[192 ] เรียนอังกฤษ… วิริยะมาก่อนฉันทะ !

สวัสดีครับ
วันนี้ขออนุญาตคุยกับท่านผู้อ่านสักนิดนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านผู้อ่านที่เกลียดภาษาอังกฤษ

ที่ intereladsd.blogspot นี้ผมรวบรวมเว็บดี ๆ มาบริการการท่านผู้อ่านเพื่อเป็นแหล่งเรียนภาษาอังกฤษ โดยไม่ต้องเสียเงิน ผมมีความสุขกับงานอดิเรกนี้ และก็เชื่อว่าท่านผู้อ่านที่ชอบภาษาอังกฤษก็คงมีความสุขเช่นกัน

แต่ผมก็เข้าใจดีว่า มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษ ไม่มีความสุขในการเรียนภาษาอังกฤษ และจะเป็นทุกข์ถ้าต้องฝืนใจเรียนภาษาอังกฤษ

ตอน ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมที่ต่างจังหวัดผมไม่เคยสอบตกภาษาอังกฤษ (ขออนุญาตคุยนิดนึงนะครับ)และนั่งแถวหน้าชั้น มีเพื่อนในชั้นเยอะเลยครับที่เกลียดภาษาอังกฤษและเรียนอังกฤษไม่ค่อยรู้ เรื่อง มีอาจารย์อยู่ท่านหนึ่งที่เมื่อเข้าชั้นสอนและอยากผ่านบทเรียนไปเร็วๆจะถาม เด็กนั่งแถวหน้าๆว่าเข้าใจไหม เด็กแถวหน้าก็จะตอบว่าเข้าใจ อาจารย์ก็ยิ้มและผ่านไปบทใหม่ เรื่องของเรื่องก็คือว่า เพื่อนของผมตั้งแต่กลางห้องไปจนถึงหลังห้องจะบ่นกันตรึมว่าอาจารย์สอนอะไรก็ ไม่รู้ ฟังไม่รู้เรื่อง ในขณะที่อาจารย์ท่านนี้บ่นว่า เด็กห้องนี้โง่แล้วยังขี้เกียจอีกด้วย ขออนุญาตใช้วลีนี้อธิบายนะครับท่านจะได้เห็นภาพชัดๆ

ทุกวันนี้เมื่อ คิดย้อนไปยังสมัยนั้น ต้องบอกว่าผมเข้าใจและเห็นใจอาจารย์ท่านนั้นครับเพราะหลายเรื่องที่เรียนภาค บ่ายในชั้นเรียนร้อนๆที่ไม่ติดแอร์มันทั้งซับซ้อนและน่าเบื่อหน่าย ถึงวันนี้แม้จะให้ผมสอน ผมก็สอนได้ไม่ดีกว่าอาจารย์ท่านนั้น

แต่ขณะ เดียวกันผมก็เข้าใจและเห็นใจเพื่อนร่วมห้องที่บอกว่าอาจารย์สอนไม่รู้เรื่อง ก็มันไม่รู้เรื่องนี่ครับจะให้พูดว่ารู้เรื่องได้อย่างไร

วันนี้ผ่าน วันนั้นมา 20-30 ปีแล้ว ผมพบเพื่อนร่วมงานหลายคนที่ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรงและคงจะเอาไปวิ่งแข่ง ไม่ได้ แต่ที่น่าเสียดายก็คือ แม้ทุกวันนี้เขาก็ทำงานได้ดี แต่ถ้าเขามีทักษะภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือพร้อมใช้อีก 1 อย่าง เขาจะทำงานของเขาได้ดีขึ้นอีกเยอะมีความสุขและความก้าวหน้าอีกเยอะ

แต่จะทำยังไงเมื่อใจมันไม่รัก เมื่อไม่รักก็ไม่อยากเรียนเมื่อไม่เรียนก็ไม่รู้ เมื่อไม่รู้ก็ไม่ได้รับประโยชน์จากการเรียน

มี ผู้รู้หลายท่านพูดถึงอิทธิบาท 4 ว่าสามารถนำไปสู่ความสำเร็จในทุกเรื่องคือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เมื่อมีฉันทะความรักความชอบที่จะเรียนซะอย่างเดียว สิ่งดีๆอื่นๆ ก็จะตามมาเอง ซึ่งสุดท้ายก็คือความสำเร็จ (อิทธิ แปลว่า ความสำเร็จ, บาท แปลว่าทาง, อิทธิบาท แปลว่า ทางสู่ความสำเร็จ)

แต่ปัญหา ที่ต้องถามก็คือ หากไม่สามารถทำใจให้รักได้ ก็ไม่สามารถเก่งอังกฤษ และถ้าเป็นเช่นนี้ก็เลิกพูดเรื่องเอาภาษาอังกฤษมาใช้งาน ยังงั้นหรือครับ?

คำตอบของผมตอนนี้ก็คือ เมื่อไม่มี “ฉันทะ“ ก็ต้องให้ “วิริยะ” ทำงานแทน ขออนุญาตยกตัวอย่างเปรียบเทียบนะครับ

ผม ตั้งใจจะออกกำลังกายโดยการวิ่งจ๊อกกิ้งทุกวันหรืออย่างน้อยก็วันเว้นวัน เพราะรู้ว่าเมื่อได้ออกกำลังกายให้เหงื่อออก จะมีคุณอนันต์ต่อร่างกายและจิตใจ แต่ผมก็ขี้เกียจ ทุกวันนี้แม้วิ่งมานานแล้ว แต่ก็ยังออกวิ่งด้วยความขี้เกียจอยู่เหมือนเดิม ขี้เกียจใส่ถุงเท้า ขี้เกียจใส่รองเท้า ขี้เกียจออกนอกประตูบ้านไปวิ่ง (ถนนให้วิ่งก็มีอยู่ในหมู่บ้านนั่นแหละครับ) ขี้เกียจวอร์มอัพ และขี้เกียจก้าวเท้าวิ่ง

ท่านเชื่อไหมครับว่า ที่ผมวิ่งแต่ละครั้ง 30 นาทีนี้ ผมต้องวิ่งเหยาะๆถึง 15 นาทีกว่าจะหายขี้เกียจ คือพอเหงื่อเริ่มจะออกนั่นแหละครับ ถึงค่อยวิ่งอย่างมีใจหลังจากที่ฝืนใจวิ่งมาตั้ง15 นาที

เมื่อวิ่งครบ 30 นาที และเหงื่อออกจึงค่อยสบายและหายขี้เกียจลงไปหน่อย

ผมนึกถึงคำสอนของหลวงพ่อชา ท่านบอกว่าในการปฏิบัติธรรม ขยันก็ปฏิบัติ ขี้เกียจก็ปฏิบัติ ไม่ใช่รอเฉพาะวันขยันเท่านั้นถึงจะปฏิบัติ

ผมเองแม้จะชอบภาษาอังกฤษ ก็ใช่ว่าจะชอบทุกวัน แต่ก็พยายามใช้ทุกวัน คืออ่านทุกวัน ฟังทุกวัน และเขียนทุกวัน บางวันก็อย่างฝืนใจ บางวันก็อย่างเต็มใจ มีเวลาก็อาจจะห้าสิบนาทีไม่มีเวลาก็เจียดให้ห้านาที

ผมไม่มี”เคล็ดลับ” ส่วนตัวในการเรียนภาษาอังกฤษ นอกจาก อ่าน-ฟัง-เขียน ทุกวัน ก็ค่อยๆรู้เรื่องและเอาภาษาอังกฤษมาใช้งานได้พอสมควรแก่อัตภาพ

มา ถึงบรรทัดนี้ก็ได้สรุปเดิมๆที่ผมใช้เตือนตัวเองบ่อยๆ คือ ถ้าอยากได้รับประโยชน์จากภาษาอังกฤษแต่ในขณะเดียวกันก็เกลียดภาษาอังกฤษ ต้องมีวิริยะทั้งๆที่ไม่มีฉันทะ คือต้องขยันทั้ง ๆ ที่ขี้เกียจ เมื่อขยันไปเรื่อยๆ ก็จะได้รับผลสำเร็จมากขึ้นจากความขยัน และจะเปลี่ยนใจมารักภาษาอังกฤษมากขึ้นเอง

สูตรส่วนตัวของผมนี่ ผมรู้สึกว่ามันดิบ ๆ ไปหน่อย แต่ก็เชื่อว่าน่าจะมีหลายคนที่ใฃ้สูตรดิบ ๆ อย่างนี้เหมือนกัน ส่วนถ้ามีท่านใดใช้สูตรที่สุกกว่านี้แต่ไม่ค่อยได้ผล ลองเอาสูตรนี้ไปใช้ดูบ้างซีครับ
ขออวยพรให้ทุกท่านมีทั้งความรักและความขยัน และได้รับทั้งความสุขและความสำเร็จในการศึกษาภาษาอังกฤษครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘