One Night Stand Discussion #1 (Limit Loss ไม่ได้ กำไรหายเกลี้ยง)



สวัสดียามค่ำ แอบอิงกันยามดึกครับ มิตรสหายชาว S2M ทุกท่าน วันนี้วันหยุด พรุ่งนี้ก็วันหยุด แต่ชีวิตคนเราไม่มีคำว่าหยุดครับ (เกิดหยุดขึ้นมา...ก็...T___T” กันพอดีครับ)

ตอนแรกว่าจะตั้งชื่อกระทู้ประจำตัวว่า “Wizard’s Road” แล้วตามด้วยจำนวนวันที่เขียนครับ แต่ก็มาคิดได้ว่า เพื่อความแตกต่างจากบทความการเทรดประจำวันที่เขียนใน blog ส่วนตัวของผมแล้ว ก็เลยเห็นสมควรว่าเปลี่ยนชื่อหัวข้อจะดีที่สุดครับ โดยใช้ชื่อว่า “One Night Stand Discussion” ชื่ออาจจะล่อแหลมเสี่ยงต่อการโดน Censor เอามากๆ แต่ในอีกนัยนึง “One Night Stand” ในแบบฉบับของ Wizard Kid ก็คือการเล่าเรื่อง การนำบทความที่น่าสนใจ การเสนอแง่คิด แบบเป็นตอนๆ ไม่จำเป็นต้องติดตามตั้งแต่เกิด เด็ก วัยรุ่น ไปจนแก่เฒ่า สามารถเลือกอ่านเรื่องที่ชอบได้เลย โดยเนื้อหาใน “One Night Stand Discussion” นั้นจะเป็นในลักษณะการเล่าเรื่อง เพิ่มเติมความรู้ เสริมภูมิต้านทานการลงทุนให้กับพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกท่านครับ โดยจะนำเอาบทความที่ผมประทับใจ มาปรุงแต่งเข้ากับสไตล์การเล่า การเขียนในแบบฉบับของ Wizard Kid หรือที่เพื่อนๆชอบเรียกว่า “เทรดเดอร์เจ้ากวี” ครับ ^_______^

วันนี้ขอประเดิมเบาๆ ว่าด้วยเรื่อง “Limit Loss” หรือการ “Cut Loss” นั่นเองครับ
นักลงทุนแทบจะทุนคน ต้องเคยได้ยินคำว่า “Limit Loss” หรือ “Cut Loss” ผ่านหูมาบ้าง ไม่มากก็น้อยแน่นอน แต่เคยลองย้อนถามตัวเองมั๊ยครับ ว่าทำไม เรา “รู้” แต่ “ไม่เคยทำได้” ???..

…..ง่ายๆครับ……


...."คนเราชอบเห็นกำไร แต่รับไม่ได้ ที่ต้องเห็นตัวเองขาดทุน"…..

สำหรับผมนั้น ถือคติที่ว่า ”หากใคร่รู้ แต่ไม่ถาม ใยเอยเจ้า จะเข้าใจ” คตินี้ไม่ห่างไกลเกินความจริงเลยครับ เมื่อตอนผมเริ่มสนใจในตัวตลาดหุ้นและ TFEX ผมเริ่มตะลุยอ่านบทความการลงทุน ตะบี้ตะบันเปิดเว็บ ฉะแว๊บแซ้บของฟรีจากเว็บดังๆรวมถึงเว็บบอร์ดมีชื่อทั้งหลาย รวมไปถึงถ่างตาอ่านหนังสือของเซียนหุ้นทั้งหลาย จนได้ข้อสรุปอันนึงที่ว่า

“...หากอยากจะใช้ชีวิตในฐานะเทรดเดอร์ ก็ต้องมีเพื่อนคู่คิดที่ชื่อเจ้า Limit Loss”

ถูกต้องแล้วครับ อ่านไม่ผิดครับ เพื่อนแท้ที่นักลงทุนควรจะมีไว้คือ ชายหนุ่มนิรนาม เจ้า Limit Loss นี่แหล่ะครับ
หากมิตรสหายชาว S2M ได้ติดตามอ่านบทความหรือบทสัมภาษณ์ของเซียนหุ้นแต่ละท่าน จะได้พบคำตอบที่เหมือนกันทุกคนเลย ยังกะนัดกันมา ก็คือ

“สิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นหุ้น คือ ต้องลิมิตผลขาดทุนเป็น และหากใครขายขาดทุนไม่เป็น อย่ามาเล่นหุ้น”

เห็นมั๊ยหล่ะครับ...Limit Loss นั้นสำคัญไฉน...สำคัญนักแล!!

เท่าที่สังเกตุมาก รวมถึงประสบการณ์จริงของตัวเองนั้น จะพบได้ว่าร้อยทั้งร้อยของคนที่เล่นหุ้นแล้วเจ๊ง เราลองไปสอบถามสำรวจดูสิครับ ล้วนเกิดจากการ "ขายขาดทุนไม่เป็น" ทั้งนั้นแหละ พอขายขาดทุนไม่เป็น หุ้นที่เราถือไว้ ก็ทุนหายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแทบจะไม่เหลืออะไรเลย

ร้อยทั้งร้อยของคนที่เล่นหุ้นแล้วเจ๊ง ล้วนเคยได้กำไรจากหุ้นกันมาถ้วนหน้าทั้งนั้นครับ แต่ความมั่นใจในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ว่ามันจะกลับมาทำกำไรได้อีก เลยถือไปเรื่อย สุดท้าย กินทุนหมดเกลี้ยง จนกำไรที่หาได้มา ก็ไม่สามารถเอามาทำน้ำยาอะไรได้ (คงได้แต่เหลือเงินกินแค่ขนมจีนใส่น้ำยา ฮ่าๆๆ)

มีอีกกรณีหนึ่ง ที่ส่วนใหญ่ ทำผิดซ้ำๆ พบเห็นบ่อยๆ คือ นอกจากจะไม่ยอมขาดทุนแล้ว ยังซื้อถัวเฉลี่ยต้นทุนลงมาเรื่อยๆอีก อันนี้ ยิ่งเจ๊งเร็วขึ้นเข้าไปใหญ่ (อันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชาว TFEX ครับ)

นักลงทุนส่วนใหญ่ แทบจะทุกคน ก่อนลงทุนก็มั่นใจในตัวเองทั้งนั้นแหล่ะครับว่า สามารถควบคุมอารมณ์การลงทุนของตัวเองได้ และสามารถคุมตัวเองให้มีวินัยในการเทรดได้ แต่สุดท้ายแล้ว ก็ต้องมาตัดสินกันเมื่อลงสนามเทรดจริงครับ

ส่งท้าย One Night Stand Discussion #1 กันด้วยวลีสุดฮิตของเหล่าแมงเม่าที่ชอบเที่ยวเหนือ ติดดอยสนั่นเมืองกันครับ ที่ว่า “มันลงมามากแล้ว คงไม่ลงไปลึกกว่านี้แล้วมั๊ง” ฮ๊อตสุดๆครับ ฮิตติดชาร์ท ขึ้นแท่นนัมเบอร์วัน ตลอดกาล!!!

อย่างที่เซียนหุ้นพันล้านอย่างหมอยง บอกไว้นั่นแหละครับ “ถ้ามัวแต่ยึดข้อมูลในอดีต สักวันคงหมดตัวแน่!!!"

..หากชอบเทรด..รักความเสี่ยง..ใคร่อยากรวย..
..ต้องฝึกตน..ดั่งนักบวช..เคร่งคำสอน..
..มีวินัย..กล้ายอมรับ..อย่าคะนอง..
..กล้าคัทลอส..ตัดเนื้อร้าย..ปลอดภัยเอย..

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘