HACK#3 วิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ได้จากการสืบค้น

การอ่านและวิเคราะห์รายการผลลัพธ์ที่ได้จากการสืบค้นแบบเจาะลึก

คุณ อาจจะคิดว่าผลลัพธ์ของการสืบค้นหรือการค้นหาที่ได้ คงจะอยู่ในรูปแบบที่ตรงไปตรงมา และอ่านได้ไม่ยากเท่าไหร่ เพราะมีเพียงชื่อของ Web Page และ Web Link ที่จะนำคุณไปยังหน้านั้น หรือไม่ก็อาจมีแค่เพียงรายการสรุปสั้นๆเท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป โดยเฉพาะสำหรับ Google ด้วยแล้ว เนื่องจาก Google เองมีคุณสมบัติที่จะให้เลือกสืบค้นได้หลากหลายวิธี ส่งผลให้มีข้อมูลจำนวนมากมายหลายแบบที่ส่งกลับให้เรา ซึ่งจากเพียงแค่การสืบค้นแบบปกติทั่วไป คุณก็อาจจะได้ Web Link ที่เป็นลิงก์ของสปอนเซอร์ Web Link โฆษณา Web Link ที่ให้ข้อมูลราคาหุ้น ขนาดของ Web Page หน้านั้นๆ คำแนะนำในการสะกดคำ และอื่นๆอีกมากมายจนเกินพอ

หาก คุณมีความสามารถในการอ่านรายละเอียดเหล่านี้ได้ คุณก็สามารถที่จะคาดเดาหรือวิเคราะห์บางสิ่งบางอย่างจากรายการผลลัพธ์ได้ เช่น คุณเห็น Web Page หน้าหนึ่งที่ลิงก์มาหาคุณนั้นมีขนาดใหญ่มาก แสดงว่าอาจจะเป็น Web Page ที่แสดงรายชื่อของ Web Link ต่างๆจำนวนมากก็ได้ รวมถึงใช้ความสามารถดังกล่าวในการขจัดปัญหาบางอย่างออกไปได้ เช่น หากคุณไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการใน Web Page หน้านี้ คุณน่าจะตรวจสอบดูเวอร์ชั่นของ Cache ที่ Google ได้สำรองเก็บไว้ ยิ่งไปกว่านั้น หากคุณมีความเข้าใจว่ามาตรฐานของผลลัพธ์ที่จะได้จาก Google นั้นควรจะเป็นอย่างไร คุณก็จะใช้ประโยชน์จาก Google มากยิ่งขึ้นได้ โดยผ่าน Google API (Google Application Programmimg Interface) ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมโยงไปยัง Google Index ด้วยการใช้โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยเฉพาะ

ต่อไปเราจะใช้คำว่า "flowers" เป็นตัวอย่าง เพื่อที่จะวิเคราะห์ผลลัพธ์ของการสืบค้นด้วย keyword คำนี้กันดูอย่างละเอียด โดยคุณจะเห็นผลการสืบค้นของคำนี้ในภาพที่ 1-2

ก่อนอื่น โปรดสังเกตว่าที่ด้านบนของ Web Page หน้านี้จะมีแท็บให้เลือกอยู่หลายแท็บ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถทำการสืบค้นซ้ำไปซ้ำมาสลับกับการสืบค้นแบบอื่นๆได้ รวมไปถึงการใช้คุณสมบัติ Google Groups (Hack #30), Google Image (Hack #31) และ Google Directory นอกจากนี้แล้วในบริเวณระนาบที่ใกล้เคียงกัน คุณจะเห็นจำนวนผลลัพธ์ที่ได้ และจำนวนเวลาที่ใช้ในการสืบค้นด้วย

ใน บางครั้งคุณจะเห็นผลลัพธ์หรือชื่อเว็บไซต์ ซึ่งเด่นออกมาด้วยสีของพื้นหลังที่ต่างจากพื้นหลังปกติ โดยมักอยู่ในส่วนมุมขวาบนของ Web Page หน้าที่แสดงผลลัพธ์นั้นๆ นี่คือส่วนที่เป็น " Web Link จากสปอนเซอร์" (หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการโฆษณานั่นเอง) แต่ Google ก็มีนโยบายที่ชัดเจนในการโฆษณา และจะยอมรับเฉพาะการโฆษณาด้วยตัวอักษรเท่านั้น แทนที่จะเป็นการใช้แบนเนอร์ที่หวือหวาเหมือนเว็บไซต์อื่นๆ

ใต้ Web Link ของสปอนเซอร์ในบางครั้งคุณจะเห็นรายการของประเภท (category) ซึ่งแยกแยะคำที่คุณค้นหาออกเป็นกลุ่มย่อยๆอีกทีหนึ่ง เช่นในกรณีของ flower คุณจะเห็นว่ามีการแบ่งย่อยออกเป็น Shopping à Flowers à Wire Services คุณจะเห็นการแยกประเภทของคำเช่นนี้จากคำที่เป็นคำพื้นๆและเป็นคำโดด ยกตัวอย่างเช่น หากคุณหาคำว่า pinwheel flowers แล้วล่ะก็ Google จะไม่แบ่งย่อยประเภทให้กับคำว่า flowers ในกรณีนี้

ภาพที่ 1-2 ผลจากการสืบค้นคำว่า "flowers"

เหตุ ที่คุณได้ผลลัพธ์ที่แบ่งประเภทของคำด้วย ก็เพราะ Google เป็นการค้นหาแบบ full-text search และได้มีการนำข้อมูลจากส่วนที่เป็น Open Directory Project (http://www.dmoz.org/) เพื่อนำมารวมกับการจัดอันดับ Web Page ของตนเพื่อที่จะจัดทำเป็น Directory ของ Google เอง ซึ่งผลลัพธ์รายการแรกที่ได้ (ซึ่งไม่ใช่ Web Link ของสปอนเซอร์) ของคำว่า "flowers" แสดงไว้แล้วในภาพที่ 1-3

ภาพที่ 1-3 ผลลัพธ์รายการแรก (ซึ่งไม่ใช่ Web Link ของสปอนเซอร์) ของคำว่า "flowers"


เรา ลองมาวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้อย่างละเอียดดังนี้บรรทัดบนสุดของผลลัพธ์ที่ได้ คือชื่อของ Web Page ซึ่งอยู่ในรูปของ Web Link ที่ลิงก์ไปยัง Web Page หน้าดังกล่าว

บรรทัดที่สองเป็นข้อมูลย่อๆของเว็บไซต์ ในบางครั้งก็จะเป็นคำอธิบายเป็นคำๆหรือเป็นประโยค บางครั้งก็จะเป็นรายละเอียดของ HTML และบางครั้งก็จะเป็นคำแนะนำบางสิ่งบางอย่าง เป็นต้น แต่ Google มักจะใช้คำอธิบายจาก Meta Tag (ถ้ามี) แทนที่จะใช้จากส่วนที่เป็น Navigation ดังนั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยว่า เมื่อคุณดูผลลัพธ์จาก Google แล้ว คุณจะไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับอะไร

บรรทัดต่อไปจะให้ข้อมูล ที่ขยายความเพิ่มเติม นับตั้งแต่ URL และขนาดของ Web Page หน้านี้ (Google จะแสดงเฉพาะขนาดของ Web Page ที่ได้ cache เอาไว้แล้วเท่านั้น) และจะแสดง Web Link ที่สามารถคลิกไปยังข้อมูลที่ทาง Google ได้ cache เอาไว้ด้วย ส่วนสุดท้ายคือ Web Link ที่จะพาคุณไปยัง Web Page หน้าที่มีเนื้อหาคล้ายกันหรือใกล้เคียงกัน (Similar Page) กับหน้านี้

วิเคราะห์ข้อมูลจากผลลัพธ์ของ Google แล้วได้อะไร
เพราะ เหตุใดคุณจึงต้องวิเคราะห์ข้อมูลจากผลลัพธ์ของ Google แทนที่จะคลิก Web Link เหล่านั้นเพื่อเข้าไปที่เว็บไซต์และดูผลลัพธ์ที่ได้เสียเลย คำตอบง่ายๆก็คือถ้าคุณมีการเชื่อมโยงด้วยบรอดแบนด์ (อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง) ได้ตลอดเวลาแล้วละก็ คุณก็อาจไม่ต้องเดือดร้อนที่จะวิเคราะห์ข้อมูลในส่วนนี้ เพราะสามารถเข้าไปดูได้ทีละหน้าๆ แต่ถ้าคุณมีการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตที่ความเร็วไม่สูงนัก และมีเวลาจำกัดในการหาข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนนี้ ก็น่าจะมีประโยชน์สำหรับคุณบ้างพอสมควร

ก่อนอื่นลองดูที่ข้อมูลสรุป ของ Web Page (page summary) ว่า keyword ที่เราใช้นั้นปรากฏอยู่ที่ส่วนใดบ้าง เช่นตรงกลางของชื่อเว็บไซต์หรือไม่ ซึ่งมันอาจช่วยให้คุณได้พบว่าเนื้อหาที่ปรากฏนั้นไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ ค้นหา
หากมีข้อมูลของขนาด Web Page อยู่ด้วย ลองดูว่ามันมีขนาดใหญ่หรือไม่ ถ้าใช่มันอาจเป็น Web Page ที่แสดงรายการของ Web Link จำนวนมากก็ได้ หากมีขนาดเพียง 1K หรือ 2K ก็เป็นไปได้ว่ามันน้อยเกินไปที่คุณจะได้รายละเอียดของข้อมูลที่ต้องการ ถ้าคุณต้องการผลลัพธ์ที่มีจำนวน Web Link มากๆ (ดู Hack #21 เพิ่ม) ก็ให้ดูที่ขนาด 20K ขึ้นไป

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘