วิ่งแบบ “เสรี”

เสรีเป็นคนทำอาชีพอิสระ ทำงานอยู่กับบ้าน เขาบอกผมว่าเขาชอบให้โลกของตัวเอง “หมุนช้าๆ” ไม่ชอบชีวิตที่รีบเร่ง ไม่อยากแก่งแย่งอะไรกับใครเขา ไม่ปลื้มที่จะตื่นเช้าไปเจอรถติด ผจญความหงุดหงิดวุ่นวาย
เสรีเป็นคนสนใจด้านการลงทุน ผมคุยกับเขาถึงความคืบหน้าของ “เกมการเงิน” ที่เขาคิดขึ้น และชวนเพื่อนๆ มาเล่นด้วยกัน เกมที่ว่านี้ วิธีเล่นก็ง่ายๆ สมมุติว่าผู้เล่นแต่ละคนมีเงิน 1,000,000 บาท เอาไปลงทุนให้หุ้นอะไรก็ได้ในตลาดหลักทรัพย์ พอสิ้นเดือนก็จะประเมินผลกันว่าใครทำผลตอบแทนได้มากกว่า
ผู้เล่นแต่ละคนต้องตั้งเป้าหมายด้วยว่าปีหนึ่งต้องการผลตอบแทนปีละกี่ เปอร์เซ็นต์ เป้านี้ไม่ใช่เงื่อนไขของชัยชนะ แต่เป็นคล้ายๆ หลักกิโลเมตรที่ต้องไปให้ถึง จะได้คอยท้าทายตัวเองอยู่เสมอ
เสรีเล่าว่า เพื่อนบางคนก็ตั้งเป้าไว้สูงลิบลิ่วปีละ “นับร้อยเปอร์เซ็นต์” เพื่อนบางคนก็ตั้งเป้าไว้ “10-20 เปอร์เซ็นต์”
ดูเหมือนไม่มีอะไรใช่ไหมครับ คล้ายๆ กับเกมหุ้นที่มีให้เล่นกันทั่วไป รวมทั้งในเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์
แต่ข้อแตกต่างก็คือ เสรีกำหนดกติกาไว้ว่า เกมนี้เล่นกัน “7 ปีเต็ม” นั่นแปลว่าใครได้ผลตอบแทนสูงสุดในแต่ละเดือน ก็ยังไม่ใช่ผู้ชนะแต่อย่างใด ผู้ชนะตัวจริงคือคนที่ทำผลตอบแทนได้สูงสุดหลังจากเวลาผ่านไปแล้ว 7 ปี!!
เสรีเล่าต่อว่า ที่ผ่านมาหลายเดือน เพื่อนแต่ละคนผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ คนที่ได้ผลตอบแทนสูงสุดแทบไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละเดือน บางเดือน นาย A ชนะ บางเดือน นาย B ชนะ บางเดือน นาย C ชนะ แต่ยังไม่เคยเห็นใครชนะได้ทุกเดือน
ตอนนี้เกมการเงินที่เสรีเริ่มต้นขึ้น ผ่านเวลาไปเกือบหนึ่งปีแล้ว เสรีบอกผมว่า จากสมาชิก 8 คน ตอนนี้เหลือประมาณ 4 คน เท่านั้นที่ยัง active อยู่ และโดยส่วนตัวเขาเชื่อว่าจะเหลือน้อยลงเรื่อยๆ
หลายคนที่เคยทำผลงานได้สูงสุดในแต่ละเดือน ตอนนี้ก็ล้มหายตายจากไป พวกที่เหลืออยู่กลับเป็นพวกที่ไม่หวือหวา บางคนไม่เคยเป็นผู้ชนะประจำเดือนเลยด้วยซ้ำ แต่ยังคงหาวิธีลงทุนใหม่ๆ ทุกวัน
ผมถามเขาว่า ทำไมเขาจึงคิดว่าคนจะน้อยลงเรื่อยๆ เขาบอกว่า จุดประสงค์ของเกมที่เขาคิดขึ้นมานี้ นอกจากเป็นการระดมสมองกับเพื่อนๆ หาวิธีการลงทุนที่ถูกต้องร่วมกันแล้ว ยังต้องการศึกษาธรรมชาติของคน ซึ่งผลที่ออกมาก็ไม่ได้ผิดไปจากที่เขาเคยคาดเลย
เวลาเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ทุกคนก็คึกคัก ฮึกเหิมกันดี แต่พอเวลาผ่านไป ไฟในตัวหลายๆ คนก็เริ่มลดลง บางคนมองโลกในแง่ดีสุดขั้ว ตั้งเป้าไว้สูงลิบลิ่ว ในช่วงแรกๆ ก็ไขว่คว้าหาชัยชนะอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ในที่สุดไฟก็มอดดับลงอย่างรวดเร็ว
ขณะที่บางคน เรื่อยๆ มาเรียงๆ ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ไม่หวือหวา แต่ก็ยังลงทุนต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความสม่ำเสมอ
ผมเลยถามเขาต่อว่า ในเมื่อคนที่ได้ผลตอบแทนสูงสุดแทบไม่ซ่้ำหน้ากันเลยในแต่ละเดือน ตอนนี้พอจะเดาได้ไหมว่า เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 7 ปี ใครจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด
เสรีตอบว่า เวลายังเหลืออีก 6 ปี เขาคงบอกไม่ได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ แต่ที่แน่ใจอย่างยิ่งก็คือ คนที่ยังอยู่ในเกมเมื่อเวลาผ่านไปครบ 7 ปี จะได้ผลตอบแทนที่งดงามอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าวิธีการลงทุนจะถูกหรือผิด แต่ถ้าลองเรียนรู้อย่างต่อเนื่องได้นานขนาดนั้น ผลที่ได้รับย่อมจะ “ไม่แย่” เป็นแน่แท้
เขาตบท้ายด้วยคำพูดน่าประทับใจยิ่งว่า “นายรู้ไหม อาทเพื่อนรัก คนที่วิ่งได้รวดเดียว 20 กิโลแล้วไม่เหนื่อย สู้คนที่วิ่งวันละ 2 กิโล ทุกๆ วันไม่ได้หรอก”
ผมฟังแล้วก็ได้แต่พยักหน้า เถียงไม่ออกจริงๆ
ใช่ครับ .. ชีวิตคนเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องการลงทุน ก็เหมือนกับการออกกำลังกาย การทำอะไรที่ดีเลิศนั้นเป็นเรื่องดี แต่หากดีอยู่ประเดี๋ยวเดียวแล้วเลิกล้ม ไม่นานทุกอย่างก็จะสูญหายไปเป็นอากาศธาตุ
“ความสม่ำเสมอ” มั่นคง ไม่ท้อถอย ความพยายาม วิริยะอุตสาหะต่างหาก ที่จะนำเราไปถึงฝั่งฝันได้ ดังนั้น การทำให้ร่างกายแข็งแร็งที่สุดในระยะยาว จึงไม่ใช่การออกกำลังกายด้วยการวิ่งรวดเดียว 20 กิโล แต่เป็นการวิ่งวันละพอประมาณ อย่างต่อเนื่อง ทุกๆ วัน
อย่าลืมนะครับ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่กับชีวิต เคยตั้งเป้าอะไรไว้ เคยทำอะไรแล้วเลิกไป ขอให้ลุกขึ้นมาทำมันอีกครั้งหนึ่งเถอะ ส่วนใครที่ทำอะไรด้วยความมุ่งมั่นสม่ำเสมออยู่แล้ว ขอจงทำต่อไป อย่าหยุด อย่าล้มเลิก
คนเรา จะ “ชนะ” หรือ “แพ้” บางทีก็วัดกันง่ายนิดเดียวครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘