หลักการเล่นหุ้นให้รวยของครูเฒ่าเกาะช้าง จากใจหนูจ๋อยๆๆๆ 01

หนูต๋อยขอลองรวบรวมหลักการเล่นหุ้นให้รวยของครูเฒ่าเกาะช้าง   ตามความเข้าใจของหนูต๋อยไว้นะคะ  ถือว่าเป็นการส่งการบ้านนะคะ  ครูเฒ่าเกาะช้าง ขา

พี่ๆ ผ่านไปมา  ช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ  ผิดพลาดไป  หนูต๋อยจะได้แก้ไข

 -----------------------------------------------------------------------------------------------------------

 ข้อมูลดีมีใจมั่นคง
หุ้นขึ้นลงปลงใจได้
หุ้นลงมีเงินช้อนซื้อไว้
หุ้นขึ้นขายกำไรไวไวเอย

ข้อมูลดีมีใจมั่นคง
ข้อมูลดี  หมายความว่าก่อนจะซื้อหุ้นควรรู้จักมูลค่าพื้นฐานของหุ้นแช่น ค่า P/E  P/BV  Yield  รู้ว่าบริษัทประกอบกิจการอะไร  มีรายได้จากอะไร  ให้เหมือนการเลือกหุ้นส่วนกิจการ  ข้อมูลดี  ซื้อหุ้นดี  จึงจะปลอดภัย

มีใจมั่นคง  มีใจเป็นสมาธิ  เยือกเย็น  ไม่หวั่นไหว  แม้โดนทุบโดนถอง  หรือราคาหุ้นในวันจะพุ่งๆๆๆ สูงปรี๊ดแค่ไหน  ก็ควบคุมสติได้

หุ้นขึ้นลงปลงใจได้
หุ้น มีขึ้นมีลง  เป็นธรรมดา  เป็นสัจธรรม  เมื่อหุ้นขึ้นราคาสูงมากแล้ว  ก็ไม่มีใครซื้อต่อยอด  ก็ต้องลงมาเป็นธรรมดา  เมื่อหุ้นลงมามากแล้ว  ไม่มีใครขายในราคาต่ำๆ แล้วก็ต้องมีคนซื้อในราคาที่สูงขึ้นเป็นธรรมดา

หุ้นลงมีเงินช้อนซื้อไว้
พอ หุ้นลงมามากๆ เป็นเหว 3 ราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 4 สี 10 25 75 200 วันให้ช้อนซื้อไว้  โดยแบ่งเงินเป็น 3 กอง  และนำกองแรกมาแบ่งเป็น 3 กองย่อยทยอยซื้อ

หุ้นขึ้นขายกำไรไวไวเอย
เมื่อหุ้นขึ้น มากๆ เป็นเขา 3 สูงกว่าค่าเฉลี่ย 4 สี 10 25 75 200 ก็ให้ขายทำกำไรได้  อย่าโลภมาก  เมื่อขายไปแล้วหุ้นจะขึ้นไปอีกก็อย่าไปเสียดาย  เพราะเป็นจังหวะขาย  หากไม่ขายแล้วเกิดหุ้นลงไปคืน  ก็จะมาเสียดายอีก  เวลาที่ควรขายก็ขาย  เราได้กำไรแล้ว  ควรยินดีกับสิ่งที่เราได้

เดี๋ยวมาต่ออีกทีนะคะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ครูเฒ่าเกาะช้างแบ่งนักเล่นหุ้นเป็น 6 ระดับดังนี้ค่ะ
1. ชั้นอนุบาล  เรียนรู้เรื่องหุ้นเป็นอย่างดี
2. ชั้นประถม ซื้อขายหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอื่นๆ ได้กำไร
3. ชั้นมัธยม  ซื้อขายหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ได้กำไร
4. ปริญญาตรี  ซื้อขายหุ้นกลุ่มวอแรนต์ได้กำไร
5. ปริญญาโท  ซื้อขายหุ้นกลุ่มต่างๆ ที่มีอยู่ในมือด้วยวิธี SHORT AGAINST PORT ได้กำไร
6. ปริญญาเอก  ทำได้ครบเครื่อง 3 ประการตามหลักแก่นเล่นหุ้น  ตามเหตุการณ์  ตามจังหวะ

หลักแก่นเล่นหุ้นมี 3 ประการ
1. ถือไว้  หมายถึงลงทุนซื้อหุ้นระยะกลาง  ระยะยาวในหุ้นพื้นฐานดี
2. ขายทิ้ง  หรือล้างพอร์ท  ปรับพอร์ท  ในกรณีหุ้นมีเหตุเปลี่ยนแปลงในทางลบ  ผลประกอบการขาดทุน
3. SHORT AGAINST PORT  รู้จักนำหุ้นในพอร์ทมาขายก่อน  แล้วรับกลับตอนขาลง

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ทีนี้เมื่อสังเกตในแต่ละระดับ 6 ระดับมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

1. ชั้นอนุบาล   เรียนรู้เรื่องหุ้นเป็นอย่างดี
คือ  รู้พื้นฐานหุ้น  รู้เรื่องการหาจังหวะซื้อขาย  ดูปริมาณการซื้อขาย  การแบ่งเงินทยอยซื้อขาย  คำศัพท์เบื้องต้นที่เกี่ยวกับหุ้น  และรู้จักดูกราฟประกอบการซื้อขาย

2. ชั้นประถม ซื้อขายหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอื่นๆ ได้กำไร
สังเกต ไหมคะ  ว่ากลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มที่นำตลาด  และเป็นพื้นฐานในการเริ่มเล่นหุ้น  โดยจะเห็นครูเน้นในหนังสือเป็นหุ้นตัวแรกๆ เป็นประจำ

3. ชั้นมัธยม   ซื้อขายหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ได้กำไร
หุ้น กลุ่มนี้  เล่นยากขึ้นมาหน่อย  เพราะต้องอาศัยวิเคราะห์สภาพตลาด  และตลาดต้องมีโวลุ่ม  หุ้นกลุ่มนี้จึงจะกระดี้กระด้า  ให้เราได้สนุกสนานทำกำไรกัน

4. ปริญญาตรี   ซื้อขายหุ้นกลุ่มวอแรนต์ได้กำไร
หุ้น กลุ่มนี้ยากขึ้นมาก  เพราะมีการเก็งกำไรเข้ามาเกี่ยวข้อง  จึงต้องคอยติดตามข่าวสาร  และดูราคาแม่  ราคาเงื่อนไขแลกซื้อแม่  และคิดคำนวณหาราคาที่เหมาะสม  และยังต้องระวังเรื่องระยะเวลาที่เหลืออยู่ก่อนหมดอายุ  ซึ่งครูแนะนำให้เลือกวอแรนต์ที่อายุเกิน 1 ปี  ยิ่งมากยิ่งดี  เพราะช่วงใกล้หมดอายุ  ราคามักจะลงมาก  ทำกำไรยาก  โอกาสขาดทุนสูง

5. ปริญญาโท   ซื้อขายหุ้นกลุ่มต่างๆ ที่มีอยู่ในมือด้วยวิธี SHORT AGAINST PORT ได้กำไร
ระดับ นี้  ถือว่าเก่งใกล้เป็นเซียนแล้วค่ะ  เพราะสามารถช๊อตหุ้นลดต้นทุนได้  เมื่อติดหุ้น  ติดดอย  ก็สามารถแก้ไขให้ทุนต่ำลงได้  และสามารถเล่นหุ้นได้แทบทุกสถานการณ์
แต่ในช่วงมหภาคเขา 3 ซึ่งกำลังจะเป็นขาลง  ครูก็ยังไม่แนะนำให้ถือหุ้นไว้  แนะนำให้ขายล้างพอร์ทไปเลย  แล้วไปรอรับกลับที่เหว 3  หากก่อนถึงเหว 3 จะเล่นบ้างก็เป็นการเล่นระหว่างกาล  โอกาสติดหุ้นสูง

6. ปริญญาเอก   ทำได้ครบเครื่อง 3 ประการตามหลักแก่นเล่นหุ้น  ตามเหตุการณ์  ตามจังหวะ
เข้าขั้นเซียนแล้วค่ะ  เพราะเล่นได้ทุกวัน  เล่นได้ทุกสถานการณ์  เซตอยู่ตรงไหนก็เล่นได้

เท่านี้ก่อนนะคะ    แล้วค่อยมาต่อ  รายละเอียดเรื่อง  หลักแก่นเล่นหุ้น 3 ประการค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ส่งการบ้านต่อเลยนะคะ

หลักแก่นเล่นหุ้นมี 3 ประการ
1. ถือไว้   หมายถึงลงทุนซื้อหุ้นระยะกลาง  ระยะยาวในหุ้นพื้นฐานดี
ซื้อ หุ้นโดยเลือกหุ้นจากมูลค่าพื้นฐานของหุ้นเช่น ค่า P/E  P/BV  Yield  รู้ว่าบริษัทประกอบกิจการอะไร  มีรายได้จากอะไร  ให้เหมือนการเลือกหุ้นส่วนกิจการ  ข้อมูลดี  ซื้อหุ้นดี  จึงจะปลอดภัย

การวิเคราะห์หลักทรัพย์ตามวิธีปัจจัยพื้นฐาน มีขั้นตอนที่สำคัญดังนี้
1  การวิเคราะห์เศรษฐกิจโดยทั่วไป  (Economic Analysis)
เน้น การวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจที่จนถึงแนวโน้มในอนาคต ซึ่งอาจเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเศรษฐกิจโลก และแนวนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลว่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจที่ออกหลักทรัพย์หรือ ไม่ เพียงใด นอกจากนั้น การวิเคราะห์เศรษฐกิจนี้ ยังรวมถึงการวิเคราะห์วัฏจักรธุรกิจและนโยบายทางเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาล ด้วย เช่น นโยบายการเงินและนโยบายการคลัง เป็นต้น

2.2  การวิเคราะห์อุตสาหกรรม   (Industry Analysis)
การ วิเคราะห์อุตสาหกรรมเน้นการวิเคราะห์วงจรอุตสาหกรรม (Industry Life Cycle) สภาพการตลาดและการแข่งขัน ตลอดจนอนาคตของอุตสาหกรรม ว่าจะมีแนวโน้มอัตราการเจริญเติบโตอย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน เช่น นโยบายของรัฐบาลที่จะให้การสนับสนุนหรือเป็นอุปสรรค โครงสร้างการเปลี่ยนแปลงของระบบภาษีของรัฐบาล โครงสร้างของอุตสาหกรรมแต่ละประเภท เป็นต้น

2.3  การวิเคราะห์บริษัท   (Company Analysis)
การ วิเคราะห์บริษัทเป็นขั้นสุดท้ายของการวิเคราะห์ โดยเน้นการวิเคราะห์ประเภทของบริษัท และประเภทของหลักทรัพย์ โดยจะวิเคราะห์ทั้งเชิงคุณภาพ (Qualitative Analysis) อันได้แก่ การวิเคราะห์ประสิทธิภาพ การบริหารของผู้บริหาร ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัท โครงการขยายโรงงานของบริษัท เป็นต้น และการวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) อันได้แก่ การวิเคราะห์จากงบแสดงฐานะการเงินของธุรกิจในอดีตและปัจจุบัน เพื่อนำมาประมาณการกำไรต่อหุ้นและราคาหุ้นในอนาคตได้ เป็นต้น

       ส่วนนี้หนูต๋อยสรุปก็คือ   การดูจากภาพรวมจากระดับประเทศและเศรษฐกิจโลก  มาจนถึงระดับอุตสาหกรรม  รวมถึงการดูปัจจัยต่างๆ ที่มากระทบกับอุตสาหกรรม  ดูลักษณะวงจรอุตสาหกรรม  ว่าอยู่ในช่วงไหน  น่าเข้าไปลงทุนหรือไม่  และสุดท้ายก็มาดูเจาะลึกในระดับบริษัทที่เราจะเข้าไปลงทุน  ว่ามีฐานะเป็นอย่างไร  ผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร  เมื่อเทียบกับกลุ่ม  และเทียบกับบริษัทคู่แข่ง

เดี๋ยวมาต่ออีกทีนะคะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

การเลือกหุ้นโดยดูจาก P/E  P/BV  Yield
ข้อมูลหุ้น
1.  ดู P/E คือราคาหุ้นปัจจุบันหารด้วยกำไร (ผลตัวเลขยิ่งต่ำยิ่งดี  ตัวเลขหมายความถึงจำนวนปีที่ลงทุนแล้วได้ทุนคืน)  เลือกที่ต่ำกว่า 10  หรือต่ำกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมนั้น  หรือต่ำกว่า P/E ตลาด

2.  ดู DIVIDEND YIELD ว่าจ่ายปันผลไหม(หรือผลประกอบการดีมีกำไร)  ปันผลถ้าสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากก็ถือว่าดีแล้วค่ะ

3. PRICE/BOOK VALUE (P/BV) (คือราคาหุ้นปัจจุบันหารด้วยมูลค่าตามบัญชี)  ผลตัวเลขยิ่งต่ำยิ่งดี ประมาณ  1  กว่านิดๆ  หรือต่ำกว่า 1 ยิ่งดี
นอกจากการดูจากค่าดังกล่าวมาแล้ว  ก็ควรเลือกหุ้นโดยดู
1. มาร์เก็ตแคปขนาดของบริษัท  และ
2. ดูปริมาณการซื้อขาย  โดยเลือกหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายมาก  เมื่อเราซื้อหุ้นแล้วจะได้มีสภาพคล่อง  สามารถขายได้ค่ะ

เมื่อ เราเลือกหุ้นจากมูลค่าพื้นฐานแล้ว  เราก็ต้องดูเปรียบเทียบกับมูลค่าของกลุ่มอุตสาหกรรม  และของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ด้วยค่ะ  ว่าหุ้นของเรามีปัจจัยพื้นฐานน่าสนใจเมื่อเทียบกับกลุ่มและเทียบกับดัชนี รวมของตลาด

แล้วมาต่ออีกนะคะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

1 อ่านหนังสือเล่นหุ้นฯ ให้ครบ 10 เล่ม 3 หน แจ้งในทฤษฎี "สาม เขาสามเหว"ของครูเฒ่าเกาะช้าง
กำลังขยันอ่านอยู่ค่ะ  จบเล่ม 3 แล้วค่ะ

2 ค่าเฉลี่ยสี่สีสี่เส้น มีความหมายแต่ละเส้นกี่วัน
ขาว 10 วัน  ฟ้า 25 วัน  ม่วง 75 วัน  แสด 200 วัน

3 แนวนอนมหภาคมีระยะเวลาประมาณกี่วัน
มหภาคเขาเหวมีระยะเวลาประมาณ 1-2 เดือนค่ะ

4 แนวตั้งค่าของดัชนีประมาณกี่จุด
แนวตั้งเซตช่วงนี้มีค่าดัชนีเขาละประมาณ 30 จุดค่ะ
หาจากดัชนีสูงสุดในรอบที่ผ่านมาลบด้วยดัชนีต่ำสุด  แล้วหารด้วย 3 ได้เป็นค่าดัชนีของแต่ละเขาค่ะ  ว่าสูงจากตีนเขาประมาณเท่าไร

5 แนวตั้งค่าของหุ้นประมาณกี่%
ประมาณ 10-15 % ถือเป็น 1 เขาค่ะ  ใน 1 รอบ 3 เขา  ประมาณ 20-30 %

6 รู้ความหมาย  p/e  p/bv  yield ของตลาดหรือของตัวหุ้นนั้นๆมีความหมายอย่างไร
ข้อมูลหุ้น
1.  ดู P/E คือราคาหุ้นปัจจุบันหารด้วยกำไร (ผลตัวเลขยิ่งต่ำยิ่งดี  ตัวเลขหมายความถึงจำนวนปีที่ลงทุนแล้วได้ทุนคืน)  เลือกที่ต่ำกว่า 10  หรือต่ำกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมนั้น  หรือต่ำกว่า P/E ตลาด  ไม่ควรเกิน 12 ค่ะ

2.  ดู DIVIDEND YIELD ว่าจ่ายปันผลไหม(หรือผลประกอบการดีมีกำไร)  ปันผลถ้าสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากก็ถือว่าดีแล้วค่ะ

3. PRICE/BOOK VALUE (P/BV) (คือราคาหุ้นปัจจุบันหารด้วยมูลค่าตามบัญชี)  ผลตัวเลขยิ่งต่ำยิ่งดี ประมาณ  1  กว่านิดๆ  หรือต่ำกว่า 1 ยิ่งดี  ไม่ควรเกิน 2 ค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

7 ซื้อถูก ขายแพง ทำอย่างไร
ทำได้โดยซื้อหุ้นในระยะที่เป็นเหว 3 หรือในราคาไต้เส้นขาว ฟ้า ม่วง แสด ค่ะ  โดยซื้อในช่วงที่เส้นสีเรียงตัวเป็นขาลงสมบูรณ์  คือขาวอยู่ล่างสุด  ไต้ฟ้า  ม่วง  แสด  โดยใช้ระยะเวลาเข้าไปจับด้วยค่ะ  หากขาว  เพิ่งตัดฟ้าลงมา  ให้ทอดระยะเวลาอีก 10 -25 วัน  จึงจะได้ทีค่ะ    ดูเส้น MACD ประกอบด้วยค่ะ  ว่ากำลังหักหัวขึ้นไปหา 0
โดยแบ่งเงินเป็น 3 กองค่ะ
ใช้กองแรกทยอยเข้าซื้อค่ะ  ในลักษณะระฆังคว่ำซื้อราคาแรกๆ จำนวนน้อยไปหาราคาถูกๆ จำนวนมากค่ะ 
กองที่ 2 สำรองไว้ซื้อเมื่อหุ้นเป็นตกมากๆ เป็นขาลงจริงๆ (อาจมีเหว 4 เหว 5 ได้ค่ะ)
กองที่ 3 สำรองไว้ซื้อเมื่อเกิดวิกฤติหุ้นตกมากๆ

หรือ เมื่อเซตเป็นขาลงมหภาคเหวที่ 3 เริ่มทยอยซื้อหุ้นด้วยเงิน 1/9 , 2/9 , 3/9 แล้วนำมาเล่น short against port ทำกำไรไปเรื่อยๆ อย่างมีเทคนิค  ระหว่างกาล  ตามหลักสามเขาสามเหว(ซึ่งพี่แมงน้อยสอนว่าให้ short against port ในช่วงจุลภาคเขาเหว  เพื่อลดต้นทุนหุ้นในพอร์ทค่ะ)

ช่วงที่เซต ใช้เวลาปรับฐาน  ใช้ระยะเวลาสักระยะ  หาเกิดเหตุสุดวิสัย  หรือเกิดเหตุร้ายขึ้น  ก็ต้องขายทิ้งหรือเล่น short against port ทำกำไรไปพลางๆ ก่อนก็ได้

จนกว่าจะมีสัญญาณเริ่มเป็นขาขึ้นมหภาคเขาที่ 1 นั่นแหละ  จึงจะทยอยซื้อด้วยเงิน 4/9 , 5/9 , 6/9

ส่วน ที่ครูบอกว่ามีสัญญาณเริ่มเป็นมหภาคเขาที่ 1 หนูต๋อยคาดว่าน่าจะหมายถึง  เส้น 10 วันสีขาวกระดกขึ้นตัดเส้น 25 วันสีฟ้า  ซื้อตรงนี้  จะปลอดภัยค่ะ  

แล้วก็นำหุ้นไปขายที่ยอดเขา 3 ราคาเหนือเส้นขาว ฟ้า ม่วง แสด คือขาวอยู่บนสุด  เหนือเส้นฟ้า  ม่วง  แสด  อย่าลืมเอาระยะเวลาเข้าไปจับด้วยนะคะ  ระยะเวลาจากตีนเขา 2 ขึ้นมา 1 เดือน  แล้วรอดูอีก 10-25 วัน  ดูว่าเซตไปต่อไหวไหม  เส้น MACD มีลักษณะหักหัวลงมาหา 0 หรือยัง  โดยทยอยขายเป็นลักษณะระฆังหงาย  ฐานแคบ  ปากกว้างค่ะ

8 ซื้อแพง ขายถูก ทำได้ไหม
ซื้อ แพงขายถูก  ทำได้ค่ะ  ในลักษณะ  ยืมหุ้นในพอร์ทมาขายก่อน  เพื่อซื้อคืนในราคาถูกลง  ถ้าทำได้จะช่วยลดต้นทุนหุ้นในพอร์ทได้ค่ะ  เรียกว่า SHORT AGAINST PORT

อีกกรณีหนึ่งค่ะ  ที่เราจำเป็นซื้อแพง  แล้วต้องขายถูกออกไป  เมื่อหุ้นเกิดมีการเปลี่ยนแปลงในทางลบ  เช่นมีข่าวร้าย  จำเป็นต้องขายออกไป  แม้จะขาดทุนก็ตามค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

9 หากำไรระหว่างกาลคือทำอย่างไร
ทำได้โดย  การซื้อหุ้นด้วยเงินกองแรกที่ราคาอยู่ไต้เส้นขาวฟ้า  แล้วนำไปช๊อตเหนือเส้นขาวฟ้า  แต่ถ้าไม่แน่ใจก็ไม่ต้องขายกองแรก  แล้วรับกลับเมื่อหุ้นลงมาอยู่ไต้เส้นขาวฟ้าอีก  พร้อมกับเพิ่มเงินกอง 2 เข้าไป  ตอนนี้มีหุ้น แล้วนำหุ้นทั้ง 2 กองไปขายเหนือเส้นขาวฟ้า 1 กอง  ถ้าไม่กล้าขายก็รอให้หุ้นลงมาไต้เส้นขาวฟ้าอีก  แล้วก็เพิ่มเงินกองที่ 3 เข้าไป  ตอนนี้มี 3 กองแล้ว

ต่อไป  เมื่อขึ้นเขาแล้วก็ไปช๊อตออก 2 ส่วน  เก็บไว้ส่วนหนึ่ง  แล้วลงมารับกลับอีก  เพิ่มเงินส่วนที่ 4 เข้าไป  ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนเงินกอง 5 กอง 6 จนถึงยอดเขา 3  ให้ทยอยขายล้างพอร์ทจนหมดค่ะ(รายละเอียดโปรดติดตาม  ปกหลังด้านในหนังสือครูเล่ม 5 ค่ะ Grin)

ซึ่ง วิธีที่กล่าวมาข้างต้น  ใช้ในช่วงที่หุ้นเป็นขาขึ้นค่ะ  ในช่วงที่หุ้นเป็นขาลง  ก็เล่นได้ค่ะ  เพราะเมื่อหุ้นลงมาถึงระยะหนึ่งจะมีการรีบาร์วค่ะ  เช่นลงมาถึงก้นเหว 1 2 3  ก็จะรีบาร์วไปที่ปากเหว  แต่จะมีความเสี่ยงสูงมากค่ะ  และมีช่องให้ทำกำไรน้อย  โอกาสได้ไม่คุ้มเสียค่ะ  ครูเฒ่าเกาะช้างจึงไม่แนะนำให้เล่นหุ้นในช่วงที่ตลาดเป็นขาลงค่ะ  Grin

10 ทำกำไรทุกวันได้อย่างไร
ทำ ได้โดย  ซื้อหุ้นเมื่อหุ้นราคาลงมาเป็นบันไดขั้นที่ 3 หรือเหว 3 แล้วนำไปขายเมื่อหุ้นกลับขึ้นบันได  หรือขึ้นเขา  ไปขายที่ยอด  ซึ่งต้องอาศัยการอ่านกราฟอย่างแม่นยำ  ดูทั้งรายวัน  รายชั่วโมง  รายนาที  มีความเสี่ยงสูงมากค่ะ

ควรเลือกเล่นหุ้นที่เรารู้นิสัย  ติดตามเป็นประจำ  และราคาอยู่ในช่วงเหวของกราฟรายวันค่ะ  ให้ระวังไม่ควรเล่นเมื่อกราฟรายวันอยู่ในระยะเขาค่ะ  เพราะอาจซื้อได้ที่เหวของรายนาที  แต่กลายเป็นราคาแพงของเขากราฟรายวันค่ะ  Grin  และควรนำเงินเย็นคือไม่ด่วนใช้มาเล่นค่ะ  หากไม่มีเงินไม่ควรเล่นในลักษณะซื้อขายภายในวันเดียวค่ะ  Grin

11 อยากเล่น  set 50 ฟิวเจอร์ ไหม  มันดีกำไรดี  ขาดทุนดี แต่จะเล่นให้ได้กำไรดีอย่างเดียว ต้องทำให้ได้ทั้ง 10 ข้อข้างบนก่อนนะครับ
อยาก เล่นค่ะ  แต่ขอรอไปช่วงต้นปีหน้าค่ะ  ที่ยอดเขา 3 มีประโยชน์ในการช๊อต  แล้วก็มาปิดสัญญา  เมื่อหุ้นลงมาที่เหว 1 2 3 ค่ะ  ในขณะนี้หนูต๋อยรู้ตัวว่าความรู้ความสามารถยังไม่พร้อมค่ะ  ต้นปีหน้าก็ยังไม่แน่ใจว่าจะพร้อมหรือเปล่าค่ะ  Grin

ตอบเรียบร้อย 11 ข้อแล้วค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ช่องห่างระหว่างเส้นขาวฟ้า
ในหนังสือเล่นหุ้นให้รวยได้อย่างไรของครูจะมีเขียนถึง
ครูเรียกมันว่าไข่ใหญ่ ไข่เล็ก Cheesy
จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ที่เล่มไหน ลองหากันดูนะคะ

พี่แมงน้อยคะ  หนูต๋อยอ่านหนังสือเล่ม 3 จบแล้วค่ะ  บังเอิญเจอที่พี่เขียนไว้พอดีค่ะ  หนูต๋อยเลยขอเอามาโม้หน่อยนะคะ  Grin  ในหน้า 54 ของหนังสือเล่ม 3 ค่ะ

ช่วง ที่ครูเขียนถึงในหนังสือเล่ม 3 ตอนต้น  คือช่วงต้นปี 47 ค่ะ  ซึ่งเป็นช่วงที่เซตจบขาขึ้น  กำลังจะเป็นขาลงพอดีค่ะ  วันที่ 13/1/49  เซตทำดัชนีสูงสุดที่ 802.19 และปิดที่ 792.23

สังเกตเส้นฟ้า 25 วันก็เริ่มหักหัวลงมาแล้วนะคะ  ซึ่งเป็นครั้งแรก  เพราะที่ผ่านมาเป็นขาขึ้นติดต่อกันมายาวมากค่ะ  ตั้งแต่เซตทำจุดต่ำสุดเมื่อ 15/10/45 เซตทำจุดต่ำสุด 323.18  ปิดที่ 328.29 ค่ะ เป็นเวลา 2 ปี 2 เดือน 29 วันค่ะ  Grin

ก่อน นี้ครูเฒ่าเกาะช้างได้พูดถึงจุดแห่งความลังเลใจ  ให้คอยดูไปก่อน  ทำใมถึงอ่านเช่นนั้น  ก็กราฟมันบ่งบอกเช่นนั้น  และวันที่ 2 มีนาคม 2547 เหตุการณ์ก็ปรากฏออกมารองรับการพยากรณ์  หรือคาดความเป็นไปได้อย่างมีหลักการว่า...

ด้วยเหตุทั้งสองประการ เทคนิคกราฟลายเส้นบ่งบอกไว้ก่อนว่าจุดแห่งความลังเลใจ  คือ  เส้น 10 วัน  ตัดเส้น 25 วัน  และทะลุตัดเส้น 75 วัน  เส้น 10 วัน  พยายามตัดเส้น 25 วันอีกครั้ง  เป็นช่องว่างรูปไข่ใหญ่และเล็ก 2 ครั้ง  ไม่ผ่านกลับลงมาทะลุเส้น 75 วันอีกครั้ง  น่ากลัวมากว่าแนวโน้มจะหลุดต่ำกว่านี้

คิดว่าน่าจะมีประโยชน์บ้างนะคะ  เลยคัดมาฝากค่ะ




-----------------------------------------------------------------------------------------------------------



หนูต๋อยลองทำกราฟมาฝากค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------



อันนี้ของระยะเดย์นะคะ  ดูเส้นสีไว้นะคะ  อย่าลืมว่าราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงก่อน  เราใช้การคาดเดาทิศทางของเส้นสีในการตัดสินใจนะคะ   Grin

การ อ่านกราฟ 30 % อย่าลืมการเมือง  เศรษฐกิจ  สังคมอีก 30 %  และการประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดออกมาด้วยใจที่สงบ  ใจสว่าง  มีสมาธิ  ตัดสินใจซื้อขาย 40 % ค่ะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------




ราย 60 นาทีค่ะ  เส้น MACD เริ่มหักหัวลงแล้วนะคะ  กำลังเข้าหาเส้น 0 ค่ะ  ต้องดูประกอบด้วยนะคะ  ว่าจะชะลอตัวและเริ่มกลับตัว  หรือจะตัด 0 ลงไปเลยค่ะ  

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

หนูต๋อยลองคาดการณ์เส้นสีตามระยะเวลา  แล้ววาดกราฟดูค่ะ  Grin



หนู ต๋อยขอแสดงข้อสมมุติฐานคือ  คาดว่าหากไม่มีข่าวร้าย  เช่น เกิดวิกฤติ  การเมือง  ภาคไต้  เข้ามากระทบ  เซตน่าจะค่อยๆ พยุงตัวขึ้นไปได้เรื่อยๆ จนถึงต้นปีหน้า  และรอรับผลประกอบการณ์ช่วงต้นปี  เซตจึงน่าจะค่อยๆ ขึ้นไปจนถึงจุดที่ครูคาดการณ์ไว้  ที่ 766 จุด  ภายใน 17/1/50 ค่ะ
 
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
หนูต๋อยและน้องๆทุกคน  ช่วยกันตอบดัวยนะครับ

     พอถึงตรงนั้น  17/1/2550  ค่อยว่ากันใหม่ว่า  ดัชนีจะจบมหภาคเขาที่  3  ไม๊  หรือจะมี  4


ขอตอบคำถามครูนะคะ

ส่วน นี้หนูขอรอดูกราฟ  สภาพเศรษฐกิจ  การเมือง  สังคม  ประกอบค่ะ  หากวันนั้น  เซตทำเขาใหม่  เส้นสีเรียงตัวเป็นขาขึ้นสมบูรณ์  หนูต๋อยขอดูระยะ  3-5 วัน  7-10 วัน  และ 10-25  ตามลำดับค่ะ

โดยระยะสั้นจุลของจุลภาค  3-5 วัน
หากเซตทำเขาใหม่สูงกว่าเขาก่อน  ก็จะยังไม่ขายค่ะ  ถือต่ออีกระยะหนึ่ง  ประมาณ 3-5 วัน  พร้อมกับดูเขาและเหวไปด้วย
หากเซตทำเขาใหม่ต่ำกว่าเขาก่อน  เหวใหม่ต่ำกว่าเหวก่อน  หนูต๋อยก็จะทยอยขายทำกำไรออกไปส่วนหนึ่ง  ในลักษณะเจดีย์คว่ำ

จนต่อมาในระยะจุลภาค 7-10 วัน
หากเซตกลับตัวและไปต่อ  หนูก็จะดูระยะจุลภาคอีกทีค่ะ  ทำตามข้างต้น
แต่ หากเซตทำเขาใหม่ต่ำกว่าเขาก่อน  เหวใหม่ต่ำกว่าเหวก่อนต่อเนื่องเป็นจุลของจุลภาค 3 เหวบวกลบ 1  และเส้นขาวเริ่มหักหัวลง  หนูก็จะแบ่งขายหุ้นไปอีกค่ะ

สุดท้ายในระยะมหภาค 10-25 วัน
หากเซตกลับตัวและไปต่อ  หนูก็จะดูระยะจุลภาคอีกทีค่ะ  ทำตามข้างต้น
แต่ หากเซตทำเขาใหม่ต่ำกว่าเขาก่อน  เหวใหม่ต่ำกว่าเหวก่อนต่อเนื่องเป็นจุลภาค 3 เหวบวกลบ 1  และเส้นขาวหักหัวลงมาตัดเส้นฟ้า  หนูก็จะขายล้างพอร์ทค่ะ  (ในขาขึ้นจากมหภาคเหว 3 เมื่อเส้นขาวตัดเส้นฟ้าชี้ขึ้น  ครูเรียกว่าจุดตัดทองคำ  และอีกชื่อคือจุดอันตราย  เรียกว่าจุดตัดตะกั่ว)
หนูขอถามครูหน่อยค่ะ  เมื่อเส้นขาวหักหัวลงมาตัดเส้นฟ้า  เมื่อกราฟเป็นมหภาคเขา 3 แล้ว  เราเรียกจุดตัดตะกั่วได้หรือเปล่าคะ  Cheesy

ทั้งนี้หนูก็จะดูกราฟหุ้นเป็นหลักค่ะ  หุ้นที่ตามเซต  ทำเขา 3 มหภาคตามเซต  ก็จะปฏิบัติดังข้างต้นค่ะ
ส่วนหุ้นที่ทำเขามหภาคยังไม่สมบูรณ์  ก็จะถือต่อ  รอจนทำเขา 3 ก่อนค่ะ
 
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
คาดการณ์เส้นสีมาส่งค่ะ  ครูคะ  Grin



ขอบ คุณที่พี่จะเด็จแนะนำค่ะ  แต่หนูกลัวว่าจะไม่รู้ว่าตรงไหนเป็นยอดเขา 3 น่ะสิคะ  ก็เลยต้องงัดเอาหลักในหนังสือออกมาหัดดูค่ะ  กลัวขายเร็วไปหน้าผากแดง  หรือขายช้าไปเข่าแดงสิคะ  Grin

มือใหม่นี่นา  Wink นะพี่นะ

ขายแล้วได้กำไร  ไม่เป็นไรค่ะ  อิอิ  แต่ตอนเหว 3 อยากซื้อก้นเหวน่ะค่ะ  ก็เลยต้องซ้อมไว้ก่อน  เลยหัดวางแผนล่วงหน้าค่ะ  Wink  ยังไม่รู้จะทำได้แค่ไหนเลย  อย่างที่พี่บอกค่ะ  

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5