร์หลายชิ้น รู้ตัวว่ามีความสามารถทางด้านนี้เมื่อไหร่คะ
ทุกวันนี้ยังไม่รู้ตัวเลยครับ…ผมเริ่มงานเขียนเรื่องแรกสมัยทำอาร์ตเวิร์คที่ไปยาลใหญ่ ชื่อ “แตงโมปั่น” เป็นการลองเขียนเล่น ๆ แต่เมื่อส่งต้นฉบับให้บ.ก. คือพี่จุ้ยอ่าน ไม่รู้เขาชอบหรือไม่ชอบนะ แต่เห็นเขาหัวเราะเก้าอี้โยกเบา ๆ สองครั้ง พออ่านจบก็บอกให้เขียนส่งไปอีก คิดว่าน่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีจึงเขียนเรื่อยมา
“โทษฐานที่รู้จักกัน” ก็เป็นการรวบรวมงานเขียนที่เคยเขียน ๆ ไว้ ตอนแรกไม่ตั้งใจพิมพ์ขายด้วยซ้ำ กะแจกเพื่อน ๆ ในวันปีใหม่ ไม่คิดเลยว่าจะได้รับความนิยมขึ้นมาได้
แล้วงานภาพยนตร์ล่ะ ไม่มีใครชวนไปเล่นบ้างหรือ
พอมีบ้างครับ แต่ยังไม่สบโอกาส ไม่ใช่ว่าหนังเขาไม่ดี บางบทเขียนมาเพื่อผมโดยเฉพาะ เป็นเรื่องน่าภูมิใจมาก แต่ผมอยากเล่นหนังซาวนด์ออนฟิล์มซึ่งที่ติดต่อผมมาเขาไม่ยอมทำ
ผมเชื่อว่าหนังซาวนด์ออนฟิล์มสามารถถ่ายทอดอารมณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้ในขณะนั้น ผมเห็นว่าหนังไม่ใช่การพากย์เสียงเฉย ๆ มันต้องมีเสียงอื่น ๆ เช่น เสียงขยับกระดาษ เสียงถอนหายใจ เสียงเลื่อนเก้าอี้ ผมเคยคุยกับคนที่ต้องไปพากย์เสียงตัวเอง หลายคนบอกว่า …ฉันจำไม่ได้ว่าเมื่อสี่เดือนที่แล้วฉันเคยร้องไห้แบบไหนไว้ อารมณ์ร้องไห้ไม่ได้มีระดับเดียวเป็นมาตรฐานโลก อารมณ์ขณะที่คุณเล่นนั่นแหละเป็นอารมณ์ที่ใช่ที่สุด
หมายความว่าถ้ามีภาพยนตร์ซาวนด์ออนฟิล์มดี ๆ ติดต่อมาก็จะเล่น
คงไม่ใช่ตอนนี้ เพราะผมจัดชีวิตไว้แล้วว่า ปีนี้จะทำเดี่ยวไมโครโฟนก่อน ปีหน้าจะเป็นปีการศึกษา 2541 ตามนโยบายของท่านสุขวิช รังสิตพล ที่พยายามจะรณรงค์ให้คนมีการศึกษา โดยซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ไปแจกตามโรงเรียนทุรกันดาร แต่ลืมคิดไปว่าโรงเรียนนั้น ๆ ไฟยังเข้าไม่ถึงเลย นักเรียนต้องเอาไม้มาเขี่ย ๆ เครื่องคอมดู
ผมเลยจะทำตามนโยบายของท่านด้วยการไปศึกษาทั้งภายในและต่างประเทศตามแต่กำลัง ซึ่งการทำ อ.อุดมการช่าง คือการระดมทุน ท่านพ่อแม่พี่น้องที่เข้าไปดูจึงดีใจได้เลยว่า ท่านมีส่วนได้ส่งเด็กเรียนน้อยของประเทศชาติคนนี้ไปร่ำเรียนหาความรู้คนหนึ่งนะครับ
ตั้งใจจะไปเรียนอะไรหรือคะ
เรียนบัลเล่ต์ชั้นสูง ต่อจากนั้นค่อยเรียนด้านที่ผมถนัดที่สุด คือด้านภาษานะครับ สาเหตุมาจากว่าครูฝรั่งที่เคยมาสอนภาษาอุดมอยู่เดือนหนึ่งเต็ม ๆ ชื่อเคลลี่ บอกว่า…ผมขอโทษ ผมเป็นครูสอนภาษามาก็นาน แต่ผมเสียใจ ผมถามเขาว่าเสียใจเรื่องอะไร คล้าย ๆ จะบอกว่าโง่เกิน แต่เกรงใจ
คิดดู ผมจ้างเขาเดือนละสามหมื่น ให้เขามากินนอนที่บ้าน ตามหลักความเชื่อที่ว่า การได้คลุกคลีจะทำให้ซึมซับ ในเมื่อเราเป็นหลัก เราต้องไปอยู่ใกล้แม่เหล็ก จะได้เป็นแม่เหล็กเสียที ผลคือเดือนหนึ่งผ่านไป อุดมไม่ยอมเป็นแม่เหล็ก แต่เคลลี่ติดเชื้อเหล็กของผมไป พูดไทยคล่องขึ้นเรื่อย ๆ ผมจึงคิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่ต้องศึกษาให้จริงจังขึ้น
ทำไมถึงอยากพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง มีแรงบันดาลใจอะไรหรือคะ
จริง ๆ แล้วผมเป็นคนใฝ่รู้นะ ผมจึงหงุดหงิดมากเมื่อใฝ่รู้แล้วไม่รู้ เพราะติดที่ภาษาอังกฤษนี่แหละ เช่นมีเงินซื้อหนังสือดี ๆ รู้เลยว่าบทความนี้น่าสนใจอยากอ่าน อ่านไม่ออก ไปต่างประเทศรู้ว่าละครเรื่องนี้ดีที่สุด แต่เข้าไปดูแล้วฟังไม่รู้เรื่อง
ผมเคยไปดูเดอะแฟนทอมออฟดิโอเปร่าที่อังกฤษ นักแสดงเขาร้องอย่างนี้ (ทำเสียงแบบโอเปร่า) คนเดียวก็แย่แล้ว นี่ออกมา 5-6 คน แย่แล้ว…แย่แล้ว อยากออกไป (ทำเสียงเด็กงอแง) นั่งทุรนทุรายจนเขาพักครึ่งเวลาถึงออกได้ เล่าให้ใครฟัง เขาก็เหยียดหยามผมว่า ไม่มีชาติตระกูล รสนิยมต่ำในการชมมหรสพ
แต่ผมจะทนนั่งไปทำไม ในเมื่อคนไทยที่อยู่ข้าง ๆ ผมหลับไปสี่คนแล้ว ผมไม่ได้ชอบทางนี้ โอ.เค. ว่าเป็นงานที่ดี การเคลื่อนฉาก การเคลื่อนไหวของนักแสดงวิเศษมาก ผมซาบซึ้งในโปรดักชั่นที่สุดยอด แล้วไง ผมต้องนั่งตรึงอยู่กับที่ ในขณะที่ใจผมร้องว่า ไม่ใช่กู…ไม่ใช่กู ด้วยหรือ
แล้วเชื่อมั้ย หลังจากนั้นผมเดินไปประมาณ 800 เมตร มีคนจาเมกาเอาถังขยะมาตีเป็นกลอง เห็นปุ๊บ โอ้…นี่แหละคือสิ่งที่ผมชอบ ผมชอบเป็นคนไทยที่ไม่รู้จักใคร และใครก็ไม่รู้จักผม แต่ผมเข้าไปเต้น ตึ่ง ๆ ตึ่ง ๆ ฝนตกพรำ ๆ สนุกมาก เพราะนั่นคือผม
ผมชอบเต้นระบำมาก สนุกได้แม้จะเต้นคนเดียว คิดว่าการเต้นระบำคือส่วนหนึ่งของชีวิตเลย แต่เช็คบางแห่งในกรุงเทพฯแปลกนะ กลายเป็นที่ที่เอาไว้ไปยืนเก๊กกันน่ะ
สมมติว่าโน้ตเรียนจบกลับมา เมื่อถึงตอนนั้นเดี่ยวไมโครโฟนอาจกลายเป็นสิ่งธรรมดาไปแล้ว ไม่คิดหรือว่านี่จะเป็นการทิ้งโอกาสทองไป
ผมมีนิสัยอยู่อย่างหนึ่ง คือไม่ค่อยกังวลอะไรยาว ๆ แต่โชคดีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมไม่ได้เป็นพระเอก ผมไม่ได้ขายรูปพรรณสัณฐาน อาชีพเล่าเรื่องที่ผมทำนั้นเป็นงานขายมุมมอง ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไร มันจะเก๋ากับชีวิตมากขึ้น
เพราะฉะนั้นผมไม่แคร์หรอก ถ้าวันหนึ่งผมจะเดี่ยวไมโครโฟนไม่ได้ เพราะยังมีสิ่งอื่น ๆ ที่ผมอยากทำตั้งเยอะ เช่น เล่นละครใบ้ หรือเป็นตัวตลกจมูกแดงเล่นตลกให้เด็ก ๆ หัวเราะกัน
ตราบใดที่เสียงหัวเราะคือเสียงของความสุข ตราบนั้นนายโน้ตก็คงมีวิธีสร้างเสียงหัวเราะได้อีกมากมายตามสไตล์ของเขา และในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ตลอดเดือนกรกฎาคมนี้ ไปหัวเราะกับเขาได้ในเดี่ยวไมโครโฟน ตอน อ.อุดมการช่าง
ช่างอะไร ต้องไปพิสูจน์กันหน่อยละ
แต่เดี่ยวไมค์ครั้งที่สองซึ่งผมใช้ชื่อว่า “โชว์ห่วย” เพราะต้องการให้ออกมาเป็นลักษณะจับฉ่ายของร้านจีฉ่อย มีของขายเยอะมาก อยากได้รองเท้าแตะ ธูป เทียน ขี้ไต้ กระดาษวาดเขียน จีฉ่อย มีหมด แล้วร้านนี่โคตรรกรุงรังเลยนะ แต่หาเจอ เขารู้ได้ยังไงว่าอะไรอยู่ตรงไหน
ผมก็ใช้วิธีการนั้น คือตุนเรื่องเล่าไว้เยอะมาก แล้วไม่ว่าระหว่างเล่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมไปกับมันได้เลย สมมติว่าถ้าคนดูมีปฏิกิริยาอะไรขึ้นมา ผมตอบโต้ได้เลย ไปผจญภัยด้วยกัน
เช่นในโชว์ห่วยรอบหนึ่ง กำลังเล่าเรื่องอยู่ เด็กที่นั่งแถวหน้างอแงได้ที่เชียว พ่อแม่เอาปลาหมึกให้กินก็ยังไม่ยอมร้องงึมงำ ๆ จะกลับบ้านตลอดการแสดง ผมพยายามไม่ใส่ใจ เล่าเรื่องต่อไป อยู่ดี ๆ เด็กนั่นตะโกนขึ้นมาว่า…ไม่เห็นตลกเลย (ดัดเสียงเด็กร้องงอแง)
โอ้โห…คนดูฮาครืน ปรบมือดังสนั่นอยู่นานมาก มุขเด็ดเหลือเกิน
ผมเลยเดินลงจากเวทีไปหาเด็กคนนั้น แล้วยกมือขึ้นไหว้ บอกเด็กไปว่า…พี่จะพยายามพัฒนาครับน้อง คนดูปรบมือเกรียว (หัวเราะ)
นอกจากกรณีนี้แล้ว เจอผู้ฟังตีรวนเอาบ้างไหมคะ
ในหอประชุมนั้นเป็นที่ทที่ปลอดภัยมาก ถึงจะมีแซวก็เป็นการแซวด้วยวาขาสุภาพ เพราะคนที่ไปดูล้วนเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะทั้งนั้น แต่ถ้าไปเล่นในเธ็คในผับเมื่อไร มีเลยครับ
เล่นในเธ็คด้วยหรือคะ
เป็นกรณีจำเป็น เช่นบางจังหวัดไม่มีหอประชุมเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งจังหวัดมีที่ที่กว้างหน่อยก็คือในโรงแรมหรือในเธ็ค ต้องไปขอยืมสถานที่เขา โดยจัดแสดงรอบห้าโมงเย็น พอถึงทุ่มหนึ่งก็ต้องออก เพราะเขาต้องใช้เปิดเป็นเธ็คต่อไป อย่างนั้นไม่มีปัญหา แต่บางที่ที่มีปัญหา เช่นที่ไปเป็นแขกรับเชิญของคุณแท่ง (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) เขาออกเทปแล้วเขาเหงา เพลงของเขาคนร้องตามได้ไม่ถนัดนัก เพราะอยู่หลังห้อง เขาเลยมาชวนไปกันหลายจังหวัด แต่ที่จำได้แม่นคือที่จันทบุรี กำลังเล่าเรื่องตุ๊กแก (เคยเล่าในโชว์ห่วย) ที่ผ่านมาใครฟังเขาก็บอกว่าสนุก ผมเองก็ว่าสนุก แต่โต๊ะหน้าเวทีซึ่งเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์เมาเหล้าแอ๋ คนหนึ่งในกลุ่มอยู่ ๆ ก็ตะโกนว่า…ตาหลก (เสียงอ้อแอ้แบบคนเมา)
ผมเล่าถึงตอน…เจอตุ๊กแกอยู่ข้างฝาประตูนะครับ (เล่าเสียงตื่นเต้น) คนดูท่านอื่น ๆ เงียบ ไอ้นั่นเอาอีกแล้ว…ตาหลก
ทำยังไงดีล่ะ เดินเลี่ยงไปเล่าข้างเวที เจอเด็กสาว…พี่ ขอลายเซ็นหน่อย พี่อย่าเพิ่งเล่า ผมบอกเขาว่า…น้อง กำลังถึงตอนสำคัญ เดี๋ยวเล่าจบแล้วเซ็นให้ เด็กสาวคนนั้นยังยืนตื๊อ…พี่เซ็นตอนนี้แหละ แต่ผมก็ยังเล่าต่อ
ไอ้หนุ่มคนหนึ่งซึ่งสันนิษฐานว่า เป็นแฟนเด็กสาว กรากเข้ามากระชากเสียงถาม เฮ้ย มึงน่ะ หยิ่งนัก เซ็นให้น้องเขาหน่อย เมื่อผมทำเฉย เขาก็ตะโกนดังขึ้น เฮ้ย…มึงน่ะ มึงน่ะ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘