HACK#13 การใช้เครื่องหมาย Wildcards ในแบบของ Google

เครื่องหมาย Wildcard ใน Google สามารถใช้แทน keyword ใดๆ ก็ได้ ในคำสั่งที่ใช้สำหรับการค้นหาหรือสืบค้น
Search Engine บางตัวจะสนับสนุนเทคนิคที่เรียกว่า “Stemming” ซึ่งจะหมายถึงการใส่เครื่องหมาย wildcard โดยเฉพาะเครื่องหมายดอกจันทร์ (*) แทนคำที่ต้องการ หรือบางครั้งก็จะใช้เครื่อง หมายคำถาม (?) ลงในคำสั่งซึ่งจะทำให้ Search Engine ใช้เครื่องหมายนี้เป็นคำที่ไม่เฉพาะเจาะจงลงไป ยกตัวอย่างเช่น การระบุคำว่า moon* จะทำให้ Search Engine ไปสืบค้นทั้งคำว่า moons, moonlight และ moonshot รวมถึงคำอื่นๆที่มีคำว่า moon อยู่ด้วย แต่สำหรับ Google เองแล้วไม่ได้สนับสนุนวิธีการ stemming เช่นนี้
สิ่ง ที่ Google สนับสนุนคือ full-word wildcard ซึ่งแม้ว่าคุณจะไม่สามารถใส่เครื่องหมาย wildcard ไว้เป็นส่วนหนึ่งของคำได้ แต่คุณสามารถที่จะแทรกเครื่องหมาย wildcard (ในกรณีของ Google คือเครื่องหมาย *) ลงในวลีและให้เครื่องหมาย wildcard ทำงานเสมือนการแทนที่ในคำโดด เช่น คุณอาจจะระบุให้ Google ค้นหาวลี “three * mice” ซึ่งคุณจะได้ผลลัพธ์เป็น three blind mice , three blue mice และ three green mice เป็นต้น
คุณ อาจสงสัยว่า full-word wildcard นั้นดีอย่างไร แม้ประโยชน์ของมันจะไม่มากมายเท่ากับวิธีการแบบ stemming ก็ตาม ทว่ามันก็สร้างความสับสนให้น้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะเครื่องหมายดอกจันทร์หนึ่งดอกหมายถึงการแทนด้วยคำหนึ่งคำ และดอกจันทร์สองดอกจะใช้แทนได้สองคำ เช่นนี้ไปเรื่อยๆ ดังนั้น full-word wildcard จะใช้ได้ดีในกรณีต่อไปนี้คือ
  • การหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของ Google ที่ให้ใช้คำค้นหาได้เพียง 10 คำ ( Hack #5) คุณจะเจอกับกรณีเช่นนี้ได้เมื่อคุณพยายามที่จะหาเนื้อเพลงหรือคำคมต่างๆ เช่น การใส่ข้อความว่า “Fourscore and seven year ago, our father brought forth on this continent” ลงใน Google ซึ่งจะทำให้ Google สืบค้นได้ถึงคำว่า “on” เท่านั้น และจะไม่สนใจคำที่เหลืออยู่หลังจากนั้นเลย
  • การ ตรวจสอบความถี่ที่ปรากฏในผลการค้นหาของวลีที่ต้องการ หรือบางส่วนของวลี เช่นใน intitle:“methinks the * doth protest too much” และ intitle: “the * of Seville”
  • การ เติมคำลงในช่องว่างให้กับส่วนที่หลงลืมไป เพราะในบางครั้งคุณอาจจะจำเนื้อเพลงที่คุณต้องการค้นหาได้เพียงบางส่วน แต่คุณก็ยังสามารถสืบค้นด้วยคำที่คุณจำได้ โดยไม่ต้องเดาสุ่มหาคำอื่นๆ มาใส่ให้ครบ
ลองดูตัวอย่างจากการค้นหาเพลงในยุคดิสโกที่ชื่อ “Goodtimes” ของวง Chic และดูเนื้อเพลงในท่อนที่ว่า “you silly fool, you can’t change your fate” ดูเป็นตัวอย่างสักหน่อยก็ได้
บาง ทีคุณอาจจะเคยได้ยินทำนองของเพลงนี้ แต่คุณอาจจะจำไม่ได้ตรงคำว่า “fool” ว่าเป็นคำนี้หรือเป็นคำอื่น หากคุณจำผิด (สมมติว่าเนื้อร้องที่ถูกต้องของท่อนนี้ คือ “you silly child, you can’t change your fate”) คุณก็จะไม่ได้ผลลัพธ์อะไร และคุณก็อาจจะลุกจากที่นั่งขึ้นมาด้วยความสลดใจว่า ไม่มีใครใส่ใจที่จะนำเอาเพลงของวงนี้มาใส่ไว้ในอินเทอร์เน็ตเลย
ทางออกของคุณก็คือ การระบุคำสั่งค้นหาด้วยการใส่เครื่องหมาย wildcard แทนคำที่คุณจำไม่ได้ เช่น
“you silly *, you can’t change your fate”
นอก จากนี้คุณยังสามารถที่จะใช้เทคนิคนี้กับคำสั่งต่างๆ เนื้อเพลง บทกลอน และอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรจำไว้ว่า ควรจะระบุคำที่คุณคิดว่าจะได้ผลลัพธ์ ใกล้เคียงกับสิ่งที่ต้องการให้มากที่สุด หากคุณระบุเพียง “you * fool” เพียงสั้นๆเท่านี้ ก็จะทำให้คุณได้สิ่งที่ไม่ต้องการติดขึ้นมาอีกมากมาย

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘